ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 185 ฝึกปรืออสูร (1)
ตอนที่185 ฝึกปรืออสูร (1)
ไม่ถึงสิบนาทีเสียด้วยซ้ำ เหล่านายทหารล้วนถูกสังหารทิ้งทั้งหมด รวมไปถึงพวกผู้แกร่งกล้าขอบเขตเสาหลักฟ้าก็ดี พวกนั้นถูกลำแสงสาดไสวสายพิสดารของเซียถงเก็บเกี่ยวชีวิตจนสิ้นซาก ยามนี้คมแสงสีเย็นยะเยือกบนใบกระบี่ทัณฑ์ฟ้าโดนฉาบด้วยเลือดสด เซียถงยืนตระหง่านนิ่งสงัดอยู่ท่ามกลางซากศพที่กองบนพื้น ทั้งสีหน้าการแสดงออกและแรงกดดันขุมใหญ่ ใครได้เห็นต่างต้องนึกไปว่า ยมภูตแห่งความตายเพิ่งคืบคลานออกมาจากขุมนรกอเวจี
ไป๋หลี่เย่และไป๋หลี่อวี๋อิงต่างตระหนักได้ในทันใด สถานการณ์ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายตนที่เสียเปรียบอย่างหนัก ฉวยจังหวะตอนที่ชุลมุน สองพี่น้องไป๋หลี่ช่วยกันแบกหามกันและกัน แล้วกระเตงหนีลงเนินเขาไปอย่างยากลำบาก
ในเวลานี้ บนยอดเขาป่าสนกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
เซียถงเดินข้ามกองศพออกมาและตรงไปหาเซี่ยหลู่เฟิง แต่ทันใดนั้นเอง ราวกับว่าจับสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายบางอย่าง ฝีเท้าคู่นั้นของนางพลันหยุดชะงักในทันที และเคลื่อนสายตาหันกลับมา ชั่วอึดใจ ก็พลันสบปะทะกับสายตากระหายเลือดคู่หนึ่ง ปรากฏว่าเป็นหมาป่าร่างใหญ่ที่โผล่ออกมา
เซียถงหรี่ตาลงทันที เพราะข้างกายหมาป่าร่างใหญ่คล้ายจะมีเงาร่างอรชรอีกสายหนึ่งที่ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน
ทันทีที่ร่างอรชรสวยเดินออกมาจากป่าทึบข้างทาง สิ่งแรกที่เซียถงสังเกตเห็นก็คือ ดวงตาคู่สวยดวงนั้นที่ดูเปี่ยมล้นไปด้วยแรงอาฆาตพยาบาทสุดหัวใจ! อีกฝ่ายตรงเข้ามาหยุดลงต่อหน้านางอย่างไม่มีเกรงกลัว
“เซียถง! วันนี้แหละคือวันตายของเจ้า!!”
