ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 16 พี่ใหญ่(2)
ตอนที่16 พี่ใหญ่(2)
กลิ่นสุคนธรสของบุปผาเก้าราตรี หากให้คนป่วยสูดดมเป็นเวลานานอาจทำให้จิตใจเกิดความสับสนระสับระส่ายได้ง่าย
เซียถงหันขวับกลับมามองอาจูในทันใด ม่านตาดำหดแคบลงเท่ารูเข็ม ปรากฏแสงสีเย็นประดุจคมมีดสะท้อนจ้าออกมา
“คะ-คุณหนู โปรดอภัยให้บ่าวด้วย! [jk;ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ! ทะ-ทั้งหมด…เป็นคำสั่งของฮูหยินรอง นางสั่งให้บ่าวนำสิ่งนี้มาแขวนไว้ในห้องของฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ บ่าว…บ่าวจำเป็น…”
ยังมิทันจะได้เอ่ยกล่าวอันใดสิ้นสุด เพียงพริบตาเดียว อาจูก็ถูกเซียถงพุ่งบีบคอแน่นดัง‘หมับ’ กระแทกสั่นสะท้านไปถึงลูกกระเดือกแทบอาเจียนออกมา
เซียถงเริ่มออกแรงบีบคออีกฝ่ายแน่นขึ้นเรื่อยๆ ยกร่างของอาจูลอยขึ้นเหนือพื้น น้ำลายฟูมฟอดออกจากปากแทบจะขาดอากาศหายใจได้แล้ว
“หากอยากตายนัก ข้าก็จักสนองให้”
น้ำเสียงของเซียถงช่างเรียบเฉยสิ้นดี ประดุจสุ้มเสียงยมภูตเลือดเย็นที่ส่งตรงออกจากขุมนรกชั้นใน!
คล้อยหลังกล่าวเช่นนั้นจบ เซียถงก็ใช้หัวแม่โป้งบีบนวดไปยังบริเวณเส้นเลือดใหญ่ข้างคอของอาจู เสียงดังกึกกักคล้ายเส้นเลือดใหญ่กำลังฉีกขาด
เฮือกหายใจสุดท้าย อาจูได้แต่จับจ้องใบหน้าอันเหี้ยมโหดของเซียถง พยายามส่งสายตาวิงวอนร้องขอชีวิต
“เซียถง หยุดเดี๋ยวนี้! อย่าทำร้ายนาง!”
ฮูหยินหลี่รีบโผล่งขึ้นจากเตียงหยุดโดยไว
เซียถงเหลือบหางตามองฮูหยินหลี่ พอเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายเปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดผวา ทั้งยังขอร้องขอความเมตตาแทนอีกฝ่ายด้วยใจจริง นางก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกหนึ่งและคลายมือออก ปล่อยร่างของอาจูร่วงกระแทกลงกับพื้นทั้งแบบนั้น
“เช่นนั้น ไฉนซองเครื่องหอมนี่ถึงอยู่ในห้องท่านแม่ข้าได้?”
เซียถงจ้องตาอาจูเขม็งราวกับเตรียมปลิดชีพอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ สายตาที่อาจูได้รับล้วนมีแต่ความเย็นชาไร้ปราณี ปราศจากความเห็นใจใดๆ
“ทั้งหมดเป็นฝีมือของฮูหยินรองเจ้าค่ะ! นางขู่ข้าบอกว่า หากไม่ยอมทำตามที่บอก นางจะสั่งให้บ่าวชายรุมข่มขืนข้าและฆ่าทิ้งไปโยนให้สุนัขข้างทางกินเจ้าค่ะ! แต่พอข้ายืนกรานเสียงแข็งปฏิเสธ ก็โดนฮูหยินรองใช้แส้ฟาดข้าไม่หยุด! นี่คุณหนู! หลักฐาน! ขอให้บาดแผลทั่วร่างกายข้าเป็นสิ่งยืนยันเจ้าค่ะ!”
