ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 163 คนโง่ (1)
ตอนที่163 คนโง่ (1)
“คุณหนูทำให้องค์รัชทยาทเสียแขนไปทั้งข้าง ฝ่าบาทรึจะงดเว้นให้อภัย?”
จู่ๆ อิ๋งเอ๋อร์ก็ผละตัวออกจากร่างของเซียถง จับกุมไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้แน่นและเขย่าไปมาด้วยตื่นตระหนก อุทานร้องลั่นราวกับขวัญเสียไปแล้วว่า
“คุณหนูรีบหนีไปเร็ว! หากรีบมุ่งหน้าออกจากเมืองในเวลานี้ยังทัน! ปล่อยที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของบ่าวเอง!”
“อิ๋งเอ๋อร์ จงเชื่อใจข้า ฝ่าบาทจะไม่มีวันทำอันตรายอันใดกับข้าแน่นอน”
ลักษณ์ท่าทางของเซียถงในเวลานี้ดูค่อนข้างมั่นใจ คล้ายว่ากำลังเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง กระทั่งดวงตายังเปล่งแสงประกายสดใส เปี่ยมล้นความมั่นคงอยู่เต็มพิกัด
“อย่าลืมไปเสีย ข้าเป็นถึงนักหลอมโอสถคนหนึ่ง คืนนี้ข้าจะรีบหลอมกลั่นโอสถให้เสร็จสรรพ แล้วนำไปมอบแก่ฝ่าบาทในวันพรุ่งนี้”
เซียถงกล่าวอธิบายต่อ
นางตระหนักชัดแล้วว่า ฝ่าบาทแห่งจักรวรรดิตงหลี่ผู้นี้เป็นเพียงคนเห็นแก่ตัวและโลภมากคนหนึ่งเท่านั้น และเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ติดต่อสัมพันธ์กับเซียนโอสถจอมปลอมที่นางกุขึ้นมา แน่นอนว่า คนประเภทนี้จะให้ค่าเฉพาะกับผู้ที่ให้ประโยชน์แก่ตนได้เท่านั้น สุดท้ายนี้ หากนางสามารถหลอมกลั่นโอสถดีๆ สักชนิดมอบแก่ฝ่าบาทได้ อีกฝ่ายย่อมไม่สนใจเรื่องความเป็นความตายของบุตรชายของตนเองแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะมองข้ามไปเลยด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม แผนการดังกล่าวใช้ได้เฉพาะกับคนที่โลภมากและเห็นแก่ตัวถึงแก่นจริงๆ เท่านั้น และเนื่องด้วยตัวเซียถงค่อนข้างมั่นใจว่า เนื้อแท้ของฝ่าบาทพระองค์นี้เป็นอย่างไร นางจึงกล้าที่จะลงมือตัดแขนของไป๋หลี่เย่ต่อหน้าสาธารณะเช่นนี้
เมื่อได้ฟังดังนั้น ท่าทีการแสดงออกของอิ๋งเอ๋อร์ที่ก่อนหน้าเปี่ยมล้นความกังวล ก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นความปีติยินดีในทันใด ยกมือยกไม้เช็ดหน้าเช็ดตา กระโดดลงจากเตียงโผเข้าสวมกอดเซียถงพลางกล่าวว่า
“คุณหนูของบ่าวเก่งที่สุดเลย! รอสักครู่นะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะรีบนำชุดเสื้อผ้าใหม่มาเปลี่ยนให้!”
ในตอนกลางดึก เซียถงเดินทางมาถึงทางเข้าของบึงในป่าลึก จากระยะไกลสุดขอบเส้นสายตา เห็นเป็นอาหานในชุดสีดำที่กำลังเดินเข้ามาหา ขณะเดียวกันก็พลางแหงนศีรษาะขึ้นเชยชมจันทร์เจ้าพราวแสงสว่างไสว
ดูเหมือนว่าเขาแทบจะไม่ได้สังเกตเห็นเซียถงเลย เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับแสงจันทร์ค้างประดับฟ้า ไม่มีทีท่าจะเหลียวลงมามองหน้ากันแม้สักนิด
“มีอะไรรึเปล่า?”
