ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 207 มังกรเพลิงโลหิต (1)
ตอนที่207 มังกรเพลิงโลหิต (1)
เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียถงก็เอ่ยขึ้นว่า
“หนทางเบื้องหน้าอาจมีเทพอสูรอยู่ก็เป็นได้ ระวังตัวให้ดี”
เซียวซานได้ยินดังนั้นฝีเท้าถึงกับหยุดชะงักเสี้ยวจังหวะ ก่อนจะสืบเท้าก้าวต่อไปโดยไม่พูดอะไร
ชายผู้นี้จะต้องแกร่งกล้าปานใด ขนาดได้ยินนามขาน เทพอสูร ยังมีปฏิกิริยาแปลกใจเพียงเท่านี้เอง? เซียถงแอบตกใจเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็พลันได้ยินหยุนซีเปล่งเสียงดังเอ่ยถามจากด้านหลังขึ้นว่า
“เจ้าทราบได้อย่างไรว่า เบื้องหน้าเราในตอนนี้มีเทพอสูร?”
“สิ่งที่เรากำลังตามหาอยู่เป็นถึงไฟวิเศษ คงหาใช่ยอดฝีมือหรือสัตว์อสูรทั่วไปที่จะบุกเข้ามาช่วงชิง จะอย่างไรก็ควรระวังตัวให้ดี”
เซียถงคาดการณ์กล่าวออกไปให้ฟัง ขณะนี้สายตาคู่สวยของนางกำลังจับจ้องแผ่นหลังของเซียวซานตรงหน้า ควรกล่าวได้ว่า คนจิตใจหาญกล้าเข้ามาในสถานที่อันตรายเช่นนี้ได้ ล้วนต้องได้รับคำชี้แนะมาจากเทพอสูร และการที่เซียวซานคนนี้ดูไม่เกรงกลัวอะไรเลย นั่นก็หมายความว่า เขาเองก็อาจจะมีดวงวิญญาณเทพอสูรคล้ายกับเสี่ยวฮั่วอยู่ข้างกายด้วย?
ยิ่งเดินสำรวจเข้าไปลึกเพียงใด สภาพโดยรอบก็ดูจะกว้างโล่งขึ้น จากเส้นทางภายในถ้ำที่ดูคับแคบ ในเวลานี้มันกว้างซะจนสามารถเดินตรงกันเป็นแถวหน้ากระดานได้เลย หยุนซีและเซียถงเดินอยู่เคียงข้างกันและกัน ปล่อยให้เซียวซานเดินนำหน้าต่อไป
ผ่านไปสักครู่ใหญ่ คล้อยหลังเดินต่ออีกประมาณหลายสิบก้าว จู่ๆ ก็มีคลื่นความร้อนกระแสใหญ่ลุกโชนขึ้นตีหน้าพวกเขาทั้งสามอย่างแรง อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นหลายเท่าตัว เซียถงกับหยุนซีต่างเหล่ตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้า ก็พบเป็นบ่อหินหนืดที่กำลังปะทุเดือดดาลอย่างบ้าคลั่ง ฟองอากาศผุดขึ้นเสมือนพร้อมเผาผลาญสรรพสิ่งที่ตกลงมา
สะเก็ตหินหนืดสีแดงฉานพลุ่งพล่านออกมาจากบ่อขนาดใหญ่ อากาศภายในนี้ร้อนระอุเสมือนแทบจะแผดเผากันให้ตายได้ทุกเมื่อ และทันทีที่เดินทางมาถึงจุดนี้ ทั้งเซียถงและหยุนซีต่างเหงื่อแตกพลั่ก เนื้อตัวเริ่มเหนียวเหนอะหนะ ส่วนทางด้านเซียวซานยังคงเดินแช่มพร้อมมือทั้งสองข้างที่ไพล่หลังอยู่ เดินสบายอารมณ์เล่นราวกับอยู่ในสวนหลังบ้าน ไม่มีเหงื่อผุดซึมออกมาแม้แต่หยดเดียว
หยุนซีเดินขนาบข้างแนบชิดอยู่กับเซียถง ท่ามกลางบ่อหินหนือร้อนระอุจนห้วงอากาศบิดเบี้ยวนับไม่ถ้วน ทันใดนั้นนางก็เอ่ยปากถามขึ้นว่า
“เพลิงพิภพเก้าดุษณีอยู่ที่ไหน?”
เซียถงกวาดสายตามองโลกหินหนืดสีแดงใต้พิภพแห่งนี้ และสื่อจิตเอ่ยถามเสี่ยวฮั่วผ่านห้วงความคิดของตนขึ้นว่า
“เพลิงพิภพเก้าดุษณีอยู่ที่ไหนรึ?”
