ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 183 ด้วยรักและเกลียดชัง (1)
ตอนที่183 ด้วยรักและเกลียดชัง (1)
“ฉีหมิงเยว่ ข้าผู้นี้จะให้โอกาสเจ้าสังหารคนที่สังหารพ่อแม่และประชาชนทุกคนในจักรวรรดิหรู่หราน จงล้างแค้นให้ในนามของทุกคน!”
ไป๋หลี่เย่ตวาดสั่งการออกไป และสั่งให้ทหารนายหนึ่งไปปล่อยตัวฉีหมิงเยว่ออกมา และส่งกระบี่เล่มยาวคู่กายในมือให้ต่อหน้า
เหม่อมองกระบี่ยาวที่ไป๋หลี่เย่หยิบยื่นอยู่เบื้องหน้า เนื้อตัวฉีหมิงเยว่พลันสั่นสะท้านเกินจะควบคุมเสมือนร่างอรชรของสาวน้อยท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ร่วง
“องค์หญิง! ฆ่ามันซะ! ฆ่ามันเพื่อล้างแค้นแทนทุกคน!”
ย่างเฟิงรีบเร่งกล่าวปลุกเร้ากระตุ้นทันควัน ดวงตาสีแดงก่ำแสนอาฆาตเบิกกว้าง
ฉีหมิงเยว่ทำราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรใดๆ เอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้นพลางจับจ้องคมกระบี่ตัดสลับไปทางเซี่ยหลู่เฟิงอย่างว่างเปล่า
“องค์หญิง ท่านหรือไม่แล้วงั้นรึว่าองค์ชายน้อยต้องตายอย่างไร? ฆ่ามันซะ! หากมิใช่เพราะมัน จักรวรรดิหรู่หรานของ
เราหรือจะล่มสลายได้?”
หลังจากเห็นทีท่าลังเลใจของฉีหมิงเยว่ ย่างเฟิงก็ยิ่งคำรามเสียงดังลั่น พูดกระตุ้นหนักรุนแรงขึ้นต่อเนื่องว่า
“องค์หญิง มันคือศัตรูคู่ชีวิตขชองท่าน! มันสังหารทั้งพ่อแม่และญาติทุกคนของท่าน ล้วนต้องตายเพราะฝีมือของมัน หากปล่อยโอกาสนี้ไป ดวงวิญญาณของทุกคนคงมิอาจพบพานความสุขบนสรวงสวรรค์ได้อีกต่อไป!”
ภายใต้วาจาปลุกกระตุ้นของย่าเฟิง ฉีหมิงเยว่เริ่มมีการเคลื่อนไหว นางค่อยๆ คว้ากระบี่เล่มยาวที่อยู่ตรงหน้าของนางขึ้นมา ทั้งยังได้ยินเสียงคร่ำครวญของพ่อแม่ รวมไปถึงน้องชายของนางกรีดร้องหลอกหลอนอยู่ไม่วาย เงยหน้าจับจ้องเซี่ยหลู่เฟิงที่อยู่ตรงหน้า ภาพฉากโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ในเวลานั้นได้ทับซ้อนขึ้นมา
ใบหน้าที่งดงามของนางพลันมืดทมิฬลงดูน่ากลัวยิ่งยวด มือเรียวสีขาวหยกกระชับจับกระบี่ไว้แน่น
“องค์หญิงฆ่ามันและล้างแค้นเพื่อจักรวรรดิหรู่หราน! หากต้องการฟื้นฟูจักรวรรดิหรู่หรานให้คืนกลับมา สิ่งแรกจำต้องล้างแค้น! บัญชีอาฆาตใหญ่หลวงนี้เลือดต้องล้างด้วยเลือดเท่านั้น!”
“ซวบ!”
