ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 227 เข้าพักในซีฉิน (1)
ตอนที่227 เข้าพักในซีฉิน (1)
ตอนที่227 เข้าพักในซีฉิน (1)
“ฮ่าฮ่า เจ้าเข้าใจผิดแล้ว นางนี่คือหญิงสาวผู้อัปลักษณ์ที่สุดแห่งตงหลี่ของเรา เพียงเสาะหาหญิงสาวนางอื่นตามข้างทางย่อมสวยกว่านางนี่เป็นกอง”
เมื่อได้ยินชิงเยวี่ยเอ่ยปากชมเซียถง หลีเหว่ยที่อยู่ข้างกายก็ระเบิดหัวเราะเยาะลั่น กล่าวแทรกน้ำเสียงมุ่งร้ายชัดเจน
“หญิงสาวผู้อัปลักษณ์ที่สุดแห่งตงหลี่?”
ชิงเยวี่ยเพ่งสายตาจับจ้องเซียถง สีหน้าน้ำเสียงดูไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่
“ถูกต้อง ข้านี่แหละคือหญิงสาวผู้อัปลักษณ์ที่สุดในตงหลี่”
เซียถงกล่าวตอบน้ำเสียงนิ่งสงบทีท่าเย็นชา ราวกับว่านางไม่ได้กล่าวถึงตนเองอย่างใดอย่างนั้น
เพราะสตรีเพศทุกคนบนผืนพิภพ ไม่เว้นแม้กระทั่งโลกที่นางเคยจากมา ทุกคนล้วนให้ความสนใจในเรื่องรูปลักษณ์หน้าตากันทั้งสิ้น ไม่มีใครกล้ายอมรับหรอกว่า ตนเองคือผู้หญิงอัปลักษณ์ จึงไม่แปลกใจเลยที่ชิงเยวี่ยจะตกตะลึงปานนั้นเมื่อได้ยินเซียถงกล่าวยอมรับอย่างใจปานนี้ ชั่วครู่ต่อมา เขาก็ยิ้มตอบกลับไปว่า
“คุณหนูท่านนี้มิเพียงแต่งดงามเท่านั้น กระทั่งนิสัยยังถ่อมตน”
“เหอะ เจ้าทูตหนุ่ม พวกเราเหนื่อยล้ากันมากแล้ว เมื่อไหร่จะพาไปยังห้องพักสักที?”
เห็นว่าชิงเยวี่ยยังไม่เลิกชมเซียถง ฉิงหยุนก็ชักจะหงุดหงิด กล่าวน้ำเสียงดังคล้ายจะเริ่มหมดความอดทนแล้ว
ตอนก่อนหน้า แค่เห็นฝ่าบาทแห่งตงหลี่เลือกปฏิบัติต่อเซียถงแตกต่างพวกตนโดยสิ้นเชิงมันก็น่าโมโหพอแล้ว ยิ่งตอนนี้ต้องมาเห็นทูตจากซีฉินที่มาต้อนรับพวกเขา พูดจาสรรเสริญชื่นชมเซียถงปานหวานซึ้ง มันก็ยิ่งปลุกกระตุ้นความโกรธเกรี้ยวภายในใจของทั้งคู่เข้าไปใหญ่
ไฉนนังอัปลักษณ์แห่งตงหลี่ถึงได้รับการปฏิบัติดีกว่าพวกเขาเสมอ? นังนี่มันดีกว่าพวกเขายังไง?
ชิงเยวี่ยเหลือบหางตามองฉิงหยุนไปทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“ตามข้าพเจ้ามา”
หลังจากเดินตรงเข้าโรงเตี้ยม เขาก็พาทุกคนมายังร้านอาหารด้านใน
ทุกคนต่างเดินติดตามชิงเยวี่ยเข้ามา ร้านอาหารภายในโรงเตี้ยมแห่งนี้ถูกจัดตกแต่งอย่างหรูหรา ทว่ากลับไม่เห็นใครอยู่เลย มีเพียงสี่ห้าโต๊ะเท่านั้นที่มีคนนั่งรับประทานอาหาร
“เมื่อครู่นี้ เจ้ากล่าวเองมิใช่รึว่า จักรวรรดิซีฉินเป็นดินแดนที่ทรงอำนาจและเจริญรุ่งเรืองที่สุด? แต่ไยร้านอาหารในโรงเตี้ยมแห่งนี้กลับแทบไม่มีคนอยู่เลย? ช่างห่างไกลจากบรรยากาศความครึกครื้นในตงหลี่ของเราสิ้นเชิง หรือเป็นไปได้ไหมว่า ความเจริญมั่งคั่งที่พวกเราเห็นภายนอกจะเป็นเพียงภาพลวงตา?”
