ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 165 ประจบสอพอ
ตอนที่165 ประจบสอพอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยอี้เฉินก็แสดงรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า และรีบกล่าวตอบอย่างสุขใจขึ้นว่า
“เช่นนั้นไปกันเถอะ! รีบกลับบ้านเราดีกว่า! ข้าจะรีบสั่งคนครัวให้ไปเตรียมอาหารดีๆ สักสองสามชาม แล้วพวกเรามานั่งร่วมโต๊ะทานข้าวกันเฉกเช่นแต่ก่อนตอนที่เจ้ายังเด็ก!”
“ร่วมโต๊ะที่ว่าแค่สามคนกระมัง? หวังว่ากลับไปจะไม่เห็นหน้าฮูหยินรองเฉิงกับเซี่ยเสวี่ยเหลียนแล้ว?”
เซียถงกล่าวตอบคำหนึ่ง อดหัวเราะเย้ยเยาะมิได้
พอฝ่าบาทเริ่มพูดจาไม่ดีกับตน เซี่ยอี้เฉินก็แทบรอไม่ไหวที่จะหาโอกาสตัดสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกให้ขาดสะบั้นลงทันที แต่มาตอนนี้ เมื่อเห็นฝ่าบาทมิเพียงจะมองข้ามไม่เอาความเรื่องตัดแขนขององค์รัชทายาทกับนาง แถมยังใจกว้างประทานเงินกว่าหนึ่งแสนเหรียญทองเป็นรางวัล เซี่ยอี้เฉิงก็แทบกลับลำไม่ทัน ทัศนคติของเขาที่มีต่อเซียถงก็พลิกจากหลังตีนเป็นหน้ามือก็โดยไว ชนิดที่ว่าไม่มีความละอายแก่ใจอยู่เลย
แต่น่าเสียดายนัก นี่กลับสายเกินไปมากแล้ว!
เซี่ยอี้เฉินที่ได้ยินคำกล่าวประโยคนั้นของเซียถงก็ก้มหน้าก้มตาลงพื้นอีกครา แต่ก้ยังพยายามฝืนยิ้มกล่าวไปว่า
“ถงถง กลับบ้านก่อนเถอะ! กลับบ้านก่อน!”
ยิ่งเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูประจบสอพอสุดแสนของเซี่ยอี้เฉิน ความรู้สึกรังเกียจที่มีต่อเขาก็ยิ่งฝังลึกลงในใจของเซียถงมากขึ้นเท่านั้น ทิศทางผันแปรเปลี่ยน นางหมุนตัวกลับเดินแช่มไปทางจวนเสนาบดีเซี่ยโดยตรง ซึ่งมีเซี่ยอี้เฉินเดินติดตามอยู่เบื้องหลังต๋อยๆ
กลับมาถึงจวนเสนาบดีเซี่ย ฮูหยินหลี่รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นซียถงและเซี่ยอี้เฉินเดินกลับมาบ้านด้วยกัน และยิ่งได้ยินว่า เซี่ยอี้เฉินต้องการจะนั่งทานข้าวเย็นร่วมโต๊ะกันเฉพาะพ่อแม่ลูกแบบสามคน นางก็ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ ดวงตาคู่นั้นของนางแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเหอร้อนขึ้นมา น้ำตาแห่งความปีติยินดีแทบรินไหลออกมา ฮูหยินหลี่รีบลุกขึ้นจากเตียง พับแขนเสื้อสูงทั้งข้างซ้ายและขวา เดินตรงเข้าไปในเรือนครัวพร้อมด้วยท่าทีสุดกระตือรือร้น เพื่อจะลงมือทำอาหารให้สามีและลูกสาวตนเองรับประทานในมื้อนี้
“ท่านแม่ นั่งรอตรงนี้ก่อนจะดีกว่า หากต้องการอะไรเป็นพิเศษค่อยสั่งคนครัวก็ได้”
เซียถงรีบคว้าแขนของฮูหยินหลี่เอาไว้ก่อน
“ท่านพ่อของเจ้าเคยชื่นชอบผัดเต้าหู้ที่ข้าทำมาก ผ่านมากว่าสิบปีแล้วกระมังที่ไม่ได้กินฝีมือข้า วันนี้มีโอกาสอีกครั้งก็อยากจะแสดงฝีมือเช่นกัน มิฉะนั้นท่านพ่อของเจ้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”
กล่าวจบ ฮูหยินหลี่ก็เหลือบแลแผ่นหลังของเซี่ยอี้เฉินที่เดินกลับเข้าเรือนตนเอง เพื่อเตรียมตัวออกมาทานอาหารร่วมโต๊ะในภายหลัง และกล่าวออกมาอย่างมีความสุข…
อาหารที่ทำด้วยความรักมักอร่อยกว่าเสมอ!