ทันใดนั้นเองฉีหมิงเยว่พลันกัดฟันแน่นพร้อมข่มตาหลับแนบสนิท แทงกระบี่ยาวในมือเสียบแทงไปที่แผ่นอกของเซี่ยหลู่เฟิง และเลือดสดเสมือนน้ำพุสีแดงฉานก็กระฉูดออกมา กระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วตัวของหญิงสาว ทั้งนี้เอง นางยังคงสบตาอีกฝ่ายเขม็งและค่อยๆ ล้มตัวลงไปกับพื้น ร่างอรชรเหลียวบางคล้ายกับว่าไม่สามารถทนรับแรงกดดันมหาศาลได้มากกว่านี้อีกแล้ว จึงหมดสติล้มลงไปทั้งแบบนั้น
“พี่ใหญ่!”
เงาร่างหนึ่งปราดประกายพุ่งพรวดเข้ามาหาประดุจสายอสนีบาตฟันฟาด เซียถงปรากฏกายขึ้นอยู่เบื้องหลังของเซี่ยหลู่เฟิงอีกทีหนึ่ง แลสายตาเหลือบมองฉีหมิงเยว่ที่ล้มตัวนอนอยู่กับพื้นอยู่หนึ่งปราด และรีบใช้มือห้ามเลือดบริเวณที่พี่ชายของนางถูกแทง ทั้งยังตบโอสถห้ามเลือดเข้าปากอีกฝ่ายไปโดยตรง
“ถงถง!”
เซี่ยหลู่เฟิงเงยหน้ามองเซียถงที่เพิ่งมาถึงอย่างมีความหวัง แต่ก่อนอื่นก่อนใด เขารีบชี้นิ้วไปทางฉีหมิงเยว่และกล่าวขึ้นว่า
“ช่วยนางก่อน! รีบช่วยนางแล้วหนีออกไปจากที่นี่!”
เซียถงพยักหนา กวาดสายตาตรวจสอบร่างกายของเซี่ยหลู่เฟิงโดยไวว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยเพียงใด จึงค่อยหยิบโอสถจากใต้อกเสื้อเพิ่มอีกสองเม็ดและโยนให้อีกฝ่ายกินไป สุดท้ายยังเห็นว่า ฝ่าเท้าทั้งสองข้างของเขายังถูกไฟไหม้จนเกรียมดำ เซียถงก็หรี่สายตาแคบ เพลิงโทสะยิ่งปะทุดุเดือดขึ้นภายในใจของนาง พยิบตาต่อมา นางเร่งความเร็วสุดขั้วกระโจนเข้าใส่ไป๋หลี่เย่อย่างบ้าคลั่งไร้กระบวน เสมือนสัตว์ป่าเหี้ยมโหดท
ทันทีที่เห็นทีท่าของเซียถงที่พุ่งเข้าหา ไป๋หลี่เย่ถึงกับใจเต้นผิดจังหวะ เนื้อตัวสั่นระริกด้วยความสะเทือนขวัญสุดขีด เขารีบคว้ากระบี่ยาวประจำกายตนที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมา และเร่งฝีเท้าวิ่งหนีไปหากลุ่มนายทหารที่ตนพามาพร้อมตะโกนเสียงลั่นตื่นอย่างตระหนักว่า
“ฆ่านางซะ! ฆ่านาง!! ใครฆ่านังอัปลักษณ์นั่นได้ ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม!”
ขณะปราดพุ่ง เซียถงกลับถูกสุ้มเสียงของเซี่ยหล่าเฟิงหยุดเอาไว้เสียก่อน
“ช่วยย่าเฟิงก่อน!”