แลเห็นผู้คนจำนวนไม่เท่าไหร่ในร้านอาหาร หลีเหว่ยก็อดใจกล่าวแซะเสียดสีมิได้
ชิงเยวี่ยระบายยิ้มเล็กน้อย กล่าวตอบไปว่า
“โรงเตี้ยมแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น ร้านอาหารและที่พักที่หรูหราที่สุดแห่งเมืองซีเยว่ ดังนั้น ฝ่าบาทของเราจึงปิดทั้งโรงเตี้ยมเพื่อเลี้ยงต้อนรับผู้เข้าประลองทุกท่านที่เดินทางเข้ามา ซึ่งตอนนี้มีเพียงพวกท่านกับผู้เข้าประลองจากจักรวรรดิหน่านเฟิงเท่านั้นที่อยู่ในนี้ จึงเป็นเหตุผลที่พวกท่านทุกคนรู้สึกว่า สถานที่แห่งนี้แทบไม่มีผู้คนอยู่เลย”
คล้อยหลังกล่าวจบ เขายังหันไปถามหลีเหว่ยอีกว่า
“ข้าพเจ้าได้ยินมาจากท่านทูตอีกคนว่า ตอนที่ไปเยี่ยมเยือนจักรวรรดิตงหลี่ ร้านอาหารที่ดีที่สุดของที่นั่นค่อนข้างเก่าทรุดโทรม และรสชาติอาหารก็ยังธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นคือ ท่านทูตคนนั้นโดนโจรล้วงกระเป๋าขโมยของไประหว่างพักอาศัยอยู่ที่นั่น เมื่อครู่ท่านเองก็บอกว่า บรรยากาศในร้านอาหารของตงหลี่ค่อนข้างครึกครื้น หาใช่ว่าเป็นพวกสิบแปดมงกุฎหรือโจรทั้งนั้น? มิทราบว่าจักรวรรดิตงหลี่ของพวกท่านเป็นรังโจรหรือไม่?”
“ไร้สาระ! จักรวรรดิตงหลี่ของเราไม่มีโจร!”
ด้วยความโกรธจัด หลีเหว่ยตะคอกใส่เสียงดังลั่น
ชิงเยวี่ยยังคงยิ้มเยาะ หัวเราะคิกคักพร้อมกล่าวอีกว่า
“ไม่มีใครในดินแดนที่เจริญแล้วบอกว่า บ้านตัวเองไม่มีโจร เพราะผู้คนที่มีหัวคิดในระดับนึงย่อมทราบ บนผืนภพแห่งนี้ไม่มีที่ใดขาวสะอาดหรือดำมืดไปทั้งหมด แม้แต่จักรวรรดิซีฉินของพวกเราก็มีโจร เพียงว่า ชนชั้นผู้ปกครองจะต้องมีมาตรการออกมารอบรับและช่วยเหลือ แล้วการที่พวกท่านบอกว่า จักรวรรดิตงหลี่ที่ด้อยพัฒนาไม่มีโจรมันหมายความว่าอย่างไร? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ผู้คนจากตงหลี่เป็นพวกขี้โกหก?”
หลีเหว่ยเดือดดาลจัดจนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เขาเพิ่งกล่าวไม่ทันขาดคำ อีกฝ่ายก็ตอบสวนกลับมาเป็นฉากๆ ไม่หยุด ด้วยความโกรธเกรี้ยวเกินจะควบคุม เขารีบเอื้อมมือจับด้ามกระบี่ข้างเอวตั้งท่าเตรียมชักออกมาจากฝัก คำรามน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า
“อย่าทำตัวหยาบคายให้มากนัก! อย่าคิดเสียว่าที่นี่เป็นซีฉินแล้วข้าจะไม่กล้าลงมือลงไม้!!”
ชิงเยวี่ยเหลือบสายตาปรายมองไปที่กระบี่เหน็บข้างเอวของอีกฝ่าย บนใบหน้าที่ฉาบเคลือบรอยยิ้มได้แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาในทันใด กล่าวน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กลับหนาวเหน็บสุดขั้วหัวใจขึ้นว่า
“ข้าพเจ้าเพียงอธิบายไปตามความจริงเท่านั้น หากต้องการลงมือก็เชิญ แต่เกรงว่าคนอื่นภายในนี้คงไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก”
ทันใดนั้นก็มีกลุ่มชายหลายคน ซึ่งเป็นพนักงานในร้านอาหารเดินตรงเข้ามารวมตัวอย่างเงียบงันอยู่ด้านหลังชิงเยวี่ย เซียถงกวาดสายตามองพวกเขาไปรอบหนึ่ง ลอบเร้นปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณของตนแผ่ซ่านขยายตัวออกไป ทันใดนั้นนางถึงกับต้องตกตะลึง ระดับความแข็งแกร่งของทุกคนในนี้ล้วนอยู่ที่ขอบเขตเสาหลักฟ้ากันทั้งสิ้น!
