ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 186 ฝึกปรืออสูร (2)
ตอนที186 ฝึกปรืออสูร (2)
เมื่อดาวเมฆาดำสี่ตนกระโจนเข้าใส่เซียถง อ้าปากแยกคมเขี้ยวกว้างหวังฉีกกระฉากเนื้อหนังจากสี่มุมสี่ทิศที่แตกต่าง เซียถงถือกระบี่ทัณฑ์ฟ้าไว้แน่น ออกแรงวาดคลื่นกระบี่กวาดล้างพวกมันผลักออกไป
ทว่าระดับชั้นสัตว์อสูรปราณวิญญาณมีความแข็งแกร่งที่สูงมาก และไม่ว่าคลื่นกระบี่จะทรงพลังทำลายล้างเพียงใด แต่กลับไม่สามารถสร้างบาดแผลใดๆ ให้ได้เลย พวกมันมิได้หวาดหวั่นต่อการโจมตีของเซียถงเลยสักนิด ทั้งยังกระโดดกัดหัวไหล่ของเซียถงเข้าอย่างจัง เสียงฟังคมเขี้ยวเจาะเข้ากระดูกไหล่ดังกรอบแกรบ คมเขี้ยวของเสือดาวเมฆาดำเหล่านี้บดขยี้กระดูกของนางจนแตกละเอียดเป็นเสี่ยง ทั้งยังฉีกกระชากเนื้อหนังมังสาออกมาอีกด้วย
นี่นางต้องโดนพวกมันรุมกินโต๊ะจนตายจริงๆ งั้นรึ?
ขุมพลังความแกร่งกล้าค่อยๆ หดหายจางอ่อนไป ลูกตาสีดำจัดตีบตันบีบแคบลง เซียถงกระชับกำกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือแน่นกว่าเก่า
ไม่! ข้าจะไม่ตายเช่นนี้!
ข้ายังมีแม่ที่คอยเฝ้ารออยู่! และข้ายังมีอีกหลายสิ่งอย่างที่ต้องทำหลังจากนี้!!
ความมุ่งมั่นอันทรงพลังได้ปลุกกระตุ้นเลือดนักสู้ในกายนางให้ร้อนฉ่าขึ้นอีกครั้ง และทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีธารแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากจิตใต้สำนึกของนาง กระแสคลื่นพลังงานสีขาวหลั่งไหลเข้าสู่มือทั้งสองข้างของนางไม่หยุดยั้ง
จางเจวี่ยหรงยืนเฝ้ามองอยู่เคียงข้าง แลเห็นเซียถงถูกบรรดาเสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนรุมกินโต๊ะ นางก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง ในที่สุดก็ได้เวลาแก้แค้นเสียที จะเกิดอะไรขึ้นหากเซียถง นังเศษสวะที่หยิ่งผยองนางนี้ต้องตายภายใต้กรงเล็บของสัตว์เดรัจฉานพวกนี้? คงอัปยศเกินแบกรับแม้ตายไป!
หลังจากที่เซียถงตายไป ฉายายอดหญิงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิตงหลี่จะกลายเป็นของใครมิได้นอกจากนาง และบางทีฝ่าบาทอาจจะถึงขั้นแต่งตั้งนางกลายมาเป็นพระชายาเอกขององค์รัชทายาท และขึ้นครองตำแหน่งฮองเฮาในเวลาต่อมา! แค่จินตนาการถึงตรงนี้ สายตาคู่สวยของจางเสวี่ยหรงก็ดูหยาดเยิ้มเต็มไปด้วยความสุข
ยกเว้นเสียแต่ตอนนี้…ตอนที่ยังมีนังสวะเซียถงคอยเป็นก้างขวางหูขวางตา!
“เสือดาวเมฆาดำ! ฉีกกระชากแขนขาของมันให้ตาย! กัดมันจนกว่าชีวาจะดับดิ้น!”
