ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 234 ปะทะหลินเยวี่ยน (2)
ตอนที่234 ปะทะหลินเยวี่ยน (2)
ตอนที่234 ปะทะหลินเยวี่ยน (2)
ตามสุ้มเสียงที่แผดดังหยาบคาย ปรากฏชายวัยยี่สิบปียืนอยู่ตรงประตู
ได้ยินเสียงของชายผู้นั้น สีหน้าเยว่อวี๋ถึงกับถอดสีซีดเซียวบัดดล นางยกเท้าวิ่งไปหลบอยู่หลังเซียถงโดยไว เนื้อตัวสั่นกลัวเข้าขั้น ยกผ้าเช็ดหน้าในมือขึ้นปิดคลุมใบหน้าเสียขวัญรุนแรง
“คุณชายหลินเยวี่ยน เยว่อวี๋วันนี้ไม่ว่าง แต่พรุ่งนี้บ่าวขอสัญญาแน่นอนเจ้าค่ะ จะให้นางไปบริการท่านถึงที่! ได้โปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ!”
หญิงชรารีบวิ่งตามหลังอีกฝ่ายมา เอ่ยปากขอโทษขอโพยหลินเยวี่ยนผู้เหี้ยมโหดไม่หยุดปาก หากชายผู้นี้ลงมือลงไม้เมื่อใด เกรงว่าชีวิตนางคงดับสูญคาหอนางโลมแน่นอน
ชายหนุ่มผู้นี้หน้าตาไม่เลว แต่ปัจจุบันกลับฉาบเคลือบไปด้วยความโกรธเกรี้ยว บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด กระทืบเท้าตรงเข้ามาในห้องอย่างองอาจ ชี้หน้าใส่เซียถง คำรามเสียงดังว่า
“ไอ้หน้าละอ่อนนี่เป็นใคร?! คิดว่าขยะอย่างเจ้าหรือจะคู่ควรกับเยว่อวี๋?!”
แต่ทันใดนั้น เสียงทะลวงห้วงเวหาท้าลม ลำแสงสีเงินสองสายสาดสะท้อนพุ่งตรงไปยังศีรษะของหลินเยวี่ยนโดยฉับพลัน ทว่าเพียงเสี้ยวจังหวะเท่านั้น เขาสามารถหลบเลี่ยงลำแสงสีเงินสองสายที่ปราดใส่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนี่ทำเอาเซียถงถึงกับมองหน้าอีกฝ่ายเจือแววประหลาดใจไม่น้อย
เห็นหน้าตี๋ขาวแบบนี้ ฝีมือกลับไม่เลว
เซียถงเคลื่อนสายตามองทะลุไปยังกำแพงด้านหลังที่อีกฝ่ายยืนอยู่ ตะเกียบสีเงินสองแท่งที่นางยิงไปเมื่อครู่ยังปักคาอยู่บนนั้น สร้างรอยแตกร้าวทั่วกำแพงดั่งใยแมงมุม ตัวนางรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเลยจริงๆ ทั้งที่ตนไม่แม้แต่ให้โอกาสอีกฝ่ายตั้งหลักด้วยซ้ำ แต่หลินเยวี่ยนคนนี้กลับมีปฏิกิริยาว่องไวกว่าที่นางคิดมาก ถึงขั้นสามารถเลี่ยงหลบการโจมตีระยะใกล้ขนาดนี้ได้โดยไร้บาดแผล
“แม่เล้า เอาตะเกียบคู่ใหม่มาให้ที”
นัยน์ตาสั่นไสวยังคงร่องรอยความประหลาดใจไม่จางหาย เซียถงชำเลืองมองหญิงชราที่อยู่ด้านนอกประตู กล่าวกับอีกฝ่าย น้ำเสียงฟังดูแล้วไม่แสแยใดๆ
โดนเซียถงเมินใสกันซึ่งหน้า สีหน้าการแสดงออกของหลินเยวี่ยนพลันมืดทมิฬลงทันใด ครั้งแต่เด็กจนโต เขายังไม่เคยถูกใครปฏิบัติราวกับธาตุอากาศเช่นนี้มาก่อนเลย เพลิงพิโรธสุมทรวงภายในใจเดือดปะทุ ไอเย็นยะเยือกแผ่กระจาย เข้ากดดันบรรยากาศทั่วทั้งห้องในชั่วอึดใจ
หญิงชราที่ยืนอยู่ท้ายหลังสุด ถึงกับหน้าซีดเผือดไม่กล้าเอ่ยตอบเซียถงเลยสักคำ แต่เนื่องด้วยต้องเอาตัวรอด จึงพยายามก้าวเท้าผละออกจากสมรภูมิเดือด ณ จุดนี้ไป หากอยู่ต่อเกรงว่า ชีวิตของหญิงชรานางนี้ไม่ตายดีแน่นอน ซึ่งภายในใจเองก็วิตกกังวลไม่น้อย หากคุณชายสองท่านนี้คิดสัประยุทธ์กันจริงๆ แล้วหอนางโลมแห่งนี้จะมีสภาพเยี่ยงไร?
