ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 175 เซียะเทียนและเซียะตี้ (1)
ตอนที่175 เซียะเทียนและเซียะตี้ (1)
“ไม่ว่านางจะเร้นประกายฝีมือซ่อนเอาไว้หรืออย่างไร แค่หากมีดีเพียงแค่นี้ ต่อให้นางเอาจริงเต็มสูบก็ไม่สามารถชนะพวกเราสองคนได้อยู่ดี หากฆ่านางทิ้งซะ เราจะได้รับเงินจำนวนมหาศาลจากทั้งองค์รัชทายาทและแม่ทัพจางเจิ้งกั๋ว”
เซียะตี้ยกนิ้วถูไถปลายจมูกของตน ยามกล่าวคำว่า เงินจำนวนมหาศาล ประกายตาของมันพลันเฉิดฉายแววความโลภออกมาทันใด
“เอาล่ะ รีบจัดการกันดีกว่า เพื่อเงินของเรา!”
เซียะตี้โบกมือปัดคล้ายเป็นสัญญาว่าเลิกพล่ามไร้สาระ ลุกขึ้นยืนสืบเท้าก้าวย่างไปหาเซียถงทันทีพร้อมมีดพร้าขนาดใหญ่ในมือ
เซียถงได้ยินดังนั้นจึงลอบครุ่นคิดพิจารณากับตัวเองโดยไว ก่อนจะเงยหน้ากล่าวกับเซียะตี้ว่า
“หากพวกเจ้าปล่อยเราไป ข้าจะให้หนึ่งแสนเหรียญทองทันทีโดยไม่มีต่อรองใดๆ อีก”
“อย่ามาขี้โม้ดีกว่า สาวน้อยตัวกระจ้อยอย่างเจ้าจะไปมีเงินขนาดนั้นได้อย่างไร?”
เซียะตี้กล่าวสบประมาทตอบสวนเซียถงกลับไปทันที ทั้งยังปั้นหน้าดูถูกเหยียดหยามใส่
“เลิกพล่ามไร้สาระกับนางได้แล้ว เสี่ยวตี้ รีบจัดการให้เสร็จเถอะ”
เซียะเทียนเปล่งเสียงขึ้นแทรกแซง น้ำเสียงเริ่มจะหมดความอดทนเต็มแก่
กล่าวจบ ดาบยักษ์ยักษ์ในมือก็พวยพุ่ง ไสวจู่โจมเซียถงด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าเป็นคำรบสอง
“เดี๋ยวก่อน! ข้าพิสูจน์ได้!”
เซียถงกล่าวจบก็คว้าโอสถจำนวนสองเม็ดจากใต้แขนเสื้อของนาง และโยนไปทางเซียะเทียน
เนื่องจากทุกภาพฉากเกิดขึ้นกะทันหันมาก เซียะเทียนจึงนึกไปว่า สิ่งที่นางโยนเข้าหาตนเป็นอาวุธลับลอบทำร้าย อาศัยสัญชาตญาณการสู้รบที่เจนจัด เขาตวัดคมดาบยักษ์ผ่าโอสถทั้งสองเม็ดเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตา และเร่งความเร็วพุ่งเข้าจู่โจมเซียถงต่อเนื่องทันที แต่ระหว่างนั้น กลับได้ยินเซียะตี้แหกปากตะโกนเสียงดังลั่นอยู่เบื้องหลัง ฟังจากน้ำเสียงค่อนข้างเจ็บปวดระทมใจยิ่งว่า
“ขอบใจมากไอ้พี่บัดซบ! เจ้าเพิ่งทำลายโอสถบำรุงโลหิตระดับสองอันมีค่าถึงสองเม็ดเป็นผุยผง!”
โอสถบำรุงโลหิตระดับสอง? นั่นหาใช่โอสถชั้นสูงที่มีเพียงระดับชั้นราชาโอสถขึ้นไปเท่านั้นที่หลอมกลั่นขึ้นได้? และมูลค่าของมันแต่ละเม็ดนับว่าสูงลิบลิ่วจนเกินจะประเมินค่าได้!
