ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 209 เปลวเพลิงสีทอง (1)
ตอนที่209 เปลวเพลิงสีทอง (1)
เมื่อกระบี่ทัณฑ์ฟ้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าว ทันใดนั้นก็มีเปลวเพลิงสีทองพวยพุ่งเข้าใส่ มันถึงกับขวัญกระเจิงทำอะไรไม่ถูก แลเห็นว่าเปลวเพลิงสีทองกำลังเข้ากลืนกินกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเต็มทน เซียถงตกใจอย่างมาก รีบยื่นมือตะโกนลั่นว่า
“กระบี่ทัณฑ์ฟ้า! กลับมา!”
กระแสพลังจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าระลอกยักษ์ระเบิดคลั่งออกมาเสมือนน้ำป่า เข้าสะกดความกลัวของกระบี่ทัณฑ์ฟ้า เสี้ยวพริบตา ประกายแสงสีแดงทับทิมสาดกะพริบ กระบี่ทัณฑ์ฟ้าได้กลับคืนสู่มือของนางอีกครั้ง เปลวเพลิงสีทองที่พวยพุ่งโจมตีพลาดเป้า เข้าหลอมละลายกำแพงถ้ำจนเกิดเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่
เซียถงกระชับกระบี่ทัณฑ์ฟ้ากำไว้ในมือแน่น พลิกคมส่องสะท้อนแวววับ ร่ายตวัดกลางเวหาและปราดเข้าจู่โจมมังกรเพลิงโลหิตตรงหน้าโดยไม่เกรงกลัว แต่พอกระบี่ทัณฑ์ฟ้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมังกรเพลิงโลหติที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ อาการสั่นกลัวก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งครานี้รุนแรงถึงขั้นกระทบไปถึงห้วงความคิดของเซียถง
“หลิวซู หากเจ้าไม่เอาชนะมันในวันนี้ ตัวเจ้าจะตกอยู่ภายใต้เงาความกลัวนี้ไปชั่วกาล!”
เซียถงจ้องกระบี่เล่มยาวตาเขม็ง สีหน้าแววตาเริ่มหงุดหงิดใจ
ทว่าอาการสั่นเกร็งของกระบี่ทัณฑ์ฟ้าก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นและมากขึ้น จนสุดท้าย ตัวกระบี่ก็บินหนีออกจากมือของนางเป็นคำรบสอง ลอยเคว้งวนอยู่เหนือศีรษะ
ขี้ขลาดสิ้นดี!
ในเมื่อหลิวซูไม่เหลือกะจิตกะใจจะสู้แล้ว เซียถงก็ไม่สนใจมันอีกต่อไป ชักคมมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อเข้ากระชับติดมือ ควงเล่นท่าไปมาอยู่บนมือเพื่อทำให้เกิดความคุ้นชิน และดิ่งพสุธาแทงคมมีดสั้นลงบนเกล็ดมังกรสีโลหิตโดยตรง คมโลหะปะทะเกล็ดแข็งส่อเสียด บังเกิดสะเก็ดไฟดังเปรี้ยงปร้าง
แต่…ไม่มีแม้แต่ร่องรอยบนเกล็ดมังกรสีโลหิตเลยด้วยซ้ำ! มีดสั้นกลับไม่สามารถเจาะเข้า?
