ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 187 ตราผนึกจักรวรรดิฟ้า
ตอนที่187 ตราผนึกจักรวรรดิฟ้า
ทอดสายตามองไปยังร่างของจางเสวี่ยหรงที่ถูกเสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนรุมฉีกกระชากจนเป็นชิ้นๆ จากระยะไกล โม่ซวนถึงกับเสียวสันหลังฉาบเย็นขึ้นในอึดใจ เหลือบสายตาหันไปมองไป๋หลี่หานที่อยู่เคียงข้าง เขาเปล่งเสียงติดปลายสั่นเทาเล็กน้อยด้วยความสยดสยองว่า
“ไม่นึกเลยว่าเซียถงจะเป็นนักอัญเชิญอสูร”
ไป๋หลี่หานยกมือทั้งสองข้างไพล่หลัง สายตาคู่นั้นก้มมองต่ำจับจ้องไปที่เรือนร่างของเซียถง พอเห็นว่าเนื้อตัวของนางมีแต่เลือดท่วม ราวกับว่านางเพิ่งไปแช่บ่อโลหิตสดมาก็มิปาน คิ้วเข้มถักแน่นขมวดเข้าหากัน เผยร่องรอยความกังวลโฉบแล่นผ่านดวงตา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หมุนตัวจากออกไปร้อมกับโม่ซวน เงาร่างทั้งสองอันตรธานหายวับไปจากกิ่งก้านต้นไม้ใหญ่ภายในป่า
เซียถงเหลือบสายตามองศพของจางเสวี่ยหรงที่ยามนี้แทบไม่เหลือเค้าโครงมนุษย์อีกต่อไป เพราะอีกฝ่ายถูกเสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนรุมกัดจนไม่เหลือดี สีหน้าการแสดงออกของนางค่อยๆ กลับมาสู่ความเฉยเมยเย็นชาอีกครา และหลังจากที่เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น พวกมันทั้งห้าก็นั่งเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่ตรงหน้า จับจ้องมองนางพร้อมแววตาขี้อ้อน
“แล้วจะเอาอย่างไรกับพวกมันทั้งห้าตนต่อ? ซ่อนพวกมันอยู่ในป่างั้นรึ?”
เซียถงเอ่ยถามเสี่ยวฮั่วผ่านห้วงความคิด
“ท่านเก็บพวกมันลงในห้วงมิติของสัตว์อสูรอัญเชิญได้เลย ความคิดของท่านเชื่อมต่อกับพวกมันโดยตรง สามารถสั่งได้ตามต้องการ”
เสี่ยวฮั่วกล่าวอธิบาย
ห้วงมิติของสัตว์อสูรอัญเชิญมีให้เฉพาะกับเพียงผู้ที่มีตราผนึกระดับชั้นจักรพรรดิฟ้าเท่านั้น ซึ่งหากเปรียบเทียบกับนักอัญเชิญอสูรตนอื่นๆ แล้ว เซียถงจะค่อนข้างได้เปรียบกว่ามากในหลายๆ ด้าน ประการแรกคือ มีห้วงมิติเก็บสัตว์อสูรอัญเชิญส่วนตัว ประการที่สองคือ ตราผนึกที่ใช้ทำสัญญากับสัตว์อสูรจะแกร่งกล้าเป็นพิเศษ ส่งผลให้สัตว์อสูรที่อยู่ใต้อาณัติเชื่องเป็นพิเศษเช่นกัน
ในจุดนี้จะแตกต่างกับจางเสวี่ยหรงที่มีเพียงตราผนึกระดับชั้นธรรมดาทั่วไป หลังจากที่สามารถพิชิตสัตว์อสูรได้แล้ว พวกมันจะถูกเก็บไว้ในรูปแบบของรอยสักตามร่างกาย และยามที่เจ้าของต้องการจะหยิบใช้ก็จึงเรียกออกมา
หนึ่งความคิดของเซียถงโฉบแล่น บริเวณกลางหน้าผากของนางพลันปรากฏแสงสีขาวสว่างวาบ และเสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนก็ถูกแสงสีขาวคลุมครอบและดูดหายไปทันที หลังจากนั้น นางก็หยิบกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมองพินิจ และเรียกหลิวซูออกมา
หลิวซูปรากฏกายขึ้นต่อหน้าเซียถงพร้อมสีหน้าที่ดูอ่อนล้า มันเอ่ยถามขึ้นทันทีอย่างหมดความอดทนว่า
“ไฉนถึงเรียกข้าออกมา?”