เซียะเทียนที่ได้ยินคำสบถของน้องชายตนเองก็ถึงกับหยุดชะงัก หันขวับเหลียวมองไปทางเซียะตี้ที่อยู่ด้านหลัง แลเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังคลานเข่าเข้าไปโกยเศษโอสถสีขาวน้ำนมที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ บนพื้นด้วยความเสียดายสุดหัวใจ ยามนั้นถึงกับอดใจเดินย้อนกลับไปมิได้ และหยิบเศษโอสถเสี้ยวหนึ่งขึ้นมาพินิจมองโดยละเอียด ก่อนเอ่ยถามน้ำเสียงรวนเรไม่แน่ใจว่า
“นี่เป็นโอสถของจริงงั้นรึ?”
“ก็ใช่น่ะสิ! เจ้านี่เหลือเกินจริงๆ! ต้องโง่ขนาดไหนถึงกล้าทำลายโอสถชั้นสูงเช่นนี้เป็นเสี่ยงๆ? แต่เอาเถอะ! แต่เอาเถอะ! แค่เศษโอสถก็ยังดี! ข้ากำลังเสียเลือดอยู่ด้วย ต้องรีบกินแล้ว!”
พูดจบ เซียะตี้ก็นำเศษผงโอสถที่โกยขึ้นมาตบเข้าปากและกลืนลงไปทันที ถึงจะมีเศษดินเศษทรายปะปนอยู่บ้าง แต่เขากลับไม่ได้สนใจเลย
“นังอัปลักษณ์ เจ้ายังมีโอสถอะไรอีก?”
เซียะเทียนเหลือบสายตาจับจ้องไปทางเซียถง ลึกลงไปในแววตาของเขาคล้ายบังเกิดเปลวกายไฟความโลภลุกโชนออกมา
“ข้ายังมีโอสถอีกมากมายหลายชนิด หากพวกเจ้ายอมปล่อยข้าไป ข้าจะมอบโอสถทั้งหมดแก่พวกเจ้าทั้งสอง”
สิ้นเสียง เซียถงก็หยิบโอสถอีกจำนวนกว่าห้าถึงหกเม็ดขึ้นมาไว้บนฝ่ามือ ทั้งยังยื่นไปแสดงต่อหน้าเซียะเทียน
เหม่อมองกองโอสถเหล่านั้นบนฝ่ามือของเซียถง เซียะตี้เบิกตาโตเป็นมันวาว รีบยกแขนเสื้อปาดเช็ดน้ำลายที่ไหลยอยตรงมุมปากทันที และกล่าวกับเซียะเทียนว่า
“ขอบคุณสวรรค์! ปรากฏว่านางมีโอสถเยอะแยะมากมาย! พี่เทียน ปล่อยนางไปเถอะ!”
“หึหึ… จะดีกว่าหรือไม่หากฆ่านางทิ้งและชิงมาให้หมด? บางทีภายในตัวนางอาจจยังมีเก็บซ่อนอีกไม่รู้เท่าไหร่?”
เซียะเทียนกล่าวสวนขึ้นทันควัน แววความโลภที่ลุกโชนในดวงตายิ่งทวีความเข้มข้นจัดจ้าน
“การจะสังหารข้าทิ้งนับเป็นเรื่องลำบากยากเข็ญ อันที่จริงภายในบ้านข้ายังมีโอสถอีกเป็นกองพะเนินเก็บไว้ หากปล่อยข้าไป ขอสัญญาเลยว่าจะกลับมาหาพวกเจ้าและมอบโอสถเหล่านั้นให้ทั้งหมด”
เซียถงยกโอสถบนฝ่ามือขึ้นแสดง พร้อมกล่าวกระตุ้นจูงใจอีกครา
“ขอบคุณ! ขอบคุณสวรรค์! นางบอกว่าในบ้านยังมีโอสถอีกเป็นกองพะเนิน! ไฉนเรายังไม่รีบปล่อยนางไปอีก?!”