เซียถงก้าวแช่มเดินเข้าไปหาเขาและเอ่ยปากถามขึ้น ทั้งที่ขุมพลังความแกร่งกล้าของอาหานสูงส่งเหนือชั้นถึงปานนั้น ทว่าจวบจนตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถจับสังเกตต่อการมาถึงของนางได้เสียด้วยซ้ำ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่า เขาจริงจังขนาดไหนกับการเชยชมจันทร์เจ้าในขณะนี้
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง อาหารจึงค่อยลดสายตามองไปที่เซียถง คู่คิ้วที่ถักแน่นขมวดเป็นปมก่อนหน้า คล้ายจะดูคลายอ่อนลวงอยู่หลายส่วน ส่งยิ้มบางปรากฏขึ้นบนมุมปากเล็กน้อย เขาส่ายหัวพร้อมยิ้มตอบกลับไปว่า
“ไม่มีอะไร!”
เหม่อมองใบหน้ายิ้มแย้มที่อบอุ่นสุดแสนตรงหน้า หัวใจดวงนี้ของเซียถงพลันรู้สึกเจ็บปวดเกินจะอธิบายได้ กาลครั้งหนึ่ง เคยมีชายคนหนึ่งที่สามารถเอาชนะใจนางได้ และทำให้รู้สึกว่า เขานี่แหละคือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนาง โดยเฉพาะกับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นนั่น แต่สุดท้ายเขาผู้นั้นกลับทรยศหักหลังตน…
“เจ้าเป็นอะไรไปรึ?”
พอเห็นเซียถงจมดิ่งลงกับความคิดพร้อมสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก อาหานจึงรีบเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความเป็นห่วง
เซียถงได้แต่ส่ายหน้าโดยไร้คำพูดตอบ เดินตรงเข้าไปในชั้นหมอกหนาสีขาวตรงหน้าเพียงลำพัง อาหานยืนมองแผ่นหลังของหญิงสาวที่เลือนหายไปภายในนั้น มุมปากม้วนงอเป็นทุกข์โศกแทนเล็กน้อย และเดินติดตามเข้าไปในหมอกทึบอย่างอ้างว้าง
ทั้งสองมิได้เข้าไปยังส่วนลึกของบึงดั่งครั้งก่อนหน้า เพียงเดินลัดเลาะไปตามขอบรอบนอกอยู่สักระยะหนึ่ง และสัตว์อสูรโดยส่วนใหญ่ที่พบเจอล้วนเป็นสัตว์อสูรปราณชั้นกลางและสูง โดยทั่วไป ทุกชีวิตของสัตว์อสูรที่เข้าเผชิญหน้าล้วนดับสิ้นภายใต้คมกระบี่ในมือเซียถง
ส่วนเสี่ยวฮั่วก็ลอยตามอากาศติดตามอยู่เบื้องหลังของคนทั้งสอง พลางดูดกลืนพลังวิญญาณจากซากศพสัตว์อสูรพวกนั้นอย่างสบายใจ
ระหว่างทางเอง เซียถงก็รวบรวมสมุนไพรหลากหลายชนิดได้จำนวนหนึ่ง จึงเก็บเข้าไปในกระเป๋าเหน็บข้างเอวถุงน้อยๆ ที่นางมักจะพกติดตัวอยู่เป็นประจำ เมื่อจันทร์เจ้าเริ่มเบี่ยงทิศเอียงไปทางตะวันตก เซียถงและอาหานจึงแยกย้ายกันกลับไป
กลับมาถึงห้องพัก เซียถงเริ่มกระบวนการหลอมกลั่นโอสถโดยทันทีภายใต้สูตรโอสถที่เสี่ยวฮั่วอธิบายให้ฟังผ่านห้วงความคิด โดยมีข้อจำกัดที่ว่า จะเป็นสูตรโอสถใดก็ได้ขอเพียงสามารถใช้งานสมุนไพรที่เก็บได้ตามบึงในวันนี้ ซึ่งหลังจากที่นางและเสี่ยวฮั่วใช้ความพยายามกันอยู่นาน ในที่สุดก็สามารถหลอมกลั่นโอสถเม็ดหนึ่งได้สำเร็จ ซึ่งสรรพคุณของโอสถเม็ดนี้คล้ายคลึงกับโอสถอายุวัฒนะหลายส่วน
