ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 205 สำรวจถ้ำเปลวไฟ (1)
ตอนที่205 สำรวจถ้ำเปลวไฟ (1)
ทว่าเซียถงคิดต่างออกไป นางยกมือขึ้นผลักแผ่นหินตรงหน้าอย่างแรง ชั่วอึดใจต่อมาเพียงได้ยินเสียงเคลื่อนตัวดัง ‘กึก’ หินทั้งแผ่นเลื่อนถอยกลับไปสองถึงสามฉื่อเห็นจะได้ และไม่นานก็ปรากฏบันไดวนคล้ายหลุมขนาดใหญ่ทรงครึ่งวงกลมต่อหน้าต่อตาทั้งสาม
“ปรากฏว่าทางเข้าอยู่ใต้แผ่นดิน ไม่น่าแปลกใจที่ไฉนเราถึงหามันไม่พบเสียที”
หยุนซีเอนศีรษะเหลือบมองหลุมบันไดวนที่อยู่ตรงหน้า
เซียถงและเซียวซานต่างจับจ้องหลุมบันไดวนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของทั้งคู่ ดูเหมือนรูขนาดใหญ่แห่งนี้จะพาพวกเขาลงสู่ใต้พื้นดิน ไม่เห็นเหมือนกับที่เสี่ยวฮั่วบอกไว้เลยว่า เป็นทางลับขึ้นสู่ยอดเขา แต่จะอย่างไร พินิจจากสถานการณ์ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะมีเค้าโครงถูกต้องที่สุดแล้ว จากระยะสายตาแสงสาดส่องลงไปถึงแค่ปากหลุมเท่านั้น ส่วนที่เหลือค่อนข้างมืดมิดเนื่องจากหลุมดังนั้นน่าจะลึกมาก
และมิอาจทราบได้เลยว่า มันจะลึกขนาดไหน?
เซียถงหยิบหินขึ้นมาก้อนหนึ่งและลองโยนลงไปในหลุมบันไดวนตรงกล่าว ทว่าผ่านไปสักพักใหญ่ ก็ไม่มีเสียงตกกระทบใดๆ เปล่งเสียงกังวานออกมาเลย ซึ่งนี่จะเห็นได้ว่า หลุมดังนั้นมีความลึกสุดหยั่งถึงได้
และทันทีที่หยุนซีลองหย่อนปลายเท้าเหยียบย่างลงบนขั้นบันไดวน นางก็ถึงกับต้องรีบชักเท้าขึ้นโดยไว เพราะจู่ๆ ขั้นบันไดวนเหล่านั้นก็แตกละเอียดเป็นเศษหินถล่มจนพังไม่เหลือ
“ควรทำเช่นไรต่อไปดี? หลุมลึกขนาดนี้ หากกระโดดลงไปไม่ตายก็พิการ”
หยุนซีขมวดคิ้วแน่น แลสายตาหันไปมองเซียถง ส่วนทางด้านเซียถงเองก็มิพูดมิจาอันใด เพียงหันไปมองเซียวซานตามลำดับ
ระดับพลังลมปราณของชายคนนี้ดูเหมือนว่าจะสูงที่สุดในบรรดาทั้งสามแล้ว ดังนั้นเซียถงจึงอยากฟังความเห็นในมุมมองของเซียวซาน เมื่อสัมผัสได้ว่าดวงตาคู่สวยของเซียถงกำลังจับจ้องมองมาทางตน เขาก็เงยหน้ากล่าวน้ำเสียงสงบนิ่งดั่งผิวน้ำทะเลสาบไร้ระลอกว่า
“ข้าจะลงไปก่อน”
เดี๋ยวสิ…
นางไม่ได้มีเจตนาสั่งการให้เขาลงไปก่อนเลย ที่หันมามองหน้าเช่นนี้เพียงเพื่อต้องการจะสอบถามความคิดเห็นก็เท่านั้น สงสัยเหลือเกินว่า การที่นางมองหน้าเช่นนี้ เขาดันไปตีความว่าอย่างไร? ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า กำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ การจะอาสาเข้าสำรวจรายแรกมักอันตรายที่สุด เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากว่า ชีวิตอาจถูกลืนกินโดยภัยอันตรายที่ไม่รู้จัก และภัยอันตรายที่ว่ามักจะมาในเวลาที่เราไม่ทันตั้งตัวเสมอ
ดังนั้นการตัดสินใจเช่นนี้ของเซียวซาน แทบไม่ต่างอะไรจากนำเอาชีวิตไปเสี่ยงเลย โอกาสเป็นตายถือเป็นห้าสิบห้าสิบ
อย่างไรเสีย เซียถงก็ไม่คาดไม่ฝันเลยว่า เซียวซานจะเต็มใจอาสาลงไปสำรวจคนแรกจริงๆ สิ่งนี้ทำเอานางรู้สึกประหลาดใจอยู่หนึ่งส่วน สายตาคู่สวยเพ่งมองไปยังร่างของเซียวซานที่ก้าวย่างออกไปหยุดอยู่หน้าหลุม มองเบื้องล่างอันไร้ก้นบึ้งอย่างว่างเปล่า และค่อยหันมากล่าวกับเซียถงว่า
“ข้าขอเชือกหน่อย”
เซียถงพยักหน้า ไม่เพียงแต่หยิบเชือกให้ แต่ยังเตรียมคบเพลิงและอุปกรณ์อีกชิ้นสองชิ้นที่จำเป็นมอบแก่อีกฝ่าย
ขณะที่เซียวซานโรยตัวลงหลุม ปลายเชือกด้านบนมีเซียถงคอยกระชับจำไว้อยู่ ระหว่างนั้นเองนางก็รำพึงกับตนเองเจือน้ำเสียงกังวลขึ้นว่า
“เชือกจะยาวพอรึเปล่า?”