เซียะตี้ดวงตาสว่างไสวเป็นประกายเจิดจรัส เร่งหันขวับจับจ้องไปทางเซียะเทียนโดยไว โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นชอบพ้องกัน
“เจ้าโง่! ก็ฆ่านางไปซะ แล้วค่อยไปปล้นที่บ้านของนางไง!”
เซียะเทียนหวดฝ่ามือลั่นใส่ศีรษะของเซียะตี้ไปทีหนึ่ง และยังสบถด่าอีกฝ่ายทิ้งท้ายให้เป็นข้อคิดอีกว่า
“หากในกะโหลกของเจ้ายังพอมีสมองอยู่บ้างก็จงคิดตาม! มิเป็นการดีกว่ารึ หากฆ่านังอัปลักษณ์นี่ทิ้งซะ ไม่เพียงแต่เจ้าจะได้รับโอสถจากทั้งในตัวและที่บ้านของนาง ทว่าเจ้ายังได้รับเงินรางวัลจำนวนมหาศาลจากองค์รัชทายาทและแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วอีกต่อหนึ่งด้วย!”
“โอ้? ใช่แล้ว! ใช่แล้ว! พี่เทียน งั้นรีบฆ่านางทิ้งเลยดีกว่า จากนั้นค่อยไปปล้นบ้านของนางกัน! ทีนี้พวกเราก็จะได้ทั้งโอสถและเงินรางวัล!”
เซียะตี้พยักหน้ารัว ดีดตัวขึ้นจากพื้นพร้อมภารกิจต่อทันที ทั้งยังจับจ้องเซียถงตาเขม็ง พลางยกมือข้างหนึ่งลูบศีรษะที่ปูดบวมที่โดนเซียะเทียนลั่นเข้าให้เมื่อครู่
เงาร่างทั้งสองสายไสววูบ หายไปจากตำแหน่งเดิมที่ยืนอยู่ในพริบตา เห็นคนหนึ่งร่างผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงกับอีกคนอ้วนเตี้ยอวบอั๋นเช่นนี้ ทว่าอย่าได้ดูถูกหรือสบประมาทเด็ดขาด เพราะความเร็วระดับนี้ แม้แต่เซี่ยหลู่เฟิงที่พยายามมุ่งสมาธิจับจ้องยังแทบมองไม่ทันด้วยตาเปล่า เงาทั้งสองสายตรงเข้าปิดล้อมเซียถง โคจรหมุนติ๋วเป็นวงกลม
เดิมทีเซียถงหวังจะใช้โอสถหลอกล่อเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา แต่ใครจะไปคิดว่า ชายสองคนนี้จะโลภมากเกินจินตนาการ ถึงขั้นที่ว่าคิดจะสังหารนางทิ้งและปล้นสะดมไปทีหลัง
แต่ช่างน่าเสียดายนัก จินตนาการกับความเป็นจริงกลับแตกต่างกันเกินไป ต่อให้ช่วยกันรุมแบบสองต่อหนึ่ง ก็เกรงว่า พวกเขาก็ไม่น่าจะเอาเซียถงได้อยู่! หรือต่อให้เอาชนะได้ ทว่าอย่างน้อยที่สุด สองคนนั้นก็ต้องกลับบ้านแบบไม่ครบสามสิบสองประการแน่นอน!
“พี่ใหญ่ สองคนนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ท่านรีบขึ้นไปยอดเขาไปช่วยฉีหมิงเยว่ก่อน!”
เซียถงตะโกนส่งเสียงไปหาเซี่ยหลู่เฟิง
เซี่ยหลู่เฟิงเงยศีรษะมองหน้าเซียถง สีหน้ากางแสดงออกเต็มไปด้วยความลังเลไม่แน่ใจ
“สองคนนี้แข็งแกร่งนัก เจ้าอาจตกอยู่ในอันตรายได้!”
