ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 170 งานเลี้ยงสีเลือด (2)
ตอนที่170 งานเลี้ยงสีเลือด (2)
ขณะที่ย่าเฟิงลอบโจมตีในคืนนั้น ไม่นานนางก็ถูกปรมาจารย์เสวี่ยจับกุมตัวได้ ส่วนฉีหมิงเยว่ก็ยอมเดินทางมามอบตัวถึงวังหลวง หวังเพื่อจะช่วยไถ่โทษให้แก่ย่าเฟิง และแน่นอน เหยื่ออันโอชาถูกป้อนเข้าปากเสือเช่นนี้ นางจึงถูกจับกุมตัวไปอีกคนอย่างโง่เขลานัก ไป๋หลี่เย่จดจำได้เป็นอย่างดี ฉีหมิงเยว่นางนี้เป็นถึงในพันธมิตรคนสนิทของเซียถง และยังเป็นคนที่เซี่ยหลู่เฟิงมีใจให้ เมื่อรู้ดังนี้ เขาจึงใช้ฉีหมิงเยว่เป็นตัวประกัน สำหรับเชื้อเชิญเซี่ยหลู่เฟิงให้มาหอไท่หยวนโดยเฉพาะ
และหากเซี่ยหลู่เฟิงมีใจให้ฉีหมิงเยว่จริงๆ เขาจะต้องมาแน่นอน
มองลอดช่องจากหน้าต่าง พอเห็นว่าเซี่ยหลู่เฟิงมุ่งหน้ามาที่นี่ตัวคนเดียว ไป๋หลี่เย่พลันแสยะยิ้มอันบ้าคลั่งฉีกกว้างออกมาทันใด เซียถงมันตัดแขนข้าในวันนั้น ข้าจึงจะตัดแขนเจ้าในวันนี้เซี่ยหลู่เฟิง!
คมมีดเร้นประกายคมกริบสาดแสงระยับ ร่องรอยความอาฆาตสุดแสนเปล่งประกายออกมาจากเบื้องลึกสุดของแววตาคู่นั้น
ภายในห้องนอกเหนือจากไป๋หลี่เย่ที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างแล้ว ก็ยังมีปรามาจารย์เสวี่ยที่คอยยืนอยู่เคียงข้างในมุมมืด สองมือกอดอก ปิดปากเงียบงันไม่พูดไม่จาใดๆ จนราวกับว่าตัวตนของเขาแทบจะถูกเงามืดตรงมุมดังกล่าวหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขาได้เลย และคนรับใช้จากในวังหลวงอีกคนหนึ่งเท่านั้น
ผ่านไปไม่นานเกินรอ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คนรับใช้จากวังหลวงคนนั้นรีบวิ่งไปเปิดประตูโดยไว
เซี่ยหลู่เฟิงเดินตรงเข้ามา โค้งศีรษะคำนับทักทายเป็นพิธี และเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่งว่า
“องค์รัชทายาทเชิญหม่อมฉันมาที่นี่ คงมีเรื่องสำคัญกระมัง?”
ไป๋หลี่เย่คลี่ยิ้มกว้าง ยิงคำถามสวนกลับไปทันที
“เจ้าชอบฉีหมิงเยว่ใช่หรือไม่?”
ได้ฟังคำถามนี้ที่เปล่งออกมากะทันหัน เซี่ยหลู่เฟิงลูกตาดำทอประกายเบิกกว้างขึ้นทันใด แต่ก็ยังเอ่ยถามขึ้นอย่างสุภาพขึ้นอีกครั้งว่า
“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทกำลังหมายความว่าอย่างไร? ที่เชิญหม่อมฉันมาในวันนี้ต้องการสิ่งใดหรือไม่?”
ได้ฟังคำกล่าวเช่นนั้น ไป๋หลี่เย่ก็ลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับมีดสั้นในมือ ก้าวแช่มตรงเข้าไปหาเซี่ยหลู่เฟิง จับจ้องตาเขม็งด้วยสายตาแค้นอาฆาต กล่าวขึ้นว่า
“อย่ามาทำไขสือ เจ้าเองก็น่าจะทราบดีอยู่แล้ว ที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้มีจุดประสงค์อันใด? และเจ้าก็ยังกล้ามาหาข้าเพียงลำพัง ซึ่งนี่แสดงให้เห็นแล้วว่า เจ้าชอบนางจริงๆ และดูเหมือนว่า…นางเองก็ชอบเจ้ามากเช่นกัน”
เอ่ยปากพล่ามกล่าวไป พลางยกมีดสั้นเร้นประกายเย็นเยียบบนมือขวาขึ้นมาแกว่งเล่น ไป๋หลี่เย่กล่าวต่ออีกว่า
“แต่ข้ากลับมีข่าวที่น่าเศร้านักต้องบอก ฉีหมิงเยว่ แท้จริงแล้วเป็นองค์หญิงแห่งจักรวรรดิหรู่หรานที่ล่มสลายไปแล้ว เจ้าเคยทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่?”