“อย่าได้ไปใส่ใจนักเลย ยาวไม่พอก็ดี”
หยุนซีเดินมาตบไหล่เซียถงเบาๆ ทีหนึ่ง สายตาคู่นั้นที่ทอดมองเซียวซานที่กำลังโรยตัวลงไปเปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้ม
ซึ่งก่อนหน้านี้สักครู่หนึ่ง ตอนที่เซียวซานอาสานำตัวเองลงไปสำรวจก่อนคนแรก หยุนซีก็มิได้ปริปากคัดค้านเลยสักคำ ในทางตรงข้าม ยังสังเกตเห็นได้เป็นนัยว่า นางลอบแสยะยิ้มมุมปากเสียด้วยซ้ำ สังเกตเห็นทีท่าเช่นนั้น เซียถงพอจะคาดเดาได้แล้วว่า หยุนซีท่าจะไม่ชอบขี้หน้าเซียวซานจริงๆ
ในเวลานั้น เซียถงก็ลอบสังเกตท่าทางการแสดงออกของเซียวซานเช่นกันว่าจะมีปฏิกิริยาอะไรหรือไม่ แต่ทว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งสงบราวกับไม่ได้เห็นท่าทางรังเกียจของหยุนซีเลยแม้แต่น้อย
จับปลายเชือกอยู่สักครู่หนึ่ง เซียถงบอกกับเซียวซานก่อนโรยตัวลงไปว่า เมื่อถึงแล้วให้ระดมพลังลมปราณและยิงขึ้นมา เพื่อทดสอบระดับความลึกของหลุมดังกล่าว แต่ดูท่าแล้ว ความยาวของเชือกที่ใช้กลับไม่น่าจะเพียงพอจริงๆ เกรงว่า…
‘ฟุบ!’ ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดไปถึงไหน จู่ๆ เซียถงก็เห็นลูกไฟสีม่วงประกายถูกยิงสวนขึ้นมาจากใต้ล่างหลุมลึกโดยพลัน ทำเอาเซียถงถึงกับปากค้างตะลึงงัน
ถึงด้านล่างแล้ว? อะไรจะเร็วปานนั้น!!
เซียถงกดสายตามองดูหลุมลึกสีมืดทมิฬใต้ฝ่าเท้า สีหน้ายังปรากฏร่องรอยความตื่นตะลึงแขวนค้างเติ่งไม่จางหาย ระหว่างนั้นเองก็ไม่ลืมที่จะมุ่งจิตสมาธิเพื่อวัดระดับความลึกจากระยะทางที่ลูกไฟพวยพุ่งออกมาโดยคราว จนได้ผลสรุปออกมาว่า หลุมดังกล่าวลึกประมาณสามสิบกว่าลี้
ความลึกของหลุมกว่าสามสิบลี้ แต่อีกฝ่ายสามารถลงไปถึงได้ภายในเวลาไม่กี่อึดใจ?
เห็นได้ชัดแจ้งเลยว่า ระดับความแกร่งกล้าของอีกฝ่ายเหนือชั้นกว่านางมากโขเพียงใด!