“ไม่ต้องห่วง ท่านรีบมุ่งหน้าไปก่อนเถอะ ข้าเอาอยู่”
เซียถงเปล่งเสียงสวนอีกฝ่ายกลับไป เนื้อเสียงลึกล้ำเอาจริงเอาจังเสมือนเชิงสั่งการอยู่หนึ่งส่วน ก่อนจะหันกลับไปมองทางเซียะเทียนและเซียะตี้ที่ยังเร่งความเร็วตีฝีเท้าเข้าล้อมกรอบตน
เงาร่างทั้งสองสายนั้นกระโจนขึ้นเหนือฟากฟ้าฉับพลัน หนึ่งคมมีดพร้าและหนึ่งคมดาบขนาดใหญ่ยักษ์ฟันฟาดซัดเข้าหาเซียถงโดยพร้อมเพรียง เซียถงลอบแสยะยิ้มมุมปาก ขยับนิ้วชี้ดีดโอสถเม็ดหนึ่งยิงเข้าใส่ต่อหน้าต่อตาทั้งสอง พอเห็นว่ามีโอสถล่ำค่าสุดแสนอีกเม็ดหนึ่งพุ่งเข้าหาฉับพลัน พวกเขาก็แทบเบี่ยงทิศทางโจมตีหนีออกไปเจียนจะไม่ทัน และรีบเอื้อมมือออกไปไขว่คว้าโอสถเม็ดนั้นแทน
เซียถงใช้ประโยชน์จากจุดนี้ ระหว่างที่สองคนนั้นมัวแต่สนใจโอสถตรงหน้า นางก็รีบผลักเซี่ยหลู่เฟิงเข้าไปยังป่าทึบใกล้เคียง ย้ายอีกฝ่ายให้ออกจากรัศมีวงสัประยุทธ์ทันที
“รีบขึ้นยอดเขาไปช่วยฉีหมิงเยว่! หลังจัดการตรงนี้เสร็จสรรพ ข้าจะรีบตามไป!”
ขณะที่เซียถงผลักเขาเข้าป่าทึบ นางก็กล่าวทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง
เซี่ยหลู่เฟิงรีบเงยหน้ามองฟ้าก่อนจะพบว่า ดวงตะวันใกล้จะตั้งตระหง่านกลางผืนนภาแล้วเต็มทน อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเที่ยงวันแล้ว! คล้อยหลังนึกได้ดังนั้น เขาก็ยังมีอาการลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาอันแสนจริงจังของเซียถงที่ลอบมองย้อนกลับมา เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจ่กเร่งฝีเท้าวิ่งขึ้นเขาไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเซียถงหันกลับมาเพื่อมุ่งความสนใจกับศึกสัประยุทธ์ตรงหน้า นางกลับพบว่า ตรงหน้าเหลือเพียงเซียะเทียนอยู่เพียงคนเดียว และยังไม่ทันได้ตั้งหลักใดๆ ได้ พลันปรากฏคมมีดพร้าพุ่งออกมาฟันข้อเท้าของนางโดยตรง!
“ฮ่าฮ่า! อย่าคิดว่าพวกข้าจะหลงกล! ยามนี้ข้าฟันข้อเท้าของเจ้าเรียบร้อย ไหนดูซิว่า เจ้ายังมีปัญญาวิ่งหนีไปไหนได้หรือไม่!”
เสียงแหบแห้งของเซียะตี้แผดดังมาจากใต้พื้นดิน ไม่นานมันก็โผล่ตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“นังอัปลักษณ์น้อย ยามนี้ต้องขอศีรษะของเจ้าไปแล้ว!”
ฟากฟ้าเหนือศีรษะ คมดาบยักษ์อันทรงพลานุภาพทำลายล้างจัดจ้านดิ่งพสุธาลงมา หวังสับหัวของเซียถงให้ขหลุดสะบั้นในพริบตา