ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 194 ยารักษาเป็นพิษ
ตอนที่194 ยารักษาเป็นพิษ
หลิวซูพยักหน้า และนำขวดยาพิษดิ่งทะยานไปยังส่วนลึกของวังหลวง เมื่อเห็นว่าหลิวซูเริ่มเคลื่อนไหวดำเนินตามแผนการแล้ว เซียถงก็อาศัยความทรงจำของตน มุ่งหน้าไปยังตำหนักที่ไป๋หลี่อวี๋อิงพักอาศัย ลอบเข้าไปยังห้องนอนของอีกฝ่าย เพราะไม่ค่อยมั่นใจเช่นกันว่า หญ้าเพลิงเมฆาที่ผ่านกลวิธีแช่น้ำสมุนไพรต่างๆ นานาจะมีผลอย่างไรบ้าง
บรรยากาศเงียบงันสงัด ท่ามกลางแสงจันทร์เจ้าเผยปรากฏเงาอรชรสายหนึ่งกำลังใช้มีดสั้นงัดแผ่นกระเบื้องจากบนหลังคาสูง เพื่อแกะออกมาใช้ถ้ำมองไป๋หลี่อวี๋อิงที่อยู่ด้านล่าง
ภายใต้ม่านสีแดงของเตียงนอน ไป๋หลี่อวี๋อิงกำลังนอนคว่ำหน้าเปลือยครึ่งท่อนบน รอให้สาวรับใช้ที่อยู่ข้างกายนำตลับขี้ผึ้งมาทาบนแผ่นหลัง ซึ่งในขณะนี้แผ่นหลังของนางค่อนข้างยับเยินอย่างหนัก ทั้งอาการบวมแดงและยังมีแผลพุพองเป็นหนองไหลออกมา ดูท่าแล้วระดับบาดแผลที่โดนเผาไหม้จะค่อนข้างหนักมากจริงๆ
“ฉุยเอ๋อร์ หลังของข้าเป็นอย่างไรบ้าง? น่าเกลียดหรือไม่?”
ไป๋หลี่อวี๋อิงที่นอนคว่ำหน้า เอาหัวปักจมอยู่บนหมอนเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง โดยที่มือทั้งสองข้างยกขึ้นเหนือกอดหมอนใบดังกล่าวแน่นด้วยความกังวล
หากเปรียบเทียบกับความปวดแสบปวดร้อนที่ได้รับ สิ่งที่นางกังวลมากกว่าคือ รอยแผลเป็นที่จะฝากฝังไว้บนแผ่นหลังของนางไปชั่วชีวิต ตลอดที่ผ่านมา นางค่อนข้างเอาใจใส่อย่างมากกับเรื่องความสวยความงาม แผ่นหลังที่เรียบเนียนและขาวผ่องราวกับหยกบริสุทธิ์ ยามนี้หากต้องเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นจากไฟไหม้ติดตัวไปจนตาย เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะรับความจริงในข้อนี้ได้
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะองค์หญิง องค์รัชทายาทแห่งตะวันตกได้มอบขี้ผึ้งที่ทำมาจากหญ้าเพลิงเมฆามาให้แล้ว ไม่เพียงแต่อาการเจ็บปวดจะทุเลาเร็วขึ้น แต่ยังทำให้รอยแผลเป็นบนแผ่นหลังทั้งหมดหายไปเป็นปริทิ้งเจ้าค่ะ!”
ฉุยเอ๋อร์เรียนวาจากล่าวตอบอย่างสุภาพ ขณะที่สาธยายดังนั้น นางก็ค่อยๆ ควักขี้ผึ้งออกมาก้อนหนึ่งและบรรจงทาลงบนแผ่นหลังของไป๋หลี่อวี๋อิงด้วยความระมัดระวัง
“ข้าไม่ต้องการทิ้งรอยแผลเป็นบัดซบพวกนี้ไว้บนแผ่นหลังของข้า! นังอัปลักษณ์เซียถง…บังอาจนัก!! สักวันข้าจะเชือดคอมันทิ้งด้วยมือคู่นี้!!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงกัดฟันกรอก ก่นน้ำเสียงเย็นแช่มดังออกมา มือทั้งสองข้างจิกหมอนแน่นจนยุบด้วยความจงเกลียดจงชังยิ่งกว่าอะไร และเนื่องด้วยกระแสความเจ็บปวดที่ลุกลามอยู่บนแผ่นหลัง ทำให้นางไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวอะไรมากนัก
“องค์หญิงสบายใจได้เจ้าค่ะ สรรพคุณในการรักษาแผไฟไหม้ของหญ้าเพลิงเมฆานับว่าดีเยี่ยม บนแผ่นหลังของท่านจะไม่มีรอยแผลเป็นทิ้งไว้แน่นอนเจ้าค่ะ!”