ท่ามกลางสภาวะงุนงง คลื่นความร้อนระอุก็พุ่งเข้าใส่ เสี้ยวพริบตาเซียถงคืนสติและกระโดดเลี่ยงหลบไปยังด้านหนึ่ง แต่ทั้งนี้มังกรเพลิงโลหิตพ่นไฟไล่ติดตามนางไม่มีคลายอ่อน นางเร่งเร้าความเร็วสุดขั้ววิ่งไต่กำแพงถ้ำหนีอย่างต่อเนื่องเป็นวงกลมรอบตัวมัน คล้ายกับว่ากำลังหาจังหวะเข้าทำที่เหมาะสม
เสี้ยวอึดใจต่อมา เซียถงเบิกตาโตเป็นประกายราวกับว่าเห็นเหลี่ยมโจมตี คู่เท้ากระตุกวูบ ใช้กำแพงถ้ำเป็นเครื่องดีดตัว คลื่นลมร้อนปะทะเสียดอยู่ข้างหู ระเบิดรัศมีลมปราณสีครามฟ้าจัดจ้าน ผนึกกำลังทั้งหมดกรอกเทลงบนมีดสั้นในมือ ควบแน่นเป็นคมมีดลมปราณ ประกายร่างสีครามดั่งดาวหางพุ่งเข้าปะทะชนกับมังกรเพลิงโลหิตตนนั้นโดยไม่มีหวั่นเกรงใดๆ
ยามนี้รัศมีแสงสีครามที่ครอบคลุมบนร่างเข้มข้นสุดขั้ว สามารถเข้าหลักล้างกับคลื่นความร้อนที่โหมกระหน่ำเข้าปะทะได้แล้ว ในขณะเดียวกันก็เหลือบสายตาเคลื่อนไปมองชายร่างหนึ่งบนศีรษะของมังกรเพลิงโลหิตตรงหน้า
เซียวซานกำลังใช้มือทั้งสองข้างจับเขามังกรใหญ่ยักษ์ไว้ให้มั่น ยืนตระหง่านอยู่บนนั้นอย่างสมภาคภูมิ ชายเสื้อคลุมยาวโบกสะบัดตามทิศทางลม ทั่วอณูกายาฉาบรัศมีประกายแสงสีเงินระยับ ดูทรงบารมียิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน
เพียงว่าสีหน้าของเขายังคงไร้อารมณ์เช่นเคย จะมีเพียงแค่ดวงตาคู่นั้นที่เป็นประกายเจิดจรัส แต่ทันใดนั้น เขาก็คลายมือข้างหนึ่งออกจากเขามังกร และโบกมือเรียกส่งสัญญาณให้นางมาทางนี้ ตะโกนขับขานดังว่า
“เจ้ามาทางนี้! ต้องจับเขามังกรเพื่อคุมทิศทางของมัน!”
ขนาดมังกรเพลิงโลหิตตนนั้นสะบัดศีรษะแรงปานนั้น เซียวซานคนนั้นก็ยังยืนหยัดอยู่บนนั้นได้โดยใช้แขนแค่ข้างเดียวจับ? เท้าทั้งสองยังคงนิ่งมั่นคงประดุจเขาไท่ซาน เนื้อตัวไม่มีอาการสั่นสะท้านใดๆ
เซียถงกระโดดลงบนศีรษะของมังกร อาศัยความพยายามอย่างยิ่งในการยืนให้มั่น ขนาดเอื้อมมือทั้งสองจับเขามังกรตรงหน้าไว้แน่นแล้วก็ตามที แต่ทุกครั้งที่มังกรเพลิงโลหติสะบัดศีรษะ ร่างของนางแทบปลิวกระเด็น สุดท้ายนางต้องระดมพลังลมปราณทั้งหมดในร่างถ่วงไว้บนสองคู่เท้าเสมือนลูกเหล็ก เพื่อเพิ่มน้ำหนักเอาไว้ถ่วงดุลมิให้เสียศูนย์
สักพักหนึ่ง เมื่อเซียถงเงยหน้าแช่มมองก็ถึงกับตกใจ มังกรยักษ์ตนนี้กำลังไล่ตามกระบี่ทัณฑ์ฟ้าอยู่จริงๆ ปากกว้างของมันฉีกอ้า พ่นเปลวเพลิงสีทองนับหลายสิบชุดโจมตีใส่กระบี่ทัณฑ์ฟ้าอย่างบ้าคลั่ง