“วานเจ้าอุ้มเขาลงจากภูเขาที”
เซียถงชี้ไปทางเซี่ยหลู่เฟิงที่ยามนี้อยู่ในอาการขั้นวิกฤติ เนื่องจากเมื่อครู่ ตัวนางเองถูกเสือดาวเมฆาดำรุมกัดจนบาดแผลที่หลังเหวอะหวะ ส่งผลให้นางไม่สามารถออกแรงได้มากไปกว่านี้แล้ว มิฉะนั้นแผลอาจจะปริแตกออกมาได้ โดยไม่มีทางเลือกอื่นใด นางจึงต้องเรียกหลิวซูมาช่วยอีกแรง
“อะไรนะ? เรียกข้ามาเพื่อเรื่องแค่นี้? นี่เจ้ากำลังขอร้องให้ข้าผู้เป็นถึงจิตวิญญาณแห่งยุทธ์ภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยแบกหามร่างใกล้ตายลงภูเขานี่น่ะรึ?”
“ข้าแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงอุ้มอีกฝ่ายลงภูเขาแล้ว ก็เลยวานให้เจ้าช่วย”
เซียถงหันหลังกลับและพยายามลากร่างกายอันอ่อนล้าสุดขีดลงภูเขาลงทีละก้าวย่างก้าว
นางรู้สึกปวดระบมทั่วร่างเกินจะบรรยาย และแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ อีกแล้ว บาดแผลที่ถูกเสือดาวเมฆาดำขย้ำกัดค่อนข้างฉกรรจ์รุนแรงมากจริงๆ
“เหอะ! ข้าไม่มีทางพาเจ้านี่ลงภูเขาแน่นอน เจ้า…”
หลิวซูกล่าวตอบสวนกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่ทันทีที่หันมาเห็นบาดแผลฉกรรจ์บนแผ่นหลังของเซียถงที่โดนคว้านลึกจนเห็นกระดูกสีขาว มันก็ถึงกับชะงักหยุดพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ยืนลังเลใจอยู่สักครู่หนึ่ง จึงค่อนเดินไปหาเซี่ยหลู่เฟิงและอุ้มร่างของอีกฝ่ายแบกไว้บนแผ่นหลัง ก่อนจะเดินติดตามเซียถงลงภูเขาไปอย่างเงียบๆ
เมื่อเดินทางใกล้ถึงสถานศึกษาเซิงหลิง เซียถงก็อาสารับช่วงต่อจากหลิวซูพาเซี่ยหลู่เฟิงกลับเข้าห้องพัก เพราะนางกลัวว่า รูปลักษณ์ของหลัวซูจะดึงดูดสายตาของผู้คนมากเกินไป และระหว่างทางอาจก่อให้เกิดปัญหาไม่คาดฝันตามมา
กลับมาถึงห้องพัก เมื่อเห็นอาการบาดเจ็บสาหัสของเซี่ยหลู่เฟิงและเซียถงแล้ว อิ๋งเอ๋อร์ก็ตกตะลึงแทบหยุดหายใจ และรีบนำโอสถทั้งหมดที่เก็บไว้ให้แก่เซียถงโดยทันที ปล่อยให้นางเลือกสรร หยิบโอสถจากกองมาเม็ดสองเม็ดมาป้อนให้เซี่ยหลู่เฟิงกินก่อน จากนั้นค่อยวานให้อิ๋งเอ๋อร์ออกไปซื้อสมุนไพรข้างนอกเพื่อใช้สำหรับรักษาตน
ในคราวนี้ เนื้อหนังมังสาของเซียถงถูกคมเขี้ยวของเสือดาวเมฆาดำฉีกกระชากจนกลายเป็นรูลึกเห็นยันกระดูกสีขาวภายใน ดังนั้นนางจำเป็นจะต้องใช้สมุนไพรระดับชั้นค่อนข้างสูงทำเป็นอ่างสมุนไพรไว้แช่เพื่อสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ แต่ทันทีที่อิ๋งเอ๋อร์เปิดประตูออกไป เตรียมจะออกไปซื้อสมุนไพรเหล่านั้น จู่ๆ นางก็ตะโกนขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“คุณหนู เอ่อ…สมุนไพรที่ท่านต้องการ ทั้งหมดถูกส่งมาอยู่หน้าประตูหมดแล้วเจ้าค่ะ”
เซียถงเลิกคิ้วมองเจือแววประหลาดใจ รีบเดินออกมาดูก็พบว่า สมุนไพรทั้งหลายรายการที่ต้องการ ทั้งหมดถูกห่ออยู่ในกระดาษสีเหลืองและวางเอาไว้หน้าประตูห้องพักนางแล้ว ซึ่งไม่รู้เลยว่าเป็นฝีมือของใครที่ส่งมา
ไม่ว่าใครจะเป็นคนส่งมาให้ แต่เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดแล้วว่า มันไม่มีพิษเจือปนใดๆ นางก็วานให้อิ๋งเอ๋อร์ไปเตรียมน้ำร้อนในอ่างไม้ทันที และนำสมุนไพรทั้งหมดเทลงไป จากนั้นเซียถงค่อยปิดประตูห้องอาบน้ำ ปลดพันธนาการเสื้อผ้าชุดชั้นในทั้งหมดออกและลงแช่ทันที