ได้ยินดังนั้นเซียถงรีบหันขวับมองไปทางย่าเฟิงที่ตอนนี้ถูกจัดมัดอยู่ในกรงไม้ เพียงหนึ่งคมตวัด คลื่นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าสีแดงทับทิมสดใสก็เข้าตัดสะบัดทั้งกรงไม้และเชือกวิเศษที่ใช้พันธนาการร่างของหญิงชราเอาไว้
แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวเคลื่อนไหวอันใดต่อ ก็มีเสียงดังขึ้นอีกคราว่า
“เซียถง! วันนี้แหละ…คือวันตายของเจ้า!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงสังเกตเห็นว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวของเซียถงมีแต่บาดแผลอยู่เต็มไปหมดจึงพลางคิดไปว่า นางกำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส และช่วงเวลานี้เท่านั้นที่จะมีโอกาสจัดการนังอัปลักษณ์บัดซบนี้ได้! คิดได้ดังนั้น ไป๋หลี่อวี๋อิงก็ดึงแส้ยาวสีดำจากเอวออกมา และฟาดกระหน่ำจู่โจมทันที
แต่ทว่า เพียงหนึ่งคลื่นกระบี่ทัณฑ์ฟ้าสาดประกายจ้าจรัส คมแสงเย็นยะเยือกดุจความตายส่องกะพริบตัดผ่าน แส้ยาวถูกตัดเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อยคามือของไป๋หลี่อวี๋อิงในพริบตา ทั้งนี้นางยังถูกคลื่นกระบี่คมกริบเฉือนผ่ากลางร่องอกเป็นมุมทแยงเข้าอย่างจัง
เสี้ยววินาทีนั้นเอง ไป๋หลี่อวี๋อิงรู้สึกได้ถึงกระแสความเจ็บปวดอันแสบสันโฉบแล่น เสมือนหน้าอกของนางถูกตัดครึ่งแทบฉีกเป็นสองซีก ปฏิกิริยาความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของนางคือ ความกลัว! และอยากจะหนีใจจะขาด! แต่ขณะที่ไป๋หลี่อวี๋อิงกำลังจะหมุนตัวกลับไป นางกลับสะดุดเท้าตนเองและล้มคะมำลงบนเส้นทางทะเลเพลิงถ่านหิน แผ่นหลังทั้งแผ่นนาบติดกับถ่านหินสีแดงฉานและกองคมมีดแหลมสารพัด
เสียงกรีดร้องคร่ำครวญสุดน่าสังเวทแผดดังลั่นจากปากของไป๋หลี่วอวี๋อิง และกระแสความเจ็บปวดทั้งหมดทั้งมวลที่แผ่นหลังได้รับ มันก็รุนแรงซะจนทำเอานางเกือบสิ้นสติ ตอนนี้นางอยู่ในท่านอนหงายมองแผ่นฟ้า ทว่าแผ่นหลังเสมือนอยู่ในนรกอเวจี ไม่เพียงแต่แผ่นหลังสีขาวจะถูกย่างจนไหม้เกรียม แต่ยังถูกเศษคมมีดจำนวนนับไม่ถ้วนปักทะลุคาหลัง จนธารเลือดไหลทะลักไม่หยุด
เซียถงเหลือบหางตามองภาพฉากตรงหน้าอย่างเย็นชา จากนั้นค่อยหันไปมองไป๋หลี่เย่ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังบรรดานายทหารที่พามา เสี้ยวขณะที่คู่เท้าของนางกระตุกวูบพุ่งเข้าชนกับบรรดานายทหารเหล่านั้นพร้อมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือ ก็บังเอิญเหลือบหางตาไปเห็นย่าเฟิงที่กำลังหยิบกระบี่ยาวเล่มหนึ่งของนายทหารที่ทำตกไว้ และพุ่งออกมาขนาบข้างกายนางในทันใด
ทั้งความเร็วและแรงโถมนับว่าเด็ดขาดเฉียบคม ประดุจมังกรที่กำลังพุ่งทะยานขึ้นเหนือท้องสมุทรก็มิปาน
แต่ทันใดนั้น พอเซียถงมองไปยังจุดหมายปลายทางที่ย่าเฟิงพุ่งออกไป นางถึงกับหน้าถอดสีฉับพลัน เพราะเป้าหมายที่ย่าเฟิงคนนี้กำลังพุ่งโจมตีกลับมิใช่ใครอื่นนอกเสียจากเซี่ยหลู่เฟิง และตัวเซี่ยหลู่เฟิงในเวลานี้ก็กำลังประคองร่างของฉีหมิงเยว่ที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่โดยมิได้สังเกตย่าเฟิงที่เคลื่อนไหวมาทางตนเลย
“ระวัง!”