อาจูลุกขึ้นขากพื้นอย่างทุลักทุเล ปลดเสื้อผ้าครึ่งท่อนออกเผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์มากมายทั่วทั้งตัว เผยให้เซียถงเห็นทั้งน้ำตา
เซียถงกวาดสายตามองปราดหนึ่งถึงกับผงะเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อเลยว่า เรือนร่างขาวผ่องประดุจหิมะนี้จะประดับประดาไปด้วยบาดแผลจากแส้มากมาปานนี้ บางจุดลึกแทบเห็นกระดูกขาวด้านใน
“ฮูหยินรองบอกว่า หากฮูหยินใหญ่ได้กลิ่นเครื่องหอมนี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง นางจะกลายเป็นโรคจิตเภท แน่นอนว่าทีแรกข้าไม่ยอมทำตาม แอบไปแขวนในห้องนอนข้าแทน แต่…”
ทั่วใบหน้าของอาจูเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
“แต่พอฮูหยินรองจับได้จึงขับข้าไปเฆี่ยนต่ออย่างหนัก สุดท้ายข้าไม่มีทางเลือกอื่นใด เลยต้องนำมาแขวนในห้องฮูหยินใหญ่เช่นนี้”
“ต่อไป หากใครสั่งอะไรเจ้าก็จงนำเรื่องมาบอกกับข้าเสียก่อน ทุกการเคลื่อนไหวของเจ้าจะต้องอยู่ในสายตาของข้า”
เซียถงจับจ้องเรือนร่างขาวเนียนของอาจูที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมายไปแวบหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับมาตามเดิมพร้อมโยนน้ำยาสมุนไพรขวดดำออกมาจากแขนเสื้อยาวของตนออกมา มอบแก่อีกฝ่ายและกล่าวว่า
“นี่ของเจ้า”
อาจูรีบคว้าขวดน้ำสมุนไพรขึ้นมากระดกดื่มอย่างรวดเร็ว และรีบคุกเข่าพร้อมโขกศีรษะให้แก่เซียถงด้วยความกตัญญูเจืออับอายยิ่งว่า
“ขอบพระคุณคุณหนู! ขอบพระคุณคุณหนู! ชั่วชีวิตที่เหลือข้าขอติดตามรับใช้คุณหนูใหญ่จนกว่าจะหาไม่!”
ทั้งที่นางปฏิบัติต่อฮูหยินใหญ่เช่นนี้ แต่คุณหนูก็ยังเลือกที่จะมอบยาถอนพิษให้ แล้วจะไม่ให้อาจูรู้สึกละอายใจได้อย่างไร?
แต่อาจูกลับไม่รู้เลยว่า ครั้งก่อนหน้าที่เซียถงยัดยาเม็ดปริศนาเข้าปากไปมันไม่ใช่ยาพิษ แต่เป็นเพียงก้อนน้ำตาลเท่านั้น ส่วนน้ำยาสมุนไพรถอนพิษในคราวนี้ก็แค่น้ำตาลที่ละลายน้ำเปล่าที่บรรจุในขวดยาเท่านั้น
เมื่อแกะซองเครื่องหอมเก็บกลับมาลงเสร็จสรรพ ดวงตาคู่นั้นของเซียถงก็ปรากฏเปลวไฟสาดสะท้อนออกมา นางหมุนตัวเตรียมออกไปคิดบัญชีกับฮูหยินเฉิงในทันที “ถงเอ๋อร์! เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว! ทิ้งซองเครื่องหอมนั่นไปซะ!”
ฮูหยินหลี่โพล่งลุกขึ้น คว้าแขนของลูกสาวตนเองเอาไว้
เซียถงมองย้อนกลับไปหาอีกฝ่าย แต่กลับเงียบนิ่งไม่พูดอะไร
“ถงเอ๋อร์ ตระกูลเฉิงเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งที่สุดในจักรวรรดิตงหลี่ กระทั้งฝ่าบาทยังต้องไว้หน้าหนึ่งส่วน คนพวกนั้นหาใช่สิ่งที่พวกเราจะยั่วยุหรือล้ำเส้นได้! ไม่ว่าแม่จะเป็นอย่างไรกลับไม่สำคัญ แต่เจ้าอย่าเป็นอะไรไปก็เพียงพอ!”
ฮูหยินหลี่กุมมือเซียถงไว้แน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เหตุผลที่ทำให้ฮูหยินหลี่ยอมทนรับทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เพื่อหวังให้เซียถงอยู่รอดปลอดภัย
“ท่านแม่ ข้าโตพอแล้ว ต่อให้ท้องนภาร่วงหล่นลงมา ข้าก็สามารถแบกรับเอาไว้ได้!”
เซียถงสะบัดมือของแม่ตัวเองออกไป ทั้งสายตาและสีหน้าช่างแน่วแน่นัก
“ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดมันรังแกท่านได้อีกแล้ว”
เมื่อเหม่อมองร่างผอมบางแต่แสนมั่นคงก้าวย่างเดินออกไป ใจหนึ่งฮูหยินหลี่ก็รู้สึกมีความสุขเหลือเกิน ทว่าอีกใจหนึ่งก็รู้สึกกังวลไม่น้อยเช่นกัน
นี่…นี่ใช่ลูกสาวของนางจริงๆรึ? ลูกสาวข้าโตขึ้นมากแล้ว!