แน่นอนว่า แต่ละครั้งที่กินโอสถอายุวัฒนะลงไป มันช่วยชะลอความแก่ชราของระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายได้ อย่างน้อยก็ลดทอนอ่อนเยาว์ลงถึงสิบปีเป็นขั้นต่ำ แต่โอสถอายุวัฒนะเม็ดนี้ในมือของเซียถง ยังมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเสริมคือ สามารถทำให้ระบบการทำงานของร่างกายคนเรา ฟื้นคืนสู่สภาวะสูงสุดอย่างที่เคยเป็นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากโอสถเม็ดนี้ถูกดัดแปลงสูตรไปค่อนข้างมากและใช้กลวิธีที่ค่อนข้างพิเศษในการหลอมกลั่น จึงทำให้ไม่สามารถมองผ่านอ่านระดับชั้นของโอสถเม็ดนี้ได้
หลังจากหลอมกลั่นเสร็จสิ้น เซียถงก็นั่งรอคอยการมาถึงของบรรดาทหารองครักษ์ทั้งหลายในวังหลวง และเป็นไปตามคาดการณ์ ยามแสงอรุณแรกแย้มสาดส่องลงมา ก็มีขันทีผู้หนึ่งนำขบวนทหารองครักษ์หลายสิบนาย พร้อมด้วยพระราชกฤษฎีกาในมือเดินทางเข้ามา เพื่อนำตัวเซียถงเข้าวังหลวงโดยทันที
เซียถงเหลือบสายตากวาดมองกองทหารองครักษ์เหล่านั้น ชักสีหน้าเย้ยหยั่นดูถูกอย่างชัดเจน เพราะในบรรดากองทหารเหล่านั้นกอปรไปด้วยยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงอยู่ถึงสองคน นี่คงตั้งใจไว้ว่า หากนางขัดขืนไม่ยอมเข้าวังหลวง คงจะใช้กำลังนำจับกันทั้งเป็นกลับไปให้ได้? อยากรู้เสียจริงว่า หากฝ่าบาทรู้ว่า นางเตรียมของขวัญสุดพิเศษอย่างโอสถอายุวัฒนะไว้ให้ อีกฝ่ายยังกล้าเสียมารยาทปานนี้ต่อนางอีกหรือไม่?
เซียถงอาสาเดินนำขบวนตรงออกไปโดยไม่มีเกรงกลัวหรือประหม่าหวั่นใจแต่อย่างใด พอมาถึงวังหลวงก็เข้าพบฝ่าบาทภายในพระราชวังด้านในโดยตรง สิ่งแรกที่พบเห็นทันทีที่มาถึงก็คือ เซี่ยอี้เฉินที่กำลังคุกเข่าศีรษะจรดแนบพื้น สภาพทั่วทั้งร่างกายค่อนข้างอเนจอนาถเต็มไปด้วยบาดแผล เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายเพิ่งโดนโบยไปหลายร้อยไม้ ยามนี้ถึงได้ศิโรราบโดยสมบูรณ์
เมื่อเห็นเซียถงเดินเข้ามา เซี่ยอี้เฉินก็เงยหน้าขึ้นเหลียวมองเล็กน้อย ก่นน้ำเสียงเย็นชืดกล่าวกับนางด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า
“นังเดรัจฉาน เจ้ากล้ามาก! กล้าทำเรื่องสกปรกโฉดชั่วอย่างการลอบสังหารองค์รัชทายาทจริงๆ!! ต่อแต่นี้ไป เจ้าหาใช่ลูกสาวของข้า เซี่ยอี้เฉินอีกต่อไป! เจ้าไม่ใช่คนสกุลเซี่ยอีกแล้ว! และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหลังจากนี้ ย่อมไม่ข้องเกี่ยวกับจวนเสนาบดีเซี่ยของข้าอีกต่อไป!”
โอ้? ตัดหางปล่อยวัดกันเช่นนี้เลย?
เซียถงปรายหางตา เหลือบมองเซี่ยอี้เฉินเล็กน้อย ประกายตาสุกใสคู่นั้นของนางอัดแน่นไปด้วยแววความสมเพช นางก็ได้หวังเพียงว่า หลังจากนี้ต่อไป มันจะไม่ไปทำลูกกับผู้หญิงคนใดอีก เพราะคนเฉกเช่นนี้ ไม่มีคุณสมบัติของความเป็นพ่อคนเลยแม้แต่นิดเดียว มีไปก็สงสารเด็กที่เกิดมา!
