ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 228 เข้าพักในซีฉิน (2)
ตอนที่228 เข้าพักในซีฉิน (2)
ตอนที่228 เข้าพักในซีฉิน (2)
ชิงเยวี่ยมิได้ต้านรับขับสู้ใดๆ ยืนรับการโจมตีของเซียถงโดยปราศจากปราการป้องกัน ทำเอาร่างของเขาโซซัดโซเซ เสียการทรงตัวไปชั่วขณะเกือบล้ม เข่าข้างหนึ่งค้ำยันอยู่บนพื้น กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังรีบตรงเข้ามาควงแขนประคองร่างของเขาขึ้น เพื่อมิให้ต้องอับอายล้มคะมำต่อหน้าคนอื่น
“นายท่านชิง!”
ชายคนหนึ่งอุทานลือลั่น สาดสายตาฉายแววดุเดือดใส่เซียถง มองมาด้วยความโกรธเกรี้ยว
ชิงเยวี่ยลุกขึ้นยืนตัวตรง สีหน้าของเขาถอดสีซีดเซียวลงเล็กน้อย สายตาเปล่งแสงเป็นประกายวูบหนึ่ง ขณะที่เซียถงยังคงมองหน้าสวนตอบอีกฝ่ายอย่างเย็นชา การโจมตีเมื่อครู่เพียงสั่งสอนมิให้ชิงเยวี่ยพูดจาดูถูกเหยียดหยามจักรวรรดิตงหลี่ไปมากกว่านี้
หากผู้ใดว่าร้ายตงหลี่ คนของตงหลี่ย่อมต้องสู้กลับเพื่อปกป้อง
ชิงเยวี่ยสบสายตากับนางเหนียวแน่นไม่คลายอ่อน มุมปากกระตุกขึ้นแผ่วเบา เอื้อมมือไปตบแขนอีกฝ่ายที่พยุงหิ้วปีกอยู่ด้านหลัง กล่าวว่า
“ไม่เป็นไร พวกเจ้ากลับไปทำงานเถอะ”
“นายท่านชิง…”
ชายคนนั้นเหมือนกับว่าต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ชิงเยวี่ยก็โบกมือแทรกขัดจังหวะไว้เสียก่อน ชายคนดังกล่าวเหลือบหางตามอปรายมองไปที่เซียถง สีหน้าการแสดงออกเปี่ยมท่าทางไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ท้ายที่สุดเขาก็ก้าวถอยออกไป
เมื่อเห็นกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังล่าถอยกลับไป รอยยิ้มก็ปรากฏฉาบเคลือบบนใบหน้าของชิงเยวี่ยอีกครั้งและกล่าวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า
“เอาล่ะ ทุกท่านโปรดตามข้าพเจ้ามาทางนี้ ต่อไปจะเป็นการแนะนำห้องพักสำหรับพักผ่อนตามอัธยาศัย”
เซียถงพยักหน้าและเดินผ่านหลีเหว่ย ติดตามชิงเยวี่ยขึ้นบันไดไป ในขณะนั้นเอง หลีเหว่ยก็ชำเลืองมืองแผ่นหลังของนางที่เคลื่อนออกไป ลอบกัดฟันกรอดอย่างลับๆ สีหน้าการแสดงออกเปี่ยมล้นแววอาฆาต เมื่อครู่ นังนี่มันบังอาจใช้เขาเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้ตนเองดูดี การกระทำเฉกเช่นนี้นับว่าน่ารังเกียจเกินไป!
ฉิงหยุนที่อยู่ข้างเคียงมองมาทางเขา เห็นท่าทีไม่พอใจอีกฝ่ายก็เลยยกมือตบไหล่ ลอบกระซิบเสียงต่ำว่า
“พี่ชาย นังนั่นบังอาจเหยียบย่ำท่าน หวังทำให้ตัวเองดูเด่น”
สีหน้าของหลีเหว่ยบิดเบี้ยวน่าเกลียดอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ยิ่งได้ยินวาจาใส่ฝืนเช่นนั้นก็ยิ่งบิดเบี้ยวน่าเกลียดเข้าไปใหญ่ หรี่สายตาสีมืดทมิฬจ้องเขม็งไปที่เซียถง ก่นเสียงเย็นชาด้วยความเกลียดชังสุดหัวใจ ในไม่ช้าก็เร็ว เขาจะต้องเสาะหาโอกาสสั่งสอนบทเรียนให้นังอัปลักษณ์นี่แน่นอน!