“เพลิงพิภพเก้าดุษณีอยู่บนตัวของมังกรบรรพกาลตนนั้น เสาะพบมังกรเมื่อใดย่อมเสาะเจอเพลิงพิภพเก้าดุษณีเมื่อนั้น”
เสี่ยวฮั่วส่งเสียงตอบ
มังกร? แล้วมังกรที่ว่าล่ะ? อยู่ไหน? เซียถงพยายามกวาดสายตาที่ถูกคลื่นความร้อนเล่นงานจนพร่ามัวไปรอบๆ แต่ไม่ว่าจะมองไปยังทิศทางใดก็เผชิญพบแต่หินหนืดสีแดงฉานที่เดือดปุด แล้วมังกรบรรพกาลที่ว่ามันอยู่แห่งหนใด?
แต่พอแหงนศีรษะเชิดขึ้นสูง มองออกไปสุดสายตาก็คล้ายจะพบกับ ช่องโหว่ทรงกลมโดยมีแสงตะวันลอดผ่านเข้ามาบางๆ อยู่ ดูเหมือนว่าช่องโหว่ดังกล่าวบนศีรษะของนางน่าจะเป็นปล่องภูเขาไฟ
หากตรงนั้นเป็นปล่องภูเขาไฟ แสดงว่าจุดที่ทั้งสามยืนอยู่ก็คือภายในช่องภูเขาไฟ? แล้วมังกรจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหนได้อีก? หรือขดตัวซ่อนอยู่ในบ่อหินหนืดนับไม่ถ้วนเหล่านี้? เซียถงครุ่นพินิจกับตัวเองอยู่นานสองนาน และในขณะเดียวกัน นางก็เพิ่งย้อนกลับมาสะกิดใจ ตั้งแต่ห่างเหยียบเข้ามาในอาณาเขตหุบเขาเปลวไฟ ไฉนกระบี่ทัณฑ์ที่ลอยเคว้งอยู่ในห้วงความคิดของนางยังคงนิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เซียถงพยายามสื่อสารไปตั้งหลายที แต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ ส่งกลับมาหาเลย
เกิดอะไรขึ้นกับหลิวซู?
ชั่วขณะที่เซียถงตกอยู่ในสภาวะสับสนงุนงง ทันใดนั้นนางก็พลันได้ยินเสียงมังกรกู่คำรามดังสนั่นหวั่นไหว ข้างใต้บ่อหินหนืดยักษ์แห่งหนึ่งถูกระเบิดออก พื้นดินทั่วบิรเวณใต้ฝ่าเท้าของนางพลันปริแตกแยกออกมาในทันใด ปฏิกิริยาแรกคือ นางพยายามทรงตัวยืนให้มั่น ไม่นานก็แลเห็นสะเก็ตหินหนืดสีแดงฉานพุ่งกระจายสาดออกมานับไม่ถ้วน เผยปรากฏร่างมังกรสีเพลิงโลหิตผงาดขึ้นมาจากใต้บ่อหินหนืดร้อนนะอุสุดแสน
ทันทีที่มังกรเพลิงโลหิตตนนั้นแลเหลียว สบสายตาเข้ากับเซียถง ดวงตากลมโตคู่นั้นของมันพลันเปล่งประกายเจิดจรัส ฉีกปากกว้างใหญ่ยักษ์ พ่นคลื่นสมุทรเพลิงออกมาท้วมท้น เซียถงเร่งความเร็วสุดขั้ว วิ่งกระฉากหลบเลี่ยงคลื่นสมุทรเพลิงที่ถาโถมเหล่านั้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ในขณะเดียวกัน กระบี่ทัณฑ์ฟ้าในห้วงความคิดของนางก็พลันโคจรหมุนติ๋วอย่างหนักราวกับกำลังวิตกจริต ซึ่งนี่ส่งผลให้นางไม่สามารถรวบรวมสมาธิ นำใช้พลังลมปราณในร่างกายออกมาได้เต็มที่เท่าที่ควร ความเร็วของนางตกฮวบลงในพริบตาต่อมา
“ระวัง!”