เซียถงได้แต่ลอบถอนหายใจกับตัวเองเงียบๆ พลางส่ายหัวอานด้วยความหน่ายใจเกินบรรยายแล้ว ทั้งที่ตลอดที่ผ่านมา เซี่ยอี้เฉินปฏิบัติต่อนางขนาดนั้นแท้ๆ แต่ไฉนท่านแม่ของนางก็ยังทั้งรักทั้งหลงในตัวอีกฝ่ายอยู่ได้?
เหมือนว่าเซี่ยอี้เฉิงแองก็จะได้ยินคำพูดประโยคนี้ของฮูหยินหลี่เช่นกัน เนื้อตัวสั่นกระตุกเล็กน้อยพลางเหลือบสายตาย้อนกลับมามองเจือแววละอายใจ เพราะดูเหมือนว่า หลายสิบปีที่ผ่านมา เขาแทบจะไม่เห็นฮูหยินหลี่อยู่ในสายตาเลย…
ทั้งไม่สนและไม่ฟังวาจาคำห้ามปรามใดๆ ของเซียถง ฮูหยินหลี่มุ่งเข้าโรงครัวและเริ่มทำอาหารทันทีกับอาจู เซียถงเอนตัวพิงพักอยู่ตรงมุมหนึ่งของโรงครัว เฝ้ามองท่านแม่ที่กำลังยุ่งตัวเป็นเกลียวกับการเข้าครัวทำอาหารหลายอย่างพร้อมกัน และเนื่องจากโรคเรื้อรังที่ท่านแม่ต้องเผชิญตลอดหลายสิบปีมานี้ ส่งผลให้ปัจจุบันสุภาพร่างกายของนางจึงไม่ค่อยสู้ดีนัก ผอมซูบลงไปค่อนข้างมาก ทั้งที่นางอายุแค่สี่สิบปีเท่านั้น ทว่าปัจจุบันกลับดูเหมือนคนอายุห้าสิบกว่าแล้ว
ฮูหยินหลี่ง่วนอยู่กับหน้าเตาอยู่สักครู่ใหญ่ แต่จู่ๆ นางก็รีบยกกระทะออกจากเตา และปิดปากไออย่างรุนแรงต่อเนื่องชุดใหญ่ จนสีหน้าซีดขาวลงหลายส่วนในเสี้ยวพริบตา เซียถงเห็นว่าท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งไปประคองร่างของนางขึ้นมาและกล่าวว่า
“แม่! ท่านไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวที่เหลือข้ากับอาจูจัดการต่อเอง!”
“ข้า…อย่างน้อยก็ขอทำผัดเต้าหู้ให้เสร็จก่อนเถอะ แล้วข้าค่อยออกไปพักข้างนอก ท่านพ่อของเจ้ากำลังรอทานผัดเต้าหู้ฝีมือของข้าอยู่ แค่ก..แค่ก…อาจูขอน้ำ…”
ฮูหยินหลี่ส่ายหัวปฏิเสธและยื่นมือไปรับแก้วน้ำที่อาจูรีบวิ่งนำมาให้ หลังจากนั่งพักฟื้นอยู่สักครู่หนึ่ง สีหน้าของนางก็เริ่มดูดีขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็บอกให้เซียถงออกไปรอข้างนอกก่อน และเข้าครัวง่วนกับกระทะตรงหน้าอีกครั้ง
เซียถงขมวดคิ้วถักแน่น เหม่อมองฮูหยินหลี่พลันรู้สึกสะท้อนใจอย่างไร้เหตุผล แม้ว่าสภาพร่างกายของนางจะย่ำแย่เพียงใด แต่รอยยิ้มเปี่ยมสุขที่แขวนปรากฏอยู่บนใบหน้ากลับไม่เสื่อมคลายอ่อนลงเลยสักนิด พอเห็นเช่นนั้น เซียถงก็ไดแต่ถอนหายใจและถอยออกมาอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากทำอาหารพร้อมเสร็จสรรพ เซียถงกับฮูหยินหลี่ก็ช่วยกันยกจานชามอาหารเข้ามาจัดแจงบนโต๊ะ และนั่งรอเซี่ยอี้เฉินมาทานข้าวด้วยกัน แต่ผ่านไปนานแล้ว ก็ไม่เห็นอีกฝ่ายมาเสียที