จางเสวี่ยหรงในชุดแพรพรรณสีม่วง ใบหน้าเกือบครึ่งหนึ่งถูกพันด้วยผ้าแพรสีขาว ปิดบังกระทั่งดวงตาข้างหนึ่ง และดวงตาอีกข้างที่เหลือก็กำลังจับจ้องเซียถงด้วยความเกลียดชัง นางคนนี้ไม่เคยปรากฏตัวมาให้เห็นอีกเลย ตั้งแต่วันที่เซียถงทำให้นางเสียโฉมในงานชุมนุมลมปราณ
แต่ในเวลานี้ จางเสวี่ยหรงนางนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และเซียถงที่เห็นสภาพของนางปัจจุบันก็อดตะลึงมิได้ กวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากมิได้พบเจอกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง จางเสวี่ยหรงนางนี้เปลี่ยนไปมาก รูปลักษณ์หน้าตาที่สุดแสนจะน่าภูมิใจของนาง ในเวลานี้ปราศจากความงดงามดั่งบุปผาอีกต่อไปแล้ว ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยรัศมีความชั่วร้ายอยู่อัดแน่นท่วมท้น และจะสังเกตเห็นได้ว่า ดวงตาคู่นั้นของอีกฝ่ายดูเฉียบคมน่าสยดสยองยิ่งยวด
ดูเหมือนว่าจางเสวี่ยหรงจะแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ไม่ว่าจะพัฒนาซะเพียงใด สุดท้ายนางก็หาใช่คู่มือของเซียถงอยู่ดี
ลูกตาดำของเซียถงตีบแคบหดตัว และไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน นางเพียงกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นเป็นประจักษ์อยู่ตรงหน้า พุ่งโจมตีใส่ทางจางเสวี่ยหรงโดยไม่พูดพร่ำใดๆ ในเวลานี้เปลวไฟแห่งชีวิตของเซี่ยหลู่เฟิงเกือบจะดับมอดลงแล้ว นางต้องรีบจบทุกอย่างให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ทั้งหมดก็เพื่อช่วยเซี่ยหลู่เฟิงให้ปลอดภัย
คมแสงเย็นเยียบสาดประกายระยับดุจสายฟ้า จางเสวี่ยหรงตีกระบวนร่นถอยออกมาหลายสิบก้าว ทว่าก็พลาดท่าคมสุดท้าย ถูกปลายกระบี่ทัณฑ์ฟ้าตวัดฟันผ่าเข้ากลางแผ่นอกจนเกิดเป็นรอยเลือดลากยาว
ขณะที่เซียถงกำลังวาดรัศมีคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าชุดสุดท้ายปลิดชีพ ทันใดนั้นจางเสวี่ยหรงก็เอื้อมมือขึ้นมาและฉีกแขนเสื้อขวาจนขาดกระจุย เผยให้เห็นเรียวแขนยาวสีขาวผ่องประดุจหิมะของนาง แต่บนท่อนแขนสีขาวดังกล่าวกลับเต็มไปด้วยรอยสักรูปสรรพสัตว์หลายหลากชนิด
“เสือดาวเมฆาดำ!”
จางเสวี่ยหรงกู่ร้องคำราม ทันใดนั้นรอยสักบนท่อนแขนของนางพลันเปล่งแสงเจิดจรัส พร้อมกับเสือดาวสีดำทั้งห้าตนที่กระโจนออกมาจากธารแสงเหล่านั้น ยืนสี่ขาเรียงแถวต่อหน้า จับจ้องมองเซียถงตาเขม็งราวกับเห็นเหยื่อ
รัศมีป่าเถื่อนดุร้ายแผ่ซ่านออกมาจากสัตว์อสูรทั้งห้าตน อ้าปากกว้างแยกเขี้ยวดาบคู่ยาวเผยปรากฏออกมาใส่
“นายท่าน! เสือดาวเมฆาดำเหล่านี้ล้วนเป็นสัตว์อสูรปราณวิญญาณชั้นต้น! ท่านไม่มีทางโค่นพวกมันได้เลยสักตัว! รีบหนีกันเถอะ!”