เสียงกรีดร้องหนึ่งลือลั่น หยุนซีรีบวิ่งเข้ามาขวางหน้าเข้าปกป้องเซียถง เพียงเสี้ยวความคิดเคลื่อนขยับ ก็พลันปรากฏกระบี่หยกเล่มยาวสีเขียวมรกตในมือของนาง ร่ายเพลงกระบี่ทิ่มทะลวงดวงตากลมโตข้างขวาของมังกรเพลิงโลหิตเบื้องหน้าด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด
ทว่ามังกรเพลิงโลหิตตนนั้นกลับหาได้สนใจอาการบาดเจ็บที่ตาขวาของมันสักยิด และยังคงมุ่งเป้าหมายเข้าจู่โจมเซียถงอยู่ท่าเดียว ทางด้านตัวเซียถงเองก็เข้าขั้นวิกฤต เพราะไม่ว่าจะพยายามเรียกใช้กระบี่ทัณฑ์ฟ้าอย่างไรกลับไม่ปรากฏขึ้นมือ ซ้ำร้าย ตัวกระบี่ทัณฑ์ฟ้ายังโกลาหลอย่างหนักภายในห้วงความคิดของนางจนไม่สามรถรวบรวมสมาธิได้ พริบตาต่อมา นางถึงกับหน้าซีด เหงื่อเย็นผุดซึมซาบจนแผ่นหลังเปียกชุ่มไปหมด
แต่ทันใดนั้นเอง เซียวซานที่อยู่เคียงข้างก็รีบทะยานเหินเข้าช่วยเหลือ ระเบิดรัศมีลมปราณสีเทาประกายเงินสาดระยับขึ้นจากร่าง อาศัยคลื่นแรงกดดันอันทรงพลังเข้ากดขี่ร่างมหึมาของมังกรเพลิงโลหิตตนนั้นจนเปี่ยมแน่นไม่เหลือเนื้อที่ให้เคลื่อนขยับ ประกายแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งโฉบกระโจนขึ้นสู่ยอดศีรษะมังกร ใช้มือทั้งสองคว้าเขามังกรขนาดใหญ่โตไว้มั่น ไม่ว่ามังกรตนนั้นจะพยายามสลัดอีกฝ่ายอย่างไร ทว่ากลับถูกเกะติดเหนียวแน่นยากจะคลี่คลาย
ความเร่าร้อนของศึกสัประยุทธ์นี้ถูกยกระดับไปอีกขั้น ประกายแสงสีเทาเงินบนร่างของเซียวซานยิ่งจัดจ้านระยิบระยับ เขากัดฟันกรอด รีดเร้นพละกำลังทั้งหมดจับเขามังกรขนาดใหญ่ยักษ์ให้แน่น และบังคับศีรษะมังกรเพลิงโลหิตให้เบี่ยงทิศเปลี่ยนไปเป็นทางกำแพงหินผา คล้อยหลังจากนั้น เสียงปะทะชนลั่นสนั่นดัง ‘ปัง’ ศีรษะมังกรเพลิงโลหิตตนนั้นอัดกระแทกเข้าชนกำแพงหินผาด้านหนึ่งอย่างแรง
“เซียถง เจ้าเป็นอะไรไป?”
สุ้มเสียงของหยุนซีเปล่งดังอยู่ข้างหู กดสายตาจับจ้องร่างของเซียถงที่จู่ๆ ก็ดิ้นทุรนทุรายอยู่ในอ้อมแขนของนาง คู่คิ้วขมวดถักแน่นหนาแทบติดชน สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน มือทั้งสองข้างเกิดอาการเกร็งบีบแน่น เซียถงในเวลานี้เหมือนจะป่วนหนักฉับพลัน เห็นเพียงหมอกควันสีขาวจางๆ ระเหยลอยขึ้นมาจากบนหัวของนางเท่านั้น
เกิดอะไรขึ้น? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์สักชนิดหนึ่งภายในห้วงความคิดของเซียถง กำลังกลืนกินสติสัมปชัญญะอยู่ของนาง? เช่นนั้นก็แย่แล้ว!
พอตระหนักทราบอาการเบื้องต้นของเซียถงได้ หยุนซีก็สบถขึ้นกับตนเองคำหนึ่ง ยกคมกระบี่หยกของตนเข้ากวัดแกว่ง ทำลายเศษซากหินหนืดนับไม่ถ้วนที่กระเด็นเข้าใส่พวกนาง และพาเซียถงหลบไปยังที่ปลอดภัยอยู่หลังหินหนืดขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง
อาการป่วยของเซียถงในเวลานี้ ห้ามถูกสิ่งเร้าภายนอกเข้ามารบกวนได้โดยเด็ดขาด หากบังเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแม้สักนิด สติสัมปชัญญะของนางจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตา และต่อมาอาจจะกลายมาเป็นคนวิกลจริตได้
จะอย่างไร หยุนซีก็ยังตั้งความหวังให้เซียถงหลอมกลั่นโอสถที่ต้องการให้นางได้ในสักวันหนึ่ง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เฉกเช่นนี้ นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องช่วยหาที่ปลอดภัยแก่เซียถง และคอยเฝ้าคุ้มกันลูกหลงจากการต่อสู้ระหว่างมังกรเพลิงโลหิตตนนั้นกับเซียวซานมิให้ส่งผลกระทบต่อเซียถงในตอนนี้โดยเด็ดขาด คมกระบี่หยกเขียวควงสะบัดประหัตประหาร ผ่าเศษซากหินหนืดที่กวาดล้างซัดเข้าใส่ต่อเนื่องไม่มีหยุด
ทว่าก็ยังมีคลื่นสมุทรเพลิงบางส่วนที่มังกรไฟพ่นออกมา พุ่งเข้าหาทางนี้ ลูกแรกที่เพิ่งตกลงมายังพอทำเนา แต่เสี้ยวพริบตาต่อมา ลูกสอง สาม สี่และห้าตามลำดับต่างกระหน่ำเข้าใส่หยุดยั้ง ทำเอาหยุนซีสูญเสียพละกำลังและลมปราณอย่างหนักจนแทบเป็นลมหมดสติ ถึงอย่างนั้นก็จำต้องกัดฟันกรอด ฝืนทนตั้งปราการตั้งรับลูกไฟและเศษซากหินหนืดต่อไป