เซียถงสบสายตาหลินเยวี่ยน สีหน้าเย็นเหยียบประดุจน้ำแข็ง รูม่านตาดำหดแคบมืดทมิฬแฝงแววอำมหิตเพิ่มขึ้นหนึ่งส่วน
“เยว่อวี๋ คืนนี้เจ้าเป็นของข้าเท่านั้น!”
หลินเยวี่ยนชำเลืองสายตาไปที่เยว่อวี๋ที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังเซียถง เนื่องด้วยความหวาดกลัวจนเสียขวัญอย่างไรมิทราบ จู่ๆ เยว่อวี๋ก็ตัดสินใจวิ่งทิ้งเซียถง วิ่งหนีไปอีกทาง หลินเยวี่ยนได้จังหวะ คว้าตัวอีกฝ่ายพร้อมฉีกกระชากเสื้อผ้าบนเรือนร่างของนางด้วยความดิบกระหาย ทั้งยังเหลือบหางตามองเซียถงเชิงยั่วยุชัดเจน
ก็หาใช่ว่าไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนนี่เป็นคนแย่งนางมาจากข้าหรอกรึ? ในท้ายที่สุดวันนี้ข้าก็ได้นางมาครอบครองเสียที! ขอดูหน่อยเถอะว่า ข้าจะทำอะไรกับนางได้บ้าง!
“คุณชายหลิน! อย่านะเจ้าค่ะ!!”
เยว่อวี๋หน้าแดงก่ำ ทั้งรู้สึกอัปยศและละอายใจยิ่งยวด พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่อีกฝ่ายเปรียบเสมือนคีมเหล็กที่บีบจับตัวนางจนขยับเขยื้อนไม่ได้
“หึหึ สุดยอด!”
หลินเยวี่ยนฉีกกระชากชุดเสื้อผ้าชั้นนอกที่ปกคลุมเรือนร่างของเยว่อวี๋จนหมด ถกจนไปเผยให้เห็นชุดนั้นในสีชมพูอ่อน พร้อมเรียวไหล่นวลสีขาวผ่องประดุจหิมะ ร่องหน้าอกหน้าใจทั้งกลิ่นอายหอมหวานสุดเย้ายวน เยว่อวี๋รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นปกปิดเรือนร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่าอย่างรวดเร็ว หันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือแก่เซียถง
“เยว่อวี๋ ขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ คืนนี้เจ้าต้องเป็นของข้า! ของข้าแต่เพียงผู้เดียว!!”
เนื้อเสียงผิวเผินฟังดูเย็นชา ทว่าคลุมซ่อนความปรารถนามักมากในกามอารมณ์ หลินเยวี่ยนจับจ้องผิวกายอันเปลือยเปล่าของเยว่อวี๋ที่พยายามปกปิดตาเป็นมัน คว้าสายชั้นในสีชมพู หวังฉีกกระชากให้ขาดผึ่ง
เซียถงลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารอย่างแช่มช้า รูม่านตายามนีบีบแคบบีนเล็กลงถึงขีดสุดแล้ว รังสีสังหารความเข้มข้นสูงปริมาณมหาศาลเอ่อล้นออกจากร่างของนางไม่หยุดหย่อน
การดูถูกศักดิ์ศรีสตรีเพศเฉกเช่นนี้…มันเกินกว่าจะยกโทษให้ได้แล้ว!
เสี้ยวอึดใจที่ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ปลายนิ้วชี้ด้านขวาของเซียถงสะบั้นดีด ยิงตะเกียบเงินอีกอันก่อนหน้าที่ตกพื้น พุ่งเข้าใส่ข้อมือของหลินเยวี่ยน
หลินเยวี่ยนกลับหาใช่ชนชั้นกินเจ สังเกตเห็นตะเกียบเงินข้างหนึ่งที่ยิงเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง พ่นลมหายใจเย็นชืดหนึ่งเฮือก ขยับมือขึ้นเล็กน้อย เขาก็ดึงร่างของเยว่อวี๋เข้ามาบดบังตัว หวังใช้นางเป็นโล่มนุษย์เพื่อป้องกันตนเองให้ปลอดภัย และเสี้ยวพริบตาต่อมา ตะเกียบเงินดังกล่าวก็พุ่งใส่ท้องน้อยของเยว่อวี๋อย่างแรง เสียงกรีดร้องคร่ำครวญเจ็บปวดดังลั่น มือทั้งสองข้างตกวูบห้อยต่องแต่ง ศีรษะตกสู่สภาวะไร้การควบคุมเอียงตกซบในอ้อมแขนของหลินเยวี่ยน นางหมดสติไปโดยสมบูรณ์
“พานางเข้าไปรอห้องข้า”
หลินเยวี่ยนหันไปกล่าวกับหญิงชราขี้ขลาดที่เพิ่งกลับมาพร้อมตะเกียบคู่ใหม่ ได้ยินดังนั้น หญิงชรารีบพยักหน้า เดินไปอุ้มร่างเยว่อวี๋ ก้าวเท้าย่างเตรียมจากออกไป ทว่ายังไม่ทันไร กลับมีกระแสลมแรงซัดกระโชกผ่านหน้าดักทางเอาไว้
“ลองแตะต้องเยว่อวี๋ของข้าดูสิ!!”