สุ้มเสียงของเสี่ยวฮั่วแผดดังขึ้นผ่านห้วงความคิดของเซียถง
เซียถงเคลื่อนสายตาชำเลืองมองเสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนตรงหน้า เพียงเพื่อพินิจมองแววตาอันเหี้ยมเกรียมและรัศมีแรงกดดันของพวกมัน ดูท่านางแทบจะไม่มีโอกาสชนะพวกมันได้เลยจริงๆ
ในเมื่อไม่มีทางเอาชนะพวกมันได้เลย คงดีกว่าที่จะล่าถอยออกไปก่อน คิดได้ดังนั้น เงาร่างของเซียถงก็ไสววูบหนีไปทันที
อย่างไรเสีย ดูแหมือนกับว่า เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนนั้นจะรู้ถึงความคิดอ่านของเซียถงเป็นอย่างดี จู่ๆ ก็มีเสือดาวตนหนึ่งพุ่งติดตามเข้าจู่โจมนางด้วยความเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า ส่วนอีกสี่ตนที่เหลือไม่รอช้า ทะยานร่างเข้าปิดล้อมสี่ทิศรอบตัวนางในทันใด
เพียงชั่วพริบตาขณะ คล้ายสัมผัสได้ถึงสายคมกระโชกสี่สายเข้าโฉบขัดขวางอยู่สี่ทิศ ทั้งหน้า ซ้าย ขวาและด้านหลัง เซียถงก็ตระหนักได้ทันที ยามนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสู้แล้ว คิดได้ดังนั้นนางจึงโบกสะบัดคมกระบี่เล่มยาวในมือเพื่อเตรียมสัประยุทธ์
ก่อนที่คมกระบี่จะได้กวัดแกว่งด้วยซ้ำ ร่างของเสือดาวเมฆาดำเหล่านั้นก็แปรสภาพกลายเป็นเงาพิสดารสีทมิฬ และเข้าตะปบใส่เซียถง กระแสความเจ็บปวดรุนแรงฉายแวบมาจากแผ่นหลังของนาง เหมือนจะรู้สึกได้ว่า มีอะไรบางอย่างปักคาอยู่บนแผ่นหลัง นางรีบหันขวับเหวี่ยงคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเข้าฟันฟาด ทว่าเสือดาวเมฆาดำกลับถอนกรงเล็บยาวออกไปอย่างรวดเร็ว จแต่กลับมีก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งหลุดติดเกรงเล็บมาด้วยเช่นกัน
แผ่นหลังถูกตะปบจนเป็นรูบุ๋มลงไป ธารเลือดสีแดงสดทะลักไหลออกมาอาบชโลมแผ่นหลังของเซียถงในพริบตา
คู่คิ้วของเซียถงขมวดคิ้วด้วยความเจ็บแสบเกินพรรณนาไหว และทันใดนั้นก็มีประกายเพลิงพิโรธฉายแววลุกโชนออกมาจากดวงตาคู่นั้น ความเกรี้ยวโกรธถูกปลุกกระตุ้นขึ้นภายในใจ ทั่วทุกอณูร่างกายของนางพลันระเบิดพลังคลุ้งคลั่ง รัศมีแสงสีครามเข้มข้นทะลักล้น ภายในอมประกายแสงสีเขียวสดใสคลุมครอบ คู่เท้าถูกฉาบชโลมแสงสีครามอมเขียว ดีดร่างทะยานเข้าใส่ทางเสือดาวเมฆาดำเหล่านั้นด้วยความเร็วเต็มสูบ!
คมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเปล่งแสงสีแดงทับทิมแพรวพราวดั่งบุปผาแห่งนรกผลิบานฉ่ำ คลื่นวินาศสันตะโรกวาดล้างสรรพสิ่งที่วางเบื้องหน้า ปราดพุ่งเข้าหาเสือดาวเมฆาดำเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่งไร้ปรานี
เสียงฟันดัง ‘ฉับ’ ธารเลือดสาดกระเซ็น สลักจารึกบาดแผลขนาดใหญ่กลางแผ่นหลังของเสือดาวเมฆาดำตนหนึ่ง แต่เสี้ยวจังหวะที่เซียถงออกแรง กระแสความเจ็บปวดจากแผ่นหลังก็โลดแล่นกลับเข้ามาอีกครั้ง ทำเอานางกัดฟันแน่นเจือสีหน้าทรมานยิ่งยวด แต่เป็นอีกครั้งเช่นกันทีเสือดาวเมฆาดำอีกสี่ตนที่เหลือกระโจนเข้าจู่โจมเป็นคำรบสอง