เปลวเพลิงสีทองดังกล่านทั้งเร็วและรุนแรงกว่าคลื่นเพลิงสมุทรก่อนหน้ามายมาก ทั้งยังราวกับว่ามีความนึกคิด ไล่ตามติดกระบี่ทัณฑ์ฟ้าที่พยายามหลบหนี เปลวเพลิงสีทองแยกตัวออกเป็นสองทางดักทั้งหน้าและล่างตัวกระบี่เอาไว้ จากนั้นก็โหมกระแสเพลิงจนลุกโชนเป็นทวี เข้าแผดผลาญกระบี่รอบทิศทันที
เซียถงสัมผัสได้ทันทีถึง แววความหวาดกลัวและเสียขวัญสุดขีดที่ฝังรากลึกจากตัวกระบี่ทัณฑ์ฟ้า คราวนี้สัญชาตญาณนำทาง นางกระโดดลงจากศีรษะมังกร ดิ่งพสุธาโฉบเข้าไปในกองเพลิงสีทองที่ลุกโชติช่วงกลุ่มนั้นโดยตรง เอื้อมมือที่ถูกเปลวเพลิงเหล่านั้นแผดเผาพยายามคว้าจับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเบื้องหน้า
ทันทีที่ร่างของเซียถงจมลงสู่มรสุมกองเพลิงสีทองประกายที่สุมทรวงกลางม่านเวหา เสมือนมีเชื้อไฟใหม่ถูกโยนลงไป เปลวเพลิงยิ่งโหมกระหน่ำขึ้นสูงจากเดิมหลายเท่าทวีในทันที
หยุนซีเบิกตากว้างตื่นตระหนกสุดขีดเมื่อเห็นเซียถงกระโดดลงกองเพลิง สีหน้าถึงขนาดซีดขาวในชั่วพริบตา สาวน้อยนางนี้บ้าไปแล้ว! ต้องหาญกล้าและบ้าบิ่นเพียงใด ถึงกล้ากระโจนร่างลงไปในเปลวเพลิงที่สามารถหลอมละลายได้แม้กระทั่งยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์? แล้วนางคิดจริงๆ รึว่า ร่างน้อยๆ ของตนจะไปทนทานกว่ายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์?
เซียวซานเหม่อมองกองเพลิงสีทองอร่อมที่ลุกโชติช่วงกลางเวหา เบื้องลึกนัยน์ตามีแต่ความว่างเปล่า มือขวาของเขายืดเหยียดออกไปค้างเติ่งกลางอากาศ เพราะเสี้ยวอึดใจที่เซียถงกระโดดลงกองเพลิง เขาพยายามจะยื่นมือไปคว้าหยุดเอาไว้ ทว่ากลับน่าเสียดาย…เขาช้าไปก้าวเดียว
ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเซียถงน่าทึ่งปานนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
และที่สำคัญกว่านั้นคือ…นางไม่เห็นเลยรึไงว่า เปลวไฟสีทองเพียงกลุ่มเล็กจิ๋วกลุ่มนี้ มันก็มากเพียงพอแล้วที่จะแผดเผายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นเถ้าถ่านได้? แล้วนางไม่เห็นรึว่า กระบี่ทัณฑ์ฟ้าเล่มนั้นมันแสดงท่าทีหวาดกลัวเพลิงสีทองนั่นขนาดไหน? ถึงกระนั้น ก็ยังโยนตัวเองเข้าไปในกองเพลิงตรงหน้าโดยไม่ลังเล? เพียงเพื่อช่วยเหลือยุทธภัณฑ์ของตน?