ประกายตาคู่นั้นของเซี่ยหลู่เฟิงมืดหม่นลงชั่วขณะ ก้มหน้าก้มตามองลงพื้น และหากใครสังกตดีๆ จะเห็นได้ว่า ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาหมองทมิฬลงดั่งมีหมอนควักปกคลุม
“เจ้าลืมไปแล้วรึ? เหตุใดนางถึงต้องตกต่ำลงอย่างทุกวันนี้? ที่ฉีหมิงเยว่มีวันเหล่านี้ก็เพราะเจ้าทั้งสิ้น! ลองคิดดูสิว่า…หากข้าบอกความจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนั้นให้นางฟัง นางยังจะชอบตัวเจ้าอยู่อีกหรือไม่?”
ไป๋หลี่เย่กดสายตาจับจ้องเซี่ยหลู่เฟิงเขม็งแน่นหนา ชั่วครู่ถัดมา มือข้างขวาของเขากระตุกวูบ ใช้มีดสั้นฟันเข้าใส่ใบหน้าอีกฝ่ายโดยตรงด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า บนแก้มสีขาวหยกของเซี่ยหลู่เฟิงปรากฏรอยฟันเป็นทางยาวขึ้นทันที พร้อมกับเลือดสีแดงสดที่ไหลรินหยดลงมา
สายตาคู่อาฆาตยังคงจ้องเขม็งไม่คลายอ่อน ไป๋หลี่เย่กล่าวต่อว่า
“ดังนั้นแล้ว…เจ้าอยากให้ความลับนี้ถูกปิดตายไปตลอดกาลหรือไม่? อันที่จริงแล้ว ฉีหมิงเยว่ก็ทั้งสวยและงดงาม กิริยามารยาทงามสง่า ทั้งภูมิหลังในอดีตก็เป็นถึงองค์หญิง บุคคลเฉกเช่นนี้หากบุรุษใดได้มาเป็นภรรยานับว่าโชคดีล้นฟ้า และหากเจ้าชอบนางจริงๆ ก็ย่อมพึ่งพิงข้าได้ ข้าจะทูลบอกเสด็จพ่อ จัดงานอภิเษกให้เจ้ากับนางทันที!”
“องค์รัชทายาท…ท่านต้องการอะไรกันแน่?”
เซี่ยหลู่เฟิงเงยหน้ามององค์รัชทยาท ริมฝีปากสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
“หากเจ้าใช้มีดสั้นเล่มนี้ฆ่าเซียถงทิ้งซะ ไม่เพียงแต่ข้าจะปล่อยฉีหมิงเยว่ไป แต่ยังจะขอร้องเสด็จพ่อ จับพวกเจ้าให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
กล่าวจบ ไป๋หลี่เย่ก็ชูมีดสั้นเล่มนั้นในมือให้ และกล่าวข้อเสนอความต้องการของตนออกมา
“เป็นไปไม่ได้! เซียถงเป็นน้องสาวของข้า! ข้าไม่มีทางทำร้ายนางเด็ดขาด!”
เซี่ยหลู่เฟิงตอบปฏิเสธกลับไปทันที
เซียถงผู้ซึ่งลอบเร้นแอบมองอยู่บนหลังคา เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้เข้า พลันรู้สึกราวกับสื่อรักสัมผัสความอบอุ่นที่อีกฝ่ายมีให้จากใจถึงใจได้ และในเวลาเดียวกันก็รู้สึกผิดเล็กน้อย เซี่ยหลู่เฟิงผู้นี้มีความจริงใจต่อนางจริงๆ แต่หากมิใช่เพราะแม่ของเขาอย่างฮูหยินรองเฉิง นางคงไม่รู้สึกดีใจครึ่งหนึ่ง อึดอัดใจครึ่งหนึ่งเฉกเช่นนี้แน่นอน
“หากเช่นนั้น ก็จงใช้ชีวิตของตนเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตของฉีหมิงเยว่เสีย!”