“ส่วนนี่เป็นยาทาแผล”
เมื่อเดินข้ามผ่านอาจูไป เซียถงโยนขวดขี้ผึ้งให้ตรงหน้าอย่างลวกๆ
อาจูเงยหน้ามองอีกฝ่ายเจือแววประหลาดใจ ขณะที่แผ่นหลังของเซียถงยิ่งเหินห่างออกไปไกล ยามนั้นนางค่อยคลานเข่าไปหยิบขวดขี้ผึ้งดังกล่าวขึ้นมาประคองไว้ด้วยสองมือ ก่อนที่น้ำตาจะรินไหลออกมาอีกครั้ง
ณ เรือนใหญ่แห่งจวนเสนาบดี ฮูหยินรองเฉิงกำลังเขียนคิ้วอยู่หน้ากระจกแต่งหน้าอย่างสบายอารมรณ์
แต่ทันใดนั้นเอง ประตูเรือนถูกถีบให้เปิดออกอย่างแรงจนดีดไปฟาดกับผนังดัง‘ปัง!’
ฮูหยินรองเฉิงสะดุ้งโหย่ง รีบหันขวับมองย้อนกลับมาด้วยความประหลาดใจยิ่ง ใครกันที่กล้าอวดดีปานนี้กัน?!
“นังสารเลว เจ้ากล้าปานนีเชียว?!”
เมื่อเห็นเซียถงยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูเรือน สีหน้าการแสดงออกของฮูหยินรองเฉิงพลันดูเย็นชาขึ้นทันควัน
นางชี้นิ้วด่ากราดอีกฝ่ายดังสนั่นว่า
“แม่บัดซบที่ให้กำเนิดเจ้ามา ไม่เคยสั่งสอนมารยาทพื้นฐานกับเจ้ากระมัง? แหกตาดูสิ่งที่เจ้าทำลง…”
‘เกร๊งงง!!’
เซียถงตรงเข้ามากวาดสรรพสิ่งบนเครื่องแป้งของฮูหยินรองเฉิงร่วงกราวแตะละเอียด พร้อมคว้าซองเครื่องหอมทุบลงบนโต๊ะดัง‘ปัง’ต่อหน้าต่อตาอีกฝ่าย ทำเอาสุ้มเสียงของฮูหยินรองเฉิงพลันหยุดกะทันหัน
นางเหลือบสายตาจับจ้องถุงเครื่องหอมดังกล่าวบนโต๊ะเครื่องแป้งของตน สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับเป็นปกติดั่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลาต่อมา จากนั้นเก็เงยมองเซียถงพร้อมกล่าวเยาะเย้ยขึ้นว่า
“เป็นบ้าอะไรของเจ้า? รีบไสหัวไปเสียดีกว่า อย่าทำให้เรือนของข้าต้องแปดเปื้อนไปมากกว่านี้! ออกไป!”
“เจ้านี่มันนรกส่งมาเกิดโดยแท้! ถึงท่านแม่ของข้าจะมิใช่คนที่ได้รับการโปรดกปรานอันใดนัก แต่ก็ถือเป็นคนของจวนกั๋วกง หากข้าส่งสิ่งนี้มอบให้แก่ฝ่าบาท ข้าอยากรู้เสียจริงว่า ผลลัพธ์มันจะเป็นยังไง!”
เซียถงจ้องตาฮูหยินรองเฉิงเขม็ง ย่างสามขุมตรงเข้าใกล้อีกฝ่ายอย่างแช่มช้า
“เจ้า…เจ้ากล้าลงมือกับข้ารึ?!”
ฮูหยินรองเฉิงจับจ้องไปที่หญิงสาวเบื้องหน้าที่ค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้ ทุกย่างก้าวที่เข้ามายิ่งทำให้ความเยือกเย็นคืนคลานเข้ามาในใจนางมากขึ้นเรื่อยๆ
นางพยายามจะวิ่งหนีออกไปจากบริเวณโต๊ะเครื่องแป้งโดยเร็วที่สุด แต่ก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น พอรู้สึกตัวอีกฝ่ายก็ถูกเซียถงพุ่งเข้าประชิดตัว รวบแขนทั้งสองไขว้หลังและโดนกดหัวแน่นกระแทกอัดกระจกเครื่องแป้งอย่างแรง
มีอะไรบนผืนพิภพแห่งนี้ที่เซียถงไม่กล้าทำด้วยรึ?
ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับว่า นางอยากจะทำมันหรือไม่เท่านั้นเอง