จักรวรรดิซีฉินเป็นถิ่นเสือหมอบมังกรซ่อนอย่างแท้จริง! ทั่วทุกหนแห่งมีแต่ยอดฝีมือ! แม้แต่พนักงานในร้านอาหารแห่งนี้ก็ยังมีความแข็งแกร่งสูงถึง ขอบเขตเสาหลักฟ้า!
กลุ่มชายจำนวนหนึ่งรวมตัวเข้ารายล้อมรอบชิงเยวี่ย แต่ละคนยกมือเข้ากลัดกุมกระชับอาวุธข้างเอว
พวกเขาเหล่านั้นที่ยืนอยู่ข้างชิงเยวี่ย ต่างจับจ้องมาทางหลีเหว่ย สายตาดูไม่เป็นมิตรชัดเจน ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้มองใครอื่นเลยนอกจากหลีเหว่ย เผชิญกับคลื่นแรงกดดันจากทุกสายตามุ่งเข้าใส่ หลีเหว่ยพยายามรีดเค้นพลังลมปราณจากร่างกายเข้าต้านรับอยู่หลายระลอก จนท้ายที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด สีหน้าของเขาซีดขาวลงอย่างเห็นชัด และทันใดนั้นเสมือนบนบ่าทั้งสองข้างกำลังแบกหุบเขานับหมื่นตัน คู่เข่าทรุดฮวบร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง ก้มหน้ามอบศีรษะลงจรดแนบแผ่นพื้นอย่างช่วยไม่ได้
แต่เสี้ยวอึดใจก่อนที่หน้าผากของเขาจะกระแทกติดพื้น จู่ๆ ก็มีใครบางคนพุ่งเข้ามาคว้าไหล่และออกแรงกระชากร่างของเขาขึ้นมาอย่างแรง เพื่อช่วยมิให้หลีเหว่ยต้องคุกเข่าต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งมันเป็นภาพฉากที่น่าสังเวชเกินทนมอง
เขารีบหันหน้ามองด้วยความขอบคุณ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นหญิงสาวผู้มีผ้าแพรสีขาวปิดคลุมใบหน้า สีหน้าแววตาของเขากลับกลายเป็นเย็นชาทันที
“ในจักรวรรดิของเรามีโจรค่อนข้างชุกชุม”
เซียถงยังคงประคองไหล่ข้างหนึ่งของหลีเหว่ยเอาไว้ไม่ให้ล้ม ก่นเสียงเย็นแผดดังไปหาชิงเยวี่ย
เมื่อได้ยินเซียถงยอมปริปากยอมรับแล้วว่าที่ตงหลี่มีโจรมากมาย ชิงเยวี่ยก็คลี่ยิ้มบางและกำลังจะเปิดปากกล่าว ทว่ากลับได้ยินเสียงของเซียถงเอ่ยขึ้นต่อว่า
“แต่ฟังว่าพวกโจรทั้งหมดล้วนมาจากซีฉิน เป็นพวกที่อพยพมายังจักรวรรดิตงหลี่ของเรา ก่อนหน้านี้ ท่านทูตเคยกล่าวไว้ว่า จักรวรรดิซีฉินของท่านมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองที่สุด? มิใช่ว่าที่ได้ดิบได้ดีปานนี้ ล้วนมาจากการไปขโมยข้าวของดินแดนอื่นมา?”
ได้ฟังเช่นนั้น ชิงเยวี่ยถึงกับตะลึงงันชะงักไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นอีกครั้งพลางปรบมือส่งเสียง กล่าวว่า
“คุณหนูท่านนี้มิเพียงงดงามเท่านั้น แต่ทัศนคติความคิดยังน่าสนใจกว่าใครคนใด ชิงเยวี่ยคนนี้ขอชื่นชม!”
กล่าวจบ เขาก็โบกมือส่งสัญญาณให้พวกที่อยู่ด้านหลังเพิ่มแรงกดดันขึ้นทันที
“ข้าขอรับไว้ด้วยความเต็มใจ เพราะสิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น”
มือข้างนั้นของเซียถงที่จับไหล่ประคองร่างหลีเหว่ยอยู่นั้นก็พลันคลายออก ยกฝ่ามือตบใส่ร่างของเขา ส่งตัวอีกฝ่ายกระเด็นถอยกลับไปด้านหลังอย่างลวกๆ มิได้แยแสนัก ชั่วขณะเดียวกัน ก็โคจรพลังลมปราณทั่วร่างอย่างบ้าคลั่ง ปราดพุ่งเข้าใส่ชิงเยวี่ยด้วยความเร็วประดุจสายฟ้าฟาด