ฉุยเอ๋อร์กล่าวปลอบโยน และเมื่อเห็นว่าขี้ผึ้งตลับนี้ได้ผลดี นางจึกควักขี้ผึ้งกึ่งเหลวสีแดงขึ้นมาอีกหนึ่งก้อนใหญ่ และเริ่มชโลมทาบนแผ่นหลังของไป๋หลี่อวี๋อิงต่อทันที
น้ำหนักมือของสาวรับใช้นางนี้ค่อนข้างเบามาก ทว่าหลังจากที่ทาขี้ผึ้งสีแดงเหล่านี้ลงบนแผ่นหลังของไป๋หลี่อวี๋อิงไปได้ไม่นาน ทันใดนั้น ร่างของไป๋หลี่อวี๋อิงถึงกับชักกระตุกอย่างแรงด้วยความเจ็บปวดสุดขีด นางรู้สึกดั่งว่าถูกคมเข็มเหล็กนับพันหมื่นเล่มกระหน่ำทิ่มแทงแผ่นหลังอย่างบ้าคลั่ง
“บัดซบ! นี่เจ้าคิดจะฆ่ากันหรืออย่างไร?!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงถึงกับยืนขึ้นบนเตียง ยกมือขึ้นมาตบหน้าฉุยเอ๋อร์อย่างแรงจนกระเด็นตกเตียงไป ภายในใจพลางคิดไปว่า นี่อาจเป็นเพราะน้ำหนักมือของสาวรับใช้นางนี้ไม่ได้เรื่องเท่านั้น จึงนอนคว่ำหน้าจุ่มลงบนหมอนอีกคราและกล่าวขึ้นว่า
“หากทำข้าเจ็บอีกครั้ง ตาย!”
“องค์หญิง! โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
ฉุยเอ๋อร์รีบลุกขึ้นจากพื้นอยู่ในท่าคุกเข่าและโขกศีรษะกล่าวขอความเมตตาซ้ำไปมาอยู่หลายรอบ
“ยังไม่รีบทายาให้ข้าอีก!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงที่กำลังนอนคว่ำหน้าเปล่งเสียงดังสนั่นด้วยความหงุดหงิด
ฉียเอ๋อร์รีบลุกขึ้นยืนเนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุด เหยียดเรียวนิ้วน้อยๆ ออกไปและเริ่มบรรจงทาขี้ผึ้งบนแผ่นหลังของไป๋หลี่อวี๋อิงอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากอีกฝ่ายทั้งสิ้น นางยังคงนอนเอาหัวจมหมอนนิ่งเงียบ
ฉุยเอ๋อร์ทาขี้ผึ้งเหล่านั้นจนชโลมฉาบทั่วทั้งแผ่นหลังของไป๋หลี่อวี๋อิง แลเห็นว่าบาดแผลพุพองทั้งหายบนแผ่นหลังถูกเคลือบคลุมด้วยขี้ผึ้งสีแดงเพลิงจนมิดชิดแล้ว สาวรับใช้นางนั้นก็ลอบถอนหายใจอย่างแผ่วเบา พลางยกมือขึ้นปาดหน้าผากเช็ดเหงื่อเย็นที่รินไหล และขณะที่กำลังจะปริปากพูด จู่ๆ ก็ได้ยินไป๋หลี่อวี๋อิงส่งเสียงกรีดร้องลั่นในทันใด พร้อมพลิกตัวหันมาถีบนางทิ้งสุดแรงเต็มพิกัด
ร่างของฉุยเอ๋อน์กระเด็นไปฟาดกับกำแพงห้องนอนอย่างแรง ก่อนไถลลงมานอนกองกับพื้นพร้อมอาการชักกระตุกอยู่สองสามครั้ง
เห็นได้ชัดว่า บาทาถีบในคราวนี้ของไป๋หลี่อวี๋อิงหวังฆ่ากันให้ตายจริงๆ สาวรับใช้คนอื่นๆ ที่เห็นดังนั้น ต่างรีบคุกเข่าก้มศีรษะแนบชิดจรดพื้นกันถ้วนหน้า
“อ๊ากกก!! แสบหลังจะตายอยู่แล้ว!! นังบัดซบนี่ใช้มือหรือเท้าทาขี้ผึ้งกันแน่!?”