จางเสวี่ยหรงกัดฟันกรอด ออกคำสั่งแก่เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนให้สังหารเซียถงโดยทันที
รอยยิ้มสีจางผุดขึ้นบนมุมปากของจางเสวี่ยหรง ราวกับว่าอีกไม่ช้า นางก็กำลังจะได้เห็นร่างของเซียถงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว แต่ทันใดนั้นเอง…ดวงตาของนางก็พลันเบิกกว้างแทบถล่นอย่างไม่น่าเชื่อ เนื้อตัวแข็งเนื่องด้วยอาการตกตะลึงค้างไปชั่วขณะ
จู่ๆ ก็มีธารแสงสีขาวสว่างไสวพร่างพรายออกมาจากฝ่ามือทั้งสองข้างของเซียถง และทำให้เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนที่ถูกแสงนี้พลันหยุดชะงักทุกการเคลื่อนไหวไปในพริบตา เซียถงค่อยๆ ทรงตัวยืนหยัดขึ้นตรงพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
นิ้วทั้งห้าเคลื่อนขยับไปมา นางสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังหลั่งไหลระหว่างปลายนิ้ว พอทดลองมุ่งสมาธินำพลังทั้งหมดมารวมกันบนศูนย์กลางฝ่ามือ ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นตราผนึกวงกลมสีขาวจางๆ ลอยออกมา
หลังจากที่ตราหนึกวงนั้นถูกหลอมสร้างขึ้นได้สำเร็จ มันก็พุ่งออกไปใส่กลางศีรษะของเสือดาวเมฆาทมิฬตนหนึ่ง ตราผนึกวงดังกล่าวทะลุเข้าไปบนหน้าผากของมันโดยตรง และชั่วอึดใจเดียวกัน ประกายแสงป่าเถื่อนที่ส่องสะท้อนออกมาจากดวงตาของเสือดาวเมฆาดำตนนั้นก็หรี่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มันก้มหัวมอบตัวอยู่ติดกับพื้นดิน แหงนสายตาขึ้นมองเซียถงราวกับลูกแมวเชื่องตัวหนึ่ง
“พันธสัญญาสัตว์อสูร?!”
จางเจวี่ยหรงจับจ้องไปที่ตราผนึกสีขาวที่เกิดจากบนฝ่ามือของเซียถงตาเขม็ง รำพึงรำพันกับตัวเองด้วยความตกใจเกินจะหักห้าม
เซียถงกลายมาเป็นนักอัญเชิญอสูร?
นี่เป็นไปได้อย่างไร? นี่…เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
ฝ่ามือของเซียถงยังคงพลิกกลับไปกลับมา หลังจากนั้นสักครู่ ตราผนึกสีขาวจำนวนหนึ่งก็ถูกสร้างออกมาและลอยไปหาเสือดาวเมฆาดำตนที่เหลือโดยไว ท่ามกลางประกายแสงเจิดจร้า ตราผนึกทั้งหมดก็ซึบซาบเข้าสู่กลางหน้าผากของพวกมัน
ในชั่วพริบตาต่อมา เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนก็นอนหมอบต่อแทบเท้าของเซียถง สีหน้าและแววตาของพวกมันช่างอ่อนโยนผิดจากก่อนหน้าลิบลับ
เซียถงมองดูพวกมันทั้งห้าที่นอนหมอบต่อหน้า สีหน้าเจือแววตื่นตกใจเล็กน้อย ไฉนถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้?
“นายท่าน ขอแสดงความยินดีด้วย เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนนี้ได้กลายมาเป็นสัตรูอสูรสัญญาของท่านแล้ว”
สุ้มเสียงสุดตื่นอกตื่นเต้นของเสี่ยวฮั่วดังขึ้นจากห้วงความคิดของนาง
อะไรนะ? นี่นางสามารถทำให้เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนกลายมาเป็นสัตว์อสูรสัญญาของตนได้ในพริบตา?
“ท่านกลายมาเป็นนักอัญเชิญอสูรที่มีตราผนึกจักรวรรดิฟ้า! ยิ่งตราผนึกที่ท่านครอบครองอยู่ในระดับสูงเพียงใด ก็จะยิ่งสามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรแข็งแกร่งได้มากขึ้น สงสัยว่าในสถานการณ์วิกฤติถึงขีดสุด ท่านสามารถปลุกกระตุ้นพรสวรรค์แห่งการผนึกอสูรในกายขึ้นมาได้! ตอนนี้ท่านเป็นนักอัญเชิญอสูรเต็มตัวแล้ว!”