แน่นอนว่า ทันทีที่บาดแผลฉกรรจ์ทั้งหลายเข้าสัมผัสกับตัวน้ำแช่สมุนไพร กระแสความปวดแสบสุดจะพรรณนาพลันบังเกิดขึ้นทันที ทั่วทั้งร่างกายของเซียถงเสมือนถูกมดนับหมื่นตัวรุมกัดแทะ แต่นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกัดฟันอดทนต่อไป เพราะความเจ็บปวดเหล่านี้จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ถูกฉีกกัดจนแหว่งให้กลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง ใน ทางตรงข้าม หากปล่อยให้แผลเหล่านี้หายไปเองตามธรรมชาติ อาจต้องใช้เวลาครึ่งปีเป็นอย่างน้อย ดีไม่ดีอาจกลายมาเป็นแผลเป็นรอยตำหนิอีก แต่หากแช่สมุนไพรเหล่านี้ ใช้เวลาแค่หนึ่งสัปดาห์เป็นพอก็สามารถหายเป็นปกติได้
ภายในป่าไผ่เขียวขจี ไป๋หลี่หานซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเงามืด โดยมีโม่ซวนอยู่เคียงข้างไม่ห่าง ยามนี้อดที่จะเอยถามออกไปมิได้ว่า
“นายท่าน ไฉนถึงไม่บอกไปล่ะว่า สมุนไพรพวกนี้ท่านเป็นคนส่งมอบให้เอง?”
ไป๋หลี่หานยืนเงียบไม่ตอบ เอาแต่จับจ้องแสงสว่างจากห้องพักห้องนั้น และเมื่อโม่ซวนคิดว่า ตนไม่น่าจะได้รับคำตอบจากคำถามนี้แล้ว จู่ๆ ก็มีสุ้มเสียงแผ่วอ่อนเปล่งดังขึ้นว่า
“หากนางทราบว่า ข้ารู้ถึงตัวตนของนักอัญเชิญอสูรของนาง เกรงว่าหลังจากนี้นางจะยิ่งระวังตัวเป็นเท่าตัว”
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่นายท่านใส่ใจกับความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นมากขนาดนี้?
โม่ซวนเลิกคิ้วมองเจือแววประหลาดใจ นัยนต์ตาหรี่แคบก้มศีรษะลงอย่างครุ่นคิด
หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเซียถง นายท่านดูแปลกไปจริงๆ!
เซียถงแช่ตัวอยู่ในอ่างไม้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ในช่วงระหว่างนี้มีครั้งหนึ่งที่หยุนซีเดินทางมาเยี่ยมเยือน พูดคุยกันสักครู่จึงค่อยลาจากออกไป ส่วนเซี่ยหลู่เฟิงยามนี้ฟื้นสติตื่นขึ้นแล้ว และเดินทางกลับเข้าจวนเสนาบดีเซี่ยโดยมิได้พูดจาอันใด
ระหว่างแช่น้ำสมุนไพร เซียถงก็ตื่นตาตื่นขึ้นและเคลื่อนสายตาจับจ้องไปที่มุมหน้าต่างด้านหนึ่ง ทันใดนั้นนางก็คว้าลูกเหล็กลูกหนึ่งที่วางไว้อยู่ข้างอ่างขึ้นมา จากนั้นก็เขวี้ยงออกไปตรงหน้าโดยตรง! ทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา หลิวซูมักจะชอบปรากฏกายขึ้นแถวนี้เพื่อแอบดูนางอ่างน้ำ เช่นนั้นแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหานี้ เซียถงจึงวานให้อิ๋งเอ๋อร์ออกไปซื้อลูกเหล็กจำนวนหนึ่งมาเตรียมไว้ หากหลิวซูมาแอบดูนางแช่งน้ำเมื่อใด ลูกเหล็กก็พร้อมพุ่งทะยานอัดหน้ามันเสมอ
“ไฉนถึงชอบรังแกกันจัง!”
หลิวซูยกมือขึ้นถูกไถศีรษะที่บวมเป่ง นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็มิทราบที่โดนลูกเหล็กปริศนาพุ่งกระแทกหัว ประเด็นสำคัญก็คือ มันโดนทุกครั้งที่ปรากฏตัวขึ้นมา!
“ก็เจ้าแอบดูข้าอ่างน้ำอีกแล้ว”
เซียถงเลิกคิ้วมองอย่างไม่ใส่ใจนัก จากนั้นนางก็ลุกขึ้นจากอ่าง ยกเท้าขึ้นเตะหลิวซูกระเด็นทะลุหน้าต่างออกไป
เมื่ออิ๋งเอ๋อร์ได้ยินเสียงกรีดร้องของหลิวซู นางก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องอาบน้ำทันทีด้วยความตื่นตระหนก พยายามชะโงกศีรษะผ่านฉากกั้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