เสือดาวเมฆาดำพวกนี้มีความเร็วโดดเด่นเฉพาะตัว ทั้งนี้กรงเล็บทั้งแขนและขาของมันยังคมกริบยิ่งกว่ามีดกระบี่ พวกมันประทับรอยกรงเล็บเหล่านั้นเข้าใส่แผ่นเนื้อบนร่างของเซียถง ลอยคมสลักฝังลึกเป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนเซียถงก็ได้แต่กัดฟันวาดเพลงกระบี่ตอบโต้สวนกลับไปอย่างจนปัญญา
หนึ่งคมกระบี่ปะทะกรงเล็บทั้งสี่ตนสอดผสาน ผลสรุปที่ได้คือ กระบี่ทัณฑ์ฟ้ามิสามารถต้านทานแรงโถมได้ไหวจนกระเด็นลอยละล่องกลางอากาศหลุดมือไปทั้งแบบนั้น ทว่าเสือดาวเมฆาดำกลับมิได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น ทั้งห้าตนเข้าโจมตีนางต่อเนื่อง และในเวลานี้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าก็หลุดมือนางไปแล้ว บนร่างกายก็มีแต่บาดแผลฉกรรจ์ โอกาสที่จะหนีรอดออกไปยิ่งน้อยลงไปทุกที
เพียงพริบตาเดียว ร่างกายของเซียถงก็เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย อาศัยพลังฝีมือและวรยุทธ์ต่อสู้ระดับชั้นเหลือง นางทำได้เพียงหลบเลี่ยงการโจมตีของเสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนเท่านั้น แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านั้นเลย
“เซียถง เพื่อที่จะโค่นเจ้า ข้าตั้งใจฝึกปรือสัตว์อสูรของข้าทุกวัน และท่านพ่อของข้าก็อุตส่าห์เสียสละลูกน้องมือดีไปตั้งหลายสิบคนเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อสำหรับจับเสือดาวเมฆาทมิฬเหล่านี้มา! ทุกอย่างที่ข้าเตรียมการมาก็เพื่อวันนี้โดยเฉพาะ! ข้าขอใช้ศีรษะเป็นประกัน วันนี้เจ้าต้องตายสถานเดียว!!!”
จางเสวี่ยหรงระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จับจ้องเซียถงตาเขม็งเปี่ยมแรงอาฆาตล้นปรี่
ในเมื่อมันบังอาจทำให้ข้าผู้นี้ต้องเสียโฉม เช่นนั้นข้าจึงพยายามวางแผนทุกอย่าง และไม่ว่าจะยากเย็นแสนเข็ยเพียงใด แต่ทั้งหมดก็เพื่อวันนี้! วันที่จะได้ฆ่าเซียถงทิ้ง!
“เสือดาวเมฆาดำ! จงฉีกกระชากนางให้เป็นชิ้นๆ!”
จางเสวี่ยหรงกู่ร้องตะโกนลั่น ชี้นิ้วไปทางเซียถง
พวกมันทั้งห้าตนจำแลงกายเป็นสายฟ้าสีทมิฬห้าแฉก กระจายเข้าโจมตีเซียถงจากทิศทางต่างๆ โดยพร้อมเพรียง กรงเล็บอันแหลมคมตวัดวูบพุ่งเข้าใส่อยู่ต่อหน้า
เซียถงกลิ้งตัวไปหยิบกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นจากพื้นและพยายามหนทางหลบเลี่ยงออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด แต่ไม่ว่าจะแลเหลียวไปทางใด กลับไม่มีช่องว่างให้หนีไปไหนได้เลย ชั่วเวลาเดียวกันที่เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าโรมรันพันตูเข้าหา นางกัดฟันแน่น ยกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเข้าปะทะชนโดยตรง
ถึงจะสามารถปัดป้องการโจมตีอันบ้าคลั่งของเสือดาวเมฆาดำทั้งหน้าตนได้ แต่พวกมันก็ยังบุกกระหน่ำเข้ารุกหนักขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบางครั้งที่นางต้องปะทะชนกับพวกมัน จู่ๆ เซียถงก็ถึงกับกระอักเลือดสดออกมาเต็มปากเต็มคำ นี่เป็นสัญญาบ่งชี้ให้เห็นว่า ร่างกายของนางใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที่แล้ว