ทุกคนต่างเดินขึ้นมายังชั้นที่สามภายใต้การนำของชิงเยวี่ย แต่ละคนล้วนมีห้องส่วนตัวของใครของมัน ในส่วนห้องพักของเซียถงได้ถูกจัดแจงให้อยู่บริเวณริมขวาสุดของทางเดิน ตัวห้องพักได้รับการบูรณะตกแต่งอย่างหรูหรา เตียงไม้ขนาดใหญ่ได้แกะสลักลวดลายประณีต บริเวณหัวเตียงเคียงโต๊ะเครื่องแป้งสวยงาม ข้าวของสรรพสิ่งใช้ประทินใบหน้าครบเครื่อง ทั้งยังมีแจกันหยกขาวโบราณวางประดับประดาอยู่บนโต๊ะ ภายในนั้นมีดอกบุปผาสีแดงขนาดเล็ก โดยรวมแล้วช่างสวยงาม
“มิทราบว่าคุณหนูพึงพอใจกับห้องพักหรือไม่? หากยังเช่นนั้นข้าพเจ้าจะดำเนินการเปลี่ยนห้องพักให้แก่ท่าน”
ยามเซียถงกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณห้องพัก ชิงเยวี่ยที่ยืนกำกับดูแลอยู่ท้ายหลังก็ยิ้มถาม
ห้องพักแห่งนี้ได้รับการตกแต่งเป็นอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นทั้งในห้องพักของสถานศึกษา หรือเรือนพักของจวนเสนาบดีเซี่ย ก็มิสามารถเทียบชั้นห้องพักนี้ได้เลยแม้แต่ครึ่ง นอกจากนี้เอง เซียถงก็ไม่ค่อยเรื่องมากอะไรกับห้องพักอยู่แล้ว มีที่ซุกหัวนอนก็เพียงพอ ดังนั้นนางจึงหันไปพยักหน้าให้ชิงเยวี่ยและกล่าวว่า
“แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ขอบคุณท่านทูตเป็นอย่างมาก”
“อย่าเรียกข้าว่าท่านทูตอีกเลย ข้ามีชื่อว่าชิงเยวี่ย”
ชิงเยวี่ยสบตามองเซียถง ยิ้มหวานตอบอย่างเป็นมิตร ดวงตาที่เปล่งสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ
เซียถงพยักหน้ารับทราบอีกครั้ง
“มิทราบว่าคุณหนูมีนามว่า…”
ชิงเยวี่ยส่งยิ้มให้เซียถงอีกครั้งพร้อมเอ่ยถาม
“ท่านทูต ข้ารู้สึกเพลียเล็กน้อย หากไม่ว่าอันใดขอตัวไปพักผ่อนก่อนได้หรือไม่?”
เซียถงหลบเลี่ยงสายตาที่จับจ้องของอีกฝ่าย หันหน้าไปทางหน้าต่างลวดลายแกะสลักงดงาม พลางเอ่ยแทรกขึ้นคำหนึ่ง
“ได้แน่นอน หากท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็เรียกข้าพเจ้าได้เสมอที่ห้องฝั่งขวาสุดทางเดินชั้นห้า”
ชิงเยวี่ยพยักหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที ก่อนลาจากยังไม่ลืมส่งยิ้มหวานเป็นสิ่งทิ้งท้ายมอบให้
ตลอดการเดินทางหลายวันมานี้ นางได้แต่นั่งคลุกตัวในเกรี้ยวรถม้า เซียถงไม่เพียงแต่รู้สึกว่าร่างกายเอื่อยเฉื่อย ทั้งยังรู้สึกเบื่อหน่ายจนเหนื่อยนัก ได้นอนพักบนเตียงนุ่มๆ สักงีบน่าจะเติมพลังได้ไม่น้อย คิดได้ดังนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงหลับไปทันที หลังจากผ่านไปสักครู่ใหญ่ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ปลุกนางให้ตื่นจากภวังค์หลับใหล ลุกขึ้นยืดเหยียดร่างกายบิดขี้เกียจ พอเปิดประตู ก็แลเห็นสาวรับใช้รูปงามนางหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าประตู
“นายท่านชิง มีคำสั่งให้บ่าวนำอาหารมอบให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
สาวรับใช้ตัวน้อยเอ่ยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม พร้อมยื่นถาดอาหารชุดตรงหน้าให้
เซียถงกดสายตากวาดมองถาดอาหารดังกล่าว บนนั้นมีชามข้าวต้มและเครื่องเคียงสีสันน่ารับประทานหลากหลาย ทั้งยังมีเนื้อผัดหอมกรุ่นโชยเข้าจมูก แค่ได้กลิ่นก็พึงทราบถึงความอร่อย ทั้งนี้เองนางก็กำลังหิวพอดี แต่ก็หาใช่ว่าจะยื่นมือไปหยิบถาดอาหารตรงหน้า เอ่ยปากถามสาวรับใชตัวน้อยแทนว่า
“แล้วคนอื่นอยู่ไหน? หรือทางนี้มีบริการส่งอาหารถึงหน้าห้องพักทุกคนเลยงั้นรึ?”