สายลมกระโชกแรงสายดังกล่าวที่ดักทางเอาไว้ก็มิใช่ใครอื่น เซียถงยืนขวางเส้นทางมิให้หญิงชราไปต่อ ดวงตาคู่นั้นของนางที่แผดเปี่ยมล้นแววพิโรธเดือดดาลไร้ขอบเขต เมื่อหญิงชราได้เห็น เปลวไฟสองดวงที่ลุกโชติช่วงอยู่ในแววตาเซียถง ก็ถึงกับหน้าเสียหนัก เพราะเปลวไฟทั้งสองดวงตรงหน้า เปรียบกับว่าพวกมันสามารถแผดเผาสรรพชีวิตบนผืนพิภพให้เป็นจุณได้!
คู่เท้าของหญิงชราอ่อนยวบด้วยความเสียขวัญสุดขีด พยายามข่มตาหลับ ปล่อยคายร่างของเยว่อวี๋ออกจากอ้อมแขนและวิ่งขวัญกระเจิงออกไปเพื่อหนีตาย
หลินเยวี่ยนเหลียวหลังเหลือบมองเซียถงที่พุ่งผ่านหน้าตนตั้งแต่เมื่อใดมิทราบ สีหน้าตะลึงค้างประหลาดใจอย่างยิ่ง ไฉนไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนคนนี้ถึงเคลื่อนไหวรวดเร็วนัก? มันไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนไหน? ไยข้าถึงไม่สามารถมองตามการเคลื่อนไหวของมันได้ทัน?
ชายคนนื้ที่ชื่อหลินเยวี่ยน ไม่เพียงแต่จะขื่นใจ หวังพรากบริสุทธิ์เยว่อวี๋เท่านั้น แต่มันยังใช้นางเป็นโล่มนุษย์อีกด้วย!
เศษเดนมนุษย์ชัดๆ!
เซียถงจ้องหน้าหลินเยวี่ยเขม็ง มวลความโกรธเกรี้ยวมหาศาลระเบิดคลั่งจากทั่วทุกอณูร่างกาย ขุมพลังขอบเขตเสาหลักฟ้าเปล่งแสงประกายสีครามจัดจ้านสุดขั้ว ดวงตาที่เย็นเยียบกลายเป็นสีทมิฬมืด คมมีดแหลมพุ่งโจมตีใส่หยินเยวี่ยนโดยตรง หวังเพื่อทะลวงขั้วหัวใจของมันทิ้งอย่างไร้ปราณี
หลินเสวี่ยนเสียวสันหลังวูบ ตกใจจนเนื้อตัวแข็งค้างไปชั่วขณะ ร่องรอยความหวาดกลัวคืบคลานขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ ชั่วพริบตา เขาเร่งโคจรพลังโหมทะลักอย่างบ้าคลั่ง คู่เท้ากระตุบวูบพุ่งออกไปคว้าตัวเยว่อวี๋ขึ้นจากพื้น ตั้งใจไว้ว่าได้ตัวเป้าหมายที่ต้องการแล้ว จะรีบหนีไปจากที่แห่งนี้ในทันที
อย่างไรก็ตามวิ่งไปได้ไม่ถึงครึ่งก้าวกลับต้องชะงัก หนทางเบื้องหน้าปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีแดงเพลิง ยืนตระหง่านภาคภูมิ เบื้องหลังร่างสีแดงเพลิงเสมือนมีรังสีสังหารปริมาณข้นคลั่กล้นทะลักจนไหลนอง
สายลมเย็นจับขั้วกระดูกซัดกระโชก หลินเยวี่ยนรู้สึกได้ถึง ไอหนาวเหน็บที่พัดผ่านเข้าหาจากทุกสารทิศ ตัวเขาถูกเงาร่างพิสดารสีแดงเพลิงล้อมกรอบเอาไว้ พยายามเสาะหาหนทางหนีเพียงใดแต่กลับไม่พบ ยิ่งวงบีบเข้าใกล้ตัว ยิ่งมีเสียกรีดร้องคร่ำครวญดังสนั่นออกจากปากหลินเยวี่ยน กระแสความเจ็บปวดเกินพรรณนาโฉบแล่นไปทั่วทั้งร่างกาย ทุกครั้งที่เงาร่างพิสดารสีแดงโคจรหมุนติ้ว บนตัวของเขาจะบังเกิดบาดแผลฉกรรจ์ฉีกปรากฏ ยิ่งโคจรหมุนเร็วเท่าไหร่ บาดแผลทั่วร่างก็ยิ่งสาหัส ทันทีทันใดก็สัมผัสได้ว่าอ้อมแขนแต่เดิมที่โอบอุ้มมีน้ำหนักกลับเบาลงฉับพลัน พอเหลือบสายตามองลงมา ก็ไม่พบเยว่อวี๋อยู่ในอ้อมแขนของตนอีกต่อไป