“เซียถง เจ้าตัดแขนซ้ายขององค์รัชทายาท นับเป็นอาชญากรรมร้ายแรงสมควรได้รับโทษ เจ้ายอมรับหรือไม่?”
ฝ่าบาทนั่งตัวตรงทรงสง่าอยู่บนบัลลังก์มังกรทองคำ ยกฝ่ามือขนาดใหญ่ตบพนักพิงอย่างแรงไปทีหนึ่ง สาดสายตาคู่คมกริบยิงเข้าใส่เซียถง สีหน้าการแสดงออกมีแต่ความโกรธเกรี้ยวอยู่เปี่ยมล้น
“เรียนฝ่าบาท ก่อนที่จะตอบคำถามข้อนี้ หม่อมฉันมีอะไรบางอย่างต้องการจะมอบให้แก่ท่าน”
เซียถงกล่าวตอบฝ่าบาทกลับไปอย่างใจเย็น ทั้งดูถ่อมตัวและสุภาพอย่างยิ่ง
“หื้ม? อันใด?”
ประกายสายตาฝ่าบาทพลันสว่างไสวขึ้นทันใด ร่องรอยความโลภปรากฏขึ้นบนใบหน้าหนึ่งส่วน พร้อมเอนกายไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่กี่วันก่อน หม่อมฉันได้มีโอกาสพบเจอกับท่านเฒ่าประหลาดที่เคยฟื้นฟูจุดตันเถียนและถ่ายทอดวรยุทธแก่ตน เนื่องด้วยที่ผ่านมา ฝ่าบาททรงมีเมตตารักใคร่หม่อมฉันดั่งลูกหลาน เขาจึงมอบโอสถอายุวัฒนะแทนคำขอบคุณแก่ฝ่าบาท”
เซียถงส่งยิ้มให้ฝ่าบาท เล่ากล่าวออกมาพร้อมสีหน้าแววตาแสนสดใส
“แล้วไฉนต้องเป็นโอสถอยุวัฒนะ?”
ฝ่าบาทลุกขึ้นจากบัลลังก์มังกรทองคำโดยเร็ว ก้าวย่างตรงเข้าไปหาเซียถง สีหน้าแววตาดูตื่นเต้นดีใจเป็นลิงโลดเต้น
“หม่อมฉันเองก็มิทราบ ฝ่าบาทลองรับประทานดูก็อาจตระหนักทราบถึงเหตุผล”
เซียถงหยิบโอสถเม็ดนั้นจากอ้อมแขนขึ้นมา และยื่นให้ต่อหน้าฝ่าบาท
ฝ่าบาทใช้สองมือรับเอาไว้อย่างระมัดระวังราวกับบนฝ่ามือคือมหาสมบัติ พินิจมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะเอ่ยถามเจือน้ำเสียงตื่นเต้นเกินจะเก็บซ่อน
“แล้วท่านเฒ่าประหลาดผู้นั้นกล่าวไว้หรือไม่ว่า โอสถเม็ดนี้มีสรรพคุณอย่างไรบ้าง?”
“อืม….หากหม่อมฉันจำไม่ผิด เฒ่าประหลาดท่านนั้นบอกไว้ว่า โอสถอายุวัฒนะเม็ดนี้พิเศษกว่าทั่วไป เพราะมีคุณสมบัติเพิ่มเสริม สามารถทำให้ศักยภาพร่างกายของผู้ทานกลับคืนสู่สภาวะสูงสุดได้ทันที”
เซียถงเอียงศีรษะแสร้งทำเป็นฉงนใจ กล่าวอธิบายออกไปด้วยทีท่าแสนไร้เดียงสา เสมือนว่าได้ยินมายังไงก็กล่าวอธิบายไปแบบนั้นเลยตามตรง
ฝ่าบาทกดสายตาจับจ้องโอสถเม็ดกลมสวยในมืออยู่เป็นเวลานาน ทว่ากลับไม่มีจุดสังเกตใดเลยที่สามารถชี้วัดได้ว่า โอสถเม็ดนี้อยู่ในระดับชั้นอะไร เขาเบนสายตาหันมาถามเซียถงอย่างอดสงสัยมิได้ว่า
“เจ้าพาข้าไปหาท่านเฒ่าประหลาดผู้นั้นในเวลานี้เลยได้หรือไม่?”