“เปล่าเจ้าค่ะ คนอื่นๆ ลงไปทานอาหารด้านล่าง เนื่องจากเห็นว่าคุณหนูท่าจะเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ นายท่านชิงจึงสั่งให้เราห้ามปลุกคุณหนูเป็นอันขาด จนกว่าคุณหนูจะพักผ่อนจนเต็มอิ่ม บ่าวถึงจะนำอาหารมาบริเวณถึงที่เจ้าค่ะ”
สาวรับใช้ตัวน้อยเอ่ยอธิบาย
“เช่นนั้นเอาอาหารพวกนี้กลับไปคืนเถอะ”
คล้อยหลังได้ยินดังนั้น เซียถงก็พยักหน้าเชิงว่าเข้าใจแล้ว และโบกมือปัดไม่รับชุดอาหารที่อีกฝ่ายยกมาให้
“คุณหนูไม่หิวหรอกรึเจ้าค่ะ? หรือคุณหนูไม่ชอบทานอาหารพวกนี้? หากเป็นเช่นนั้น บ่าวจะรีบนำไปเปลี่ยนใหม่เจ้าค่ะ”
สาวรับใช้หรี่ตาแคบลงหนึ่งส่วน เอ่นถามออกไปเจือน้ำเสียงฉงน
“ข้าบอกให้นำกลับไปก็นำกลับไปเถิด”
เซียถงชักรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยกับคำถามจุกจิกของสาวรับใช้ตัวน้อยตรงหน้า อดใจย่นคิ้วขนมวดมิได้ น้ำเสียงที่เปล่งดังเริ่มปนร่องรอยความไม่พอใจ
“เหตุใดต้องการนำอาหารชุดนี้กลับไปด้วยงั้นรึ? เป็นเพราะคุณหนูไม่หิวหรือไม่ชอบที่ข้าพเจ้าเป็นคนสั่งให้นำมาให้?”
น้ำเสียงหวานดั่งสายฝนเย็นในเดือนสามเปล่งแหลม ใครได้ยินเสมือนตกอยู่ท่ามกลางสายลมยามฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อเซียถงหันติดตามต้นเสียงก็พบกับใบหน้าอันหล่อเหลาของชิงเยวี่ย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มลึกล่ำดั่งว่ากำลังสะกดนางด้วยรอยยิ้มพลิมใจ
หากกล่าวตามความจริงแล้ว บุรุษชายเฉกเช่นชิงเยวี่ยเป็นคนที่อ่อนโยนทรงสง่า แต่ที่นางไม่ค่อยชอบอีกฝ่ายเท่าไหร่อาจเป็นเพราะ ความประทับใจแรกที่พานพบกลับไม่ดีเท่าที่ควร หรือเป็นเพราะเหตุผลอื่นก็ไม่แน่เช่นกัน แต่จะอย่างไร เซียถงสามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่า นางรู้สึกไม่พอใจเท่าไหร่นักที่เห็นชิงเยวี่ยปรากฏตัวต่อหน้าตน
ชิงเยวี่ยยืนอยู่ตรงมุมบันได เห็นหน้าอยู่หน้าประตูห้องพักเช่นนั้น ก็ย่างตรงเข้าหาด้วยทีท่าอันสง่าราศีจับ
“เพราะข้าไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร”
เซียถงกล่าวตอบน้ำเสียงไม่แสแยไปคนหนึ่ง สายตาสบปะทะเข้ากับใบหน้าฉาบรอยยิ้มที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้น อย่างที่กล่าวไป ความประทับใจแรกที่มีต่อชายคนนี้กลับไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นแล้ว รอยยิ้มอันอบอุ่นตรงหน้าจึงไม่สามารถซื้อใจเซียถงได้
“นี่จะถือว่าเป็นหนี้บุญคุณได้เยี่ยงไร? ข้าพเจ้ามีหน้าที่ต้องดูแลแขกผู้มีเกียรติจากต่างแดนทุกท่านให้ดีที่สุดอยู่แล้ว”
ชิงเยวี่ยหยุดฝีเท้าอยู่ต่อหน้านางประมาณหนึ่ง มิได้ทำให้รู้สึกชิดใกล้จนอึดอัด หรือไกลห่างจนห่างเหินเกินไป