คล้อยหลังความตื่นตระหนักตกใจ สายตาคู่นั้นของเซียวซานพลันแปรเปลี่ยนไปในบัดดล ประกายแสงสีเย็นยะเยือกแผ่ซ่านน่าสะเทือนขวัญสุดแสน จู่ๆ ก็มีไอเย็นจับขั้วกระดูกอันไร้ขอบเขตกวาดล้างซัดกระจาย แผ่ขยายออกมาจากร่าง กดสายตามองแช่มบนศีรษะมังกรที่ยืนอยู่ และทันใดนั้นก็มีประกายแสงลมปราณสีเงินจ้าจรัสทะลักล้นจากทุกอณูกายาไม่หยุดยั้ง เพียงหนึ่งฝ่าเท้าที่ยกขึ้นและกระทืบลงบนศีรษะมังกรทีหนึ่ง ทำเอาร่างขนาดใหญ่ยักษ์ของมังกรเพลิงโลหิตตนนั้นเสียศูนย์ถ่วง เซล้มไปชนกำแพงถ้ำอย่างแรง
หยุนซีที่อยู่ภาคพื้นเริ่มเกิดอาการหายใจลำบาก เนื่องจากรัศมีแรงกดดันปริมาณมหาศาลที่แผ่ไพศาลออกมากะทันหัน นางรีบย้อนกลับไปหลบในรูถ้ำที่เดินทางมาตอนแรก ระยะค่อนข้างห่างจากจุดที่เซียวซานเข้าสัประยุทธ์กับมังกรเพลิงโลหิตค่อนข้างมาก โผล่ศีรษะเงยมองเล็กน้อยเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
ภายใต้รัศมีแรงกดดันอันทรงพลังของเซียวซาน มังกรเพลิงโลหิตตนนั้นขยับเขยื้อนตัวลำบากขึ้นมาก จนท้ายที่สุดก็ทานทนต่อไปไม่ไหว ร่างมหึมาใหญ่ยักษ์ของมันร่วงกระแทกพื้นดินโดยตรง ก่อเกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงราวกับแผ่นดินไหวชั่วขณะ เซียวซานไม่หยุดเพียงเท่านั้น เมื่อชูมือข้างหนึ่งขึ้นมา ก็ปรากฏเป็นกระบี่เล่มยาวสีทองคำ ทอแสงสว่างไสวสาดสะท้อนไปทั่วทุกมุมถ้ำ
ประกายแสงทองคำส่องกระพริบหนึ่งสาย ปลายกระบี่ยาวทิ่มทะลวงตัดขั้วหัวใจของมังกรเพลิงโลหิตตนนั้นที่นอนสิโรราบอยู่กับพื้น บนร่างกายาของเซียวซานในเวลานี้มีทั้งรัศมีแสงสีทองเจือผสมกับประกายลมปราณสีเงินสว่างไสวอยู่ หากพินิจมองจงดี ภาพฉากนี้ช่างเปรียบเสมือนเทพเซียนผู้พิชิตก็มิปาน
ร่างมหึมาของมังกรเพลิงโลหิตบิดเกลียว ดิ่นส่ายไปมาอยู่สองสามครา ก่อนที่จะหยุดนิ่งลงในท้ายที่สุด
เมื่อเห็นเซียวซานสังหารมังกรเพลิงโลหิตลงได้สำเร็จ หยุนซีพลันกระตุกมุมปากเชิดสูงเป็นรอยยิ้มบางทีหนึ่ง ใจหนึ่งก็แอบชื่นชมดีใจ แต่อีกใจหนึ่งก็แอบโล่งอกเช่นกัน ที่ชั่วอึดใจเมื่อครู่ นางมิได้คิดการร้าย ลอบฆ่าอีกฝ่ายตอนทีเผลอ มิฉะนั้นแล้ว กลับกลายเป็นนางที่ต้องถูกคมกระบี่สีทองคำเล่มนั้นปักทะลุขั้วหัวใจแทน
เซียวซานกระโจนลงมาจากร่างมังกรมหึมา แหงนหน้าเงยมองกองเพลิงสีทองที่ลุกโชนอยู่เหนือศีรษะ พินิจครุ่นคิดกับตนเองอย่างเงียบงัน
นาง…ตายแล้วรึ?