เป็นสักขีพยานต่อความเร็วของชายคนนี้ เซียถงก็อดกังวลใจมิได้ หากเขาเป็นถึงยอดฝีมือที่แข็งแกร่งปานนี้ หลังจากได้รับเพลิงพิภพเก้าดุษณีมา และเขาแปรพักตร์กลายมาเป็นศัตรูขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าต่อให้นางผนึกกำลังร่วมมือกับหยุนซีก็ไม่น่าจะสู้ไหวเช่นกัน
“เซียถง ปล่อยให้หมอนั่นเผชิญพบภัยอันตรายใต้ก้นหลุมไปก่อนสักพัก หลังจากที่มันจัดการปัญหายุ่มย่ามในนั้นเสร็จ พวกเราค่อยฉวยโอกาสนี้ลอบสังหารมัน และต้องฆ่ามันให้ตายสนิทภายในกระบวนเดียวเท่านั้น! ไม่งั้นเราแย่แน่!”
หยุนซีขยับเข้ามาแนบชิดอิงกายอยู่ข้างเซียถง พลางเอ่ยปากกระซิบเสียงต่ำ นัยน์ตาสีดอกท้อคู่สวยจ้องเขม็งไปยังก้นหลุมลึก ทอแสงประกายอำมหิตเปล่งออกมา
แต่นี่…ไม่ด่วนสรุปเกินไปหน่อยรึ? เซียถงขมวดคิ้วขึ้นทันที
“เขาเป็นใครกันแน่?”
เซียถงเงยหน้ามองหยุนซีและเอ่ยถามออกไป
“ไม่ต้องสนใจหรอกว่ามันจะเป็นใคร แต่ทันทีที่เราได้เพลิงพิภพเก้าดุษณีมา ก็ควรผนึกกำลังจัดการมันทิ้งซะ และทันทีที่มีโอกาสก็อย่าได้ยั้งกำลังออมมือเด็ดขาด ชายคนนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ”
หยุนซีขบฟันแน่น
ดูเหมือนว่าหยุนซีจะเกลียดอีกฝ่ายเข้าไส้มาก
เซียถงก่นเสียงเอ่ยตอบไปคำหนึ่งและมิได้เอ่ยปากถามอะไรอีก ในเมื่อหยุนซีเลือกที่จะไม่บอก ต่อให้ถามอย่างไรก็มีแต่จะสร้างความรำคาญต่ออีกฝ่ายเท่านั้น และไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แต่ก็มีโอกาสสูงมากจริงๆ ที่อีกฝ่ายจะหักหลังเพื่อแย่งชิงเพลิงพิภพเก้าดุษณีมา
“ระดับพลังลมปราณของเขาอยู่ขอบเขตใด?”
เซียถงหันไปเอ่ยถามอีกครา ก่อนที่จะลงมือ อย่างน้อยก็ควรทราบถึงระดับความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไว้บ้าง เพื่ออนุมานและกำหนดขอบเขตพลัง สำหรับประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้กลยุทธ์ลอบโจมตี
“ระดับพลังลมปราณเกินที่ข้าจะหยั่งรู้ได้ แต่เมื่อใดที่เจ้ามีโอกาสลอบโจมตีมันจากด้านหลัง ก็จงใช้พลังทั้งหมดที่มี มิเช่นนั้นพวกเราจบเห่แน่นอน หากไม่ฆ่ามันให้ตายสนิทในคราเดียว กลับเป็นพวกเราเองที่ต้องตาย”
สายตาคู่สวยหรี่แคบ หยุนซีกล่าวน้ำเสียงเย็นชา สีหน้าการแสดงออกดูจริงจังแน่วแน่อย่างยิ่ง
เพราะหากนางไม่ฉวยโอกาสนี้ฆ่ามันทิ้ง ตัวนางก็จะถูกมันใช้อำนาจบาตรใหญ่กดขี่ไปชั่วชีวิต! เพื่ออิสรภาพ นางจะต้องกำจัดมันออกไปจากชีวิตให้ได้!
เซียถงเฝ้าสังเกตสีหน้าที่แปรเปลี่ยนของหยุนซีอยู่ตลอด และดูเหมือนว่าในเวลานี้จะยิ่งดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเอง ก็มีเปลวไฟสีเหลืองสลัวปรากฏขึ้นจากท่ามกลางความมืดมิดใต้หลุมดังกล่าว และสุ้มเสียงของเซียวซานก็ดังขึ้น
“พวกเจ้าจับเชือกแล้วโรยตัวลงมาได้เลย ปลายเชือกฝั่งนี้อยู่ไม่สูงจากก้นหลุมเท่าไหร่”