ด้วยความเจ็บปวดสุดแสน ผสมปนเปกับเพลิงพพิโรธที่เดือดดาลขึ้นภายในใจ ไป๋หลี่อวี๋อิงคว้าแส้ยาวสีดำข้างเตียงขึ้นมา และกระหน่ำฟาดเหวี่ยงใส่บรรดาสาวรับใช้ทั้งหลายที่คุกเข่าอยู่บนื้น
เสียงกรีดร้องโหยหวนสุดสมเพชดังสนั่นกึกก้องอยู่ในห้องนอน คล้อยหลังไม่นานนัก ร่างของไป๋หลี่อวี๋อิงพลันเกิดอาการชักกระตุกอย่างแรงอยู่สองสามที มือไม้อ่อนลงฉับพลันจนทำให้แส้ยาวไหลหลุดจากมือไป ก่อนจะล้มตัวลงนอนขดคร่ำครวญอยู่บนเตียงด้วยความทรมานสุดจะพรรณนาได้ไหว เซียถงที่ลอบสังเกตการณ์อยู่บนหลังคา ก็พลันสังเกตเห็นไอร้อนฉ่าคล้ายหมอกสีขาวระเหยออกมาจากแผ่นหลังของไป๋หลี่อวี๋อิง บาดแผลพุพองที่เน่าเฟะยิ่งขยับขยายความเสียหายเป็นวงกว้าง หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีน้ำหนองสีเหลืองไหลเยิ้มออกมา ทั้งยังส่งกลิ่นเน่าเหม็นไปทั่วทั้งแผ่นหลัง
“ไอ้พวกโง่! เร็วเข้า! รีบไปหยิบโอสถบรรเทาปวดกับโอสถล้างพิษมาเดี๋ยวนี้!! รีบไปเดี๋ยวนี้เลย! ก่อนที่แผ่นหลังข้าจะเน่า!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงกรีดร้องโหยหวนไม่หยุดหย่อน สาวรับใช้ที่คุกเข่าหมอบกับพื้นก็รีบลุกขึ้นไปหยิบโอสถเหล่านั้นมาให้อย่างยากลำบากเนื่องจากเพิ่งโดนเฆี่ยนมาหมาดๆ
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ไป๋หลี่อวี๋อิงก็รีบโอสถบรรทาปวดตบเข้าปากโดยตรง และสั่งให้สาวรับใช้นำกระจกสองบานมา โดยให้บานหนึ่งอยู่ตรงหน้า ส่วนอีกบานส่องด้านหลังของนาง เมื่อเห็นว่าสภาพแผ่นหลังของตนเองในเวลานี้มันน่าสยดสยองปานใด ดวงตาของนางแทบถล่นออกมาทันควัน ลูกตาทั้งสองข้างแทบกระเด็นออกจากเบ้า
“องค์รัชทายาทแห่งตะวันตกมันกล้าดียังไงมาเล่นตุกติกกับหญ้าเพลิงเมฆา! ไปเรียกตัวองค์รัชทายาทบัดซบนั่นมาเดี๋ยวนี้!!”
ไป๋หลี่อวี๋อิงแทบระเบิดลงตรงหน้า คำรามเสียงดังสนั่นด้วยความโกรธจัด
สาวรับใช้พยักหน้าตอบและรีบถอยกันออกไปทันที
การที่บาดแผลบนแผ่นหลังของนางแย่ลงทันตาขนาดนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า หญ้าเพลิงเมฆาที่เนส่วนผสมอยู่ในขี้ผึ้งตลับดังกล่าวต้องถูกดัดแปลงหรือทำอะไรมาสักอย่างจนทำให้ฤทธิ์การรักษาจากดีกลายเป็นร้าย ส่งผลให้บาดแผลไฟไหม้เน่าเฟะหนักกว่าเก่า เฉียนอวิ๋ง…องค์รัชทายทแห่งจักรวรรดิตะวันตกงั้นรึ? เกรงว่ามันคงไม่มีชีวิตได้กลับไปเหยียบผืนแผ่นดินบ้านเกิดอีกแล้ว! ไป๋หลี่อี๋อิงนั่งกัดฟันอยู่ตรงปลายเตียงด้วยความโกรธเกรี้ยว ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
เห็นสภาแผ่นหลังของไป๋หลี่อวี๋อิงเป็นเช่นนั้นแล้ว เซียถงที่นอนราบขนานอยู่บนหลังคาก็พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดี แต่ทันใดนั้นเอง ห้วงอากาศรอบข้างพลันสั่นไสวเกิดระลอกคลื่นเล็กน้อย พริบตาต่อมาก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดคลุมสีแดงปรากฏกายขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์ บนศีรษะหลิวซูในเวลานี้สวมเครื่องประดับส่องแสงวิบวับเปล่งประกายอยู่มากมาย