สีหน้าการแสดงออกของไป๋หลี่เย่ผันแปรเป็นมืดหม่นฉับพลัน คำรามเสียงดังลั่นเดือดดุและใช้มีดสั้นในมือเสียบเข้าใส่ไหล่ขวาของเซี่ยหลู่เฟิงอย่างจัง
ร่างสูงโปร่งถึงกับทรุดลง เลือดสีแดงฉานไหลทะลักพุ่งตามแรงดึงที่ไป๋หลี่เย่ชักมีดออกมา แต่มิได้หยุดเพียงแค่นั้น ไป๋หลี่เย่ยกมีดสั้นและเสียบแทงกลางหัวไหล่ ขยี้แผลเดิมซ้ำสองอย่างแรง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่า ตอนที่นังอัปลักษณ์แทงข้ามันเจ็บเพียงใด! ข้าจะแทงเจ้าจนกว่าจะได้ลิ้มรสชาติความรู้สึกนั้น!!”
พูดจบ ไป๋หลี่เย่ก็กระหน่ำมีดสั้นในมือเข้าแทงเซี่ยหลู่เฟิงอีกหลายสิบแผล เลือดสีแดงสดกองใหญ่ไหลนองอยู่ใต้เท้า เซียหลู่เฟิงในยามนี้ใบหน้าถอดสีซีดเผือดราวกับแผ่นกระดาษ
“ชอบหรือไม่? นี่แหละคือสิ่งที่นังอัปลักษณ์ชอบทำกับข้า!!”
ขณะกระหน่พแทงมีดอย่างเมามัน ทันใดนั้นไป๋หลี่เย่ก็พลันนึกถึงภาพฉากที่เซียถงตัดแขนซ้ายของเขาทิ้งในวันนั้น ด้วยความโกรธแค้นอาฆาตสุดแสนเกินบรรยายออกได้ เขาถึงขั้นมองเซี่ยหลู่เฟิงที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นหน้าของเซียถง และยิ่งเห็นแบบนั้น เขาก็ยิ่งเดือดดาลคลุ้งคลั่งหนักขึ้น
เซี่ยหลู่เฟิงส่งเสียงกรีดร้องสนั่นทั่วห้อง ครวญครางด้วยความทรมานแสนเจ็บปวดไม่หยุดไม่หย่อนราวกับไม่รู้จักเหนื่อย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะถอยหลังหรือวิ่งหนี ยืนนิ่งให้ไป๋หลี่เย่ระบายอารมณ์ด้วยคมมีดไม่มีเลี่ยงหลบไปไหน
เซียถงเฝ้ามองภาพฉากนองเลือดดังกล่าวจากบนหลังคา พยายามจะปรากฏตัวลงไปช่วยอยู่หลายครา ทว่ากลับถูกสายตาของเซี่ยหลู่เฟิงที่เหลือบขึ้นมาหยุดเอาไว้ ถึงแม้สีหน้าของเขาในปัจจุบันจะซีดเซียวเพียงใด แต่ท่าทางการแสดงออกของเขาก็ยังดูสบายใจ ราวกับว่าความทรมานบางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนภายในใจของเขาถูกบรรเทาลงตาม
สักครู่ต่อมา ทั่วทั้งร่างของเซี่ยหลู่เฟิงก็อาบชุ่มไปด้วยเลือดสีแดงสด และบาดแผลฉกรรจ์หลายหลาก แต่ไป๋หลี่เย่ผู้คลุ้มคลั่งจะมิอาจคาดเดาได้คนนั้น ก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขาหันหลังไปชักกระบี่ออกจากฝักข้างเอวของปรมาจารย์เสวี่ย เพื่อมเตรียมที่จะตัดแขนของเซี่ยหลู่เฟิง
“เซียถงมันตัดแขนข้า เช่นนั้นข้าก็จะตัดแขนของเจ้าในวันนี้!”
คมแสงกระบี่พราวประกายสาดส่อง สีหน้าของไป๋หลี่เย่บิดเบี้ยวน่ารังเกียจยิ่งยวด
เซี่ยหลู่เฟิงเหลือบสายตาเร้นมองคมแสงประกายเย็นตรงหน้า ทว่าสีหน้าการแสดงออกกลับเผยให้เห็นถึงความสงบนิ่งผ่อนคลายอย่างไร้เหตุผล พลางคิดกับตัวเองไปว่า คมกระบี่เล่มนี้จะสามารถตัดขาดต่อความรู้สึกผิดที่เขาเคยกระทำในอดีตได้หรือไม่?
เมื่อเห็นว่าเซี่ยหลู่เฟิงไม่คิดที่จะเลี่ยงหลบคมกระบี่เล่มนั้นเลย เซียถงก็ไม่สามารถทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป ยกเรียวมือข้างขวาขึ้น ทันใดนั้นปรากฏเป็นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มยาว ดิ่งพสุธาปราดพุ่งลงจากหลังคาประดุจสายอสนีบาต เข้าสกัดแทรกกลางระหว่างแขนของเซี่ยหลู่เฟิงกับไป๋หลี่เย่โดยตรง