เซียถงยามนี้เริ่มรู้สึกเอะใจ จึงส่งอาจูให้ไปออกไปตาม หลังจากนั้นไม่นานเกินรอ อาจูก็รีบสับเท้าเดินกลับเข้ามาหา เงยหน้าเคลื่อนสายตาจับจ้องฮูหยินหลี่อยู่เล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมากล่าวกับเซียถงว่า
“คุณหนูใหญ่ นายท่านกำลังนั่งรับประทานอาหารเย็นอยู่กับฮูหยินรอง บ่าว…ข่าวไม่กล้าเข้าไปรบกวน’
ท่านแม่ของนางอุตส่าห์ตั้งใจลงมือทำอาหารอย่างสุดฝีมือ โดยไม่สนอาการเจ็บป่วยของตนเพื่อเซี่ยอี้เฉิน แต่ไอ้บัดซบเซี่ยอี้เฉินกลับเลือกที่จะไปทานกับฮูหยินรองเฉิงแทน! เพลิงโทสะร้ายเดือดปะทุขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจเซียถงในทันใด หันไปกล่าวกับฮูหยินหลี่ที่นั่งรออยู่ว่า
“ท่านแม่ เดี๋ยวข้าไปเชิญเขามาเอง”
ทันทีที่สิ้นเสียง เซียถงก็ตรงออกไปยังโถงหลักทันที
เมื่อมาถึงก็พบว่า ฮูหยินรองเฉิง, เซี่ยเสวี่ยเหลียนและเซี่ยอี้เฉินกำลังนั่งร่วมรับประทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข ด้วยความเดือดดาลสุดขีด เซียถงถึงกับคว้ารูปปั้นพยัคฆ์หินที่วางประดับอยู่หน้าทางเข้าโถง โยนใส่กลางโต๊ะอาหารทรงกลมขนาดใหญ่จนแตกละเอียดเป็นผุยผงในเสี้ยวพริบตา
ทั้งจานชามและถ้วยน้ำแกงทั้งหลายแหล่ที่ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบบนโต๊ะวินาศสันตะโร เละเทะไม่เหลือชิ้นดี น้ำแกงถ้วยร้อนแตกกระจาย สาดกระเซ็นใส่หน้าของทั้งสามอย่างทั่วถึงดีเกินคาด
“เซียถง! นี่เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึเปล่า!?!”
ฮูหยินรองเฉิงลุกขึ้นพรวดยืนชี้หน้าด่าเซียถงด้วยความโกรธเคืองสุดขีด
“เซี่ยอี้เฉิน ท่านแม่ของข้าอุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารให้เจ้าทั้งที่ป่วยหนัก โดยหวังเพียงว่าจะได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับนางอีกสักครั้งเท่านั้น แต่เจ้าก็ยังมีหน้ามานั่งกินอยู่ที่นี่อีกรึ? หรือต้องให้ข้าควักหัวใจของเจ้าโยนให้สุนัขกิน!?”
เซืยถงเพิกเฉยต่อเสียงกรนด่าของฮูหยินรองเฉิงโดยสิ้นเชิง แต่สาดสายตาเร้นประกายดุจคมมีดเย็นเฉียบใส่ทางเซี่ยอี้เฉินแทน
เซี่ยอี้เฉินหันขวับเหลือบมองเซียถงด้วยความโกรธจัด แต่เสี้ยวอึดใจต่อมา คล้ายกับตระหนักทราบดีว่าตนเองในขณะนี้อยู่ในสถานะอะไร จึงทำได้แค่หดหัวเข้ากระดอง ลุกขึ้นยืนอย่างกล้าๆ กลัวๆ กล่าวน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า
“ข้า…ข้าจะไปทานข้าวกับแม่เจ้าเดี๋ยวนี้แหละ ข้าไปแล้ว! ข้าไปแล้ว!”