น้ำเสียงใครฟังก็รู้ว่าเสี่ยวฮั่วกำลังตื่นเต้นมากโขเพียงใด
แท้จริงแล้ว ภายในร่างกายของเซียถงมีสิ่งที่เรียกว่า พรสวรรค์แห่งการผนึกอสูร ซ่อนเร้นเอาไว้อยู่ เพียงว่านางยังไม่ค้นพบเจ้าสิ่งนี้มาก่อนเท่านั้น และเมื่อบรรลุเงื่อนไขอะไรบางอย่าง จึงส่งผลให้พรสวรรค์แห่งการผนึกอสูรได้ตื่นขึ้นและถูกปลดปล่อยออกมา ซึ่งเหตุการณ์เฉกเช่นนี้ได้สร้างความประหลาดใจแก่เซียถงยิ่งยวด
แต่ในเมื่อทุกอย่างกลับกลายมาเป็นเช่นนี้แล้ว… ทันใดนั้นเองรอยยิ้มอันชั่วร้ายพลันผุดขึ้นบนมุมปากของเซียถง สายตาเย็นเยียบคู่นั้นพลันเคลื่อนไปหาจางเสวี่ยหรงที่กำลังฉงนงุนงงไม่คลายใจ
หากว่าเซียถงตื่นตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าแล้ว ทว่ากลับเป็นจางเสวี่ยหรงที่ตื่นตะลึงยิ่งกว่า เสมือนกับว่าหัวสมองพลันขาวโพลนฉับพลัน นางในเวลานี้ไม่สามารถทำความเข้าใจอะไรได้อีกเลย หลังจาก นางเสียโฉมตอนงานชุมนุมลมปราณในเวลานั้น ท่านพ่อก็ยอมเสียสละผู้ใต้บัญชาฝีมือดีกว่าหลายสิบคน เพียงเพื่อไล่ล่าจับเสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนนี้มาให้แก่จางเสวี่ยหรงฝึกปรือ และนางก็ใช้เวลานานมากกว่าจะควบคุมพวกมันจนเชื่องได้ แต่ในเวลานี้…เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนกลับเต็มใจให้เซียถงควบคุมทั้งแบบนี้จริงๆ น่ะรึ?
จางเสวี่ยหรงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความสิ้นหวังสุดหัวใจ ชั่วขณะอึดใจต่อมา นางรู้ตัวแล้วว่า สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร จึงรีบหมุนตัวกลับและวิ่งหนีตายลงภูเขาสุดชีวิต สีหน้าลุกลี้ลุกลนหวาดผวาจนเสียขวัญไปหมดแล้ว
“เสือน้อยของข้า นางคนนี้เป็นอาหารมื้อว่างของพวกเจ้า จงฉีกกระชากนางให้เป็นชิ้นๆ กินกันได้ตามสบาย!”
ธารแสงสีขาวบนฝ่ามือทั้งสองข้างของเซียถงจางหายไป นางยื่นมือข้างหนึ่งขึ้นมาและชี้นิ้วไปที่จางเสวี่ยหรงที่กำลังวิ่งหนีตาย และเพียงพริบตาเดียว เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนหก็ลุกขึ้นและวิ่งไล่ล่าจางเสวี่ยหรงอย่างหิวกระหาย…
สุ้มเสียงกรีดร้องสะเทือนขวัญดังโหยหวนไปทั่วทั้งผืนป่าสน ภูเขาทั้งลูกถูกปกคลุมไปด้วยเสียงร้องคร่ำครวญสุดสยดสยองไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง และในสถานที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกันนัก ก็มีร่างหนึ่งกำลังเฝ้ามองจากบนกิ่งก้านต้นไม่ใหญ่ โม่ซวนถึงกับเนื้อตัวสั่นสะท้านไปทุกอณู เสียวสั่นหลังวาบยามได้เห็นภาพฉากที่เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนรุมกินโต๊ะจางเสวี่ยหรงจนไม่เหลือชิ้นดี…