เซียถงตะโกนสุดเสียงลั่นด้วยความตื่นตระหนกปนโทสะ หญิงชรานางนี้ไม่รู้จักคำว่าบุญคุณเลยรึอย่างไร? ทั้งที่เซี่ยหลู่เฟิงออกปากบอกให้ช่วยชีวิตไว้แท้ๆ แต่ก็ยังใจไม้ไส้ระกำลงมือลงไม้จริงๆ! และด้วยระยะห่างในขณะนี้ ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่เซียถงจะตรงเข้าไปช่วยเซี่ยหลู่เฟิงต้านรับคมกระบี่ดังกล่าวได้
เซี่ยหลู่เฟิงเหลียวหลังหันขวับไปด้านข้าง ทว่าย่าเฟิงลุถึงตัวเขาเป็นที่เรียบร้อย เงาคมกระบี่สีเงินทอแสงสะท้อนชูขึ้นฟ้า พร้อมเสียงแหบแห้งคำรามลั่นดุร้าย
“ไอ้ลูกสุนัข! จงใช้ชีวิตของเจ้าชดใช้ให้แก่ทุกคนที่ตายในวันนั้นเสีย!!”
สิ้นเสียงกลาวจบ ย่าเฟิงก็ลงคมกระบี่ประหารอย่างเลือดเย็นไร้ปรานี
เซี่ยหลู่เฟิงได้แต่จับจ้องคมกระบี่ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ทว่าอย่างไร ยามนี้เขาแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงต้านรับใดๆ อีกต่อไปแล้ว ได้แต่ข่มตาหลับยอมรับความตายและผลกรรมที่เคยก่อเอาไว้อย่างเจ็บปวดรวดร้าว แต่ทันใดนั้นเอง…ก็มีร่างอรชรเพรียวบางพุ่งออกมาขวางตรงหน้าของเขา สองคู่สายตาชายหญิงสบประสานเข้าหากัน เรียวมือสีขาวผ่องประดุจหยกเข้าสวมกอดร่างของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ฉีหมิงเยว่ตัดสินใจยอมสละตัวเองเป็นเกราะกำบังให้แก่เซี่ยหลู่เฟิงในเสี้ยวอึดใจสุดท้าย
“องค์หญิง! ไม่!!!”
ย่าเฟิงกรีดร้องลั่นด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด รีบชักกระบี่เก็บกลับเข้าตัว ทว่าทุกอย่างกลับสายเกินไปเสียแล้ว เพราะปลายคมกระบี่เล่มยาวกลับแทงทะลุแผ่นหลังของฉีหมิงเยว่เป็นที่เรียบร้อย
เซี่ยหลู่เฟิงสัมผัสได้ทันทีว่า คนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขากำลังชักกระตุกรุนแรง ใบหน้าสวยงามก่อนหน้ายามนี้ซีดเซียวราวไร้เลือดหล่อเลี้ยงใดๆ ภาพฉากนี้ดูค่อนข้างน่ากลัวเสมือนศพคนตาย
“ฉีหมิงเยว่! ฉีหมิงเยว่!!”
เขาตอบรับโอบกอดร่างของหญิงสาวตรงหน้าไว้แน่น แหกปากตะโกนลั่นซ้ำไปมาราวกับคนเสียสติ
“อคง์หญิง!! ไม่!! องค์หญิง!!!”
ย่าเฟิงเบิกตาโตมองฉีหมิงเยว่ที่เข้ามารับคมกระบี่แทนตรงหน้า และทันใดนั้นเอง ดวงตาคู่นั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นแววดุร้าย พร้อมดึงคมกระบี่ยาวที่สอดเสียบออกมาจากร่างของฉีหมิงเยว่ และฟันฟาดเป็นแนวขวาง หวังสะบั้นศีรษะของเซี่ยหลู่เฟิงให้ขาดดิ้นในพริบตาเดียว