พูดจบเขาก็ลุกจากไปทันที
หากย้อนกลับไป ทันทีที่เซี่ยอี้เฉินกับเซียถงกลับถึงจวนเสนาบดีเซี่ย ก็มีสาวรับใช้นางหนึ่งรีบบึ่งไปรายงานกับฮูหยินรองเฉิงทันที ทั้งยังได้ยินว่าทั้งสองกลับมาด้วย เท่านี้ก็ทำให้ฮูหยินรองเฉิงหงุดหงิดใจอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว แต่พอได้ยินว่า เซี่ยอี้เฉินกำลังจะไปรับประทานอาหารที่เรือนของฮูหยินหลี่อีก นางก็ยิ่งหงุดหงิดเป็นเท่าทวี เพราะเช่นนั้น ฮูหยินรองเฉิงจึงรีบสั่งคนครัวให้ไปทำอาหารหรูที่อร่อยที่สุดมาจัดเรียงไว้เต็มโต๊ะ และเดินทางไปเชื้อเชิญเซี่ยอี้เฉินที่กำลังเดินทางไปเรือนฮูหยินหลี่ด้วยตัวเอง
ฮูหยินรองเฉิงทั้งสวยและเด็กกว่าฮูหยินหลี่ แถมที่ผ่านมาตลอดหลายปี นางก็ปรนนิบัติดูแลเซี่ยอี้เฉิงมาเป็นอย่างดี ยิ่งเห็นว่าวันนี้นางดูเย้ายวนและเอาใจเขาเป็นพิเศษ เซี่ยอี้เฉินจึงรู้สึกตัวได้ว่า ฮูหยินหลี่ในปัจจุบันแก่เกินไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นจึงเดินติดตามฮูหยินรองเฉิงเข้าไปในโถงหลักโดยมิได้ตั้งใจ
พอเห็นดังนั้น ฮูหยินรองเฉิงก็รีบคว้าแขนเสื้อของเซี่ยอี้เฉิงทันทีด้วยทีท่าแสนร้อนใจ ร่ำไห้ออกมาเคียงประดับสีหน้าเศร้าโศก กล่าวว่า
“ท่านพี่! ท่านจะไปร่วมโต๊ะทานอาหารกับนังสารเลวนั่นจริงๆ งั้นรึ? แล้วข้าล่ะ? ข้าเองก็อุตส่าห์ตั้งใจทำอาหารสุดฝีมือจนเต็มโต๊ะ! ข้าทำเพื่อท่านทั้งสิ้น!”
แต่ทันทีที่พูดจบ ก็มีน้ำแกงถ้วยร้อนหอมกรุ่นราดลงมาจากบนศีรษะไหลซึมไปทั่วใบหน้าอย่างไร้ปรานี ความร้อนเหล่านั้นได้ทำให้แป้งประทินผิวชั้นหนาบนใบหน้าของนางละลายจนหยาดเยิ้มดูน่าเกลียด ยิ่งประดับเคียงคู่ไปกับเศษใบกระหล่ำปลีสีเขียวที่แปะติดอยู่บนใบหน้าด้วยแล้ว ยิ่งเสริมความน่าเกลียดน่ากลัวเข้าไปใหญ่
“หากเจ้ากล้าพูดจาใส่ร้ายแม่ข้าอีก ข้าจะดึงลิ้นของเจ้าออกมา”
เซียถงโยนถ้วยน้ำแกงในมือทิ้งไป จับจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งอย่างเย็นชา
“เซียถง! เจ้ากล้าทำร้ายแม่ข้างั้นรึ?!”
เซี่ยเสวี่ยเหลี่ยนลุกขึ้นทันที กรีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความโกรธจัด
ทว่าเซียถงกลับไม่ตอบ เพียงเหลือบหางตามองอีกฝ่ายเล็กน้อย สายตาคู่เย็นยะเยือกของนางเร้นซ่อนจิตสังหารอยู่อัดแน่น เซี่ยเสวี่ยเหลี่ยนถึงกับสะท้านขวัญสั่นประสาทเฉียบพลัน รีบกลับไปนั่งลงทันทีด้วยความตกใจยิ่งยวด ได้แต่ลอบสายตามองเป็นระยะ สีหน้าซีดเผือดหนักไม่กล้าปริปากพูดเพิ่มเติมอันใดอีกเลย
ก่อนก้าวออกจากโถงหลักไป เซี่ยอี้เฉินหันหน้าไปมองเซียถงเล็กน้อย พลางลอบถอนหายใจโล่งอกทีหนึ่ง เซียถงมองสวนอีกฝ่ายกลับไปโดยสีหน้าปราศจากระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ และเดินคุมอีกฝ่ายกลับเข้าเรือนฮูหยินหลี่
ฮูหยินหลี่จับจ้องแผ่นหลังที่เดินจากออกไปของเซียถง เนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุดเนื่องด้วยวความแค้นอาฆาต กระทั่งเศษผักน้อยๆ สีเขียวที่แปะอยู่บนใบหน้ายังสั่นกระเพื่อมตาม