ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 235 หลินเยวี่ยนผู้อัปยศ (1)
ตอนที่235 หลินเยวี่ยนผู้อัปยศ (1)
ตอนที่235 หลินเยวี่ยนผู้อัปยศ (1)
“เยว่อวี๋เป็นของข้า และในคืนนี้เจ้าจะไม่ได้อะไรกลับไปเลย!”
เซียถงอุ้มร่างเยว่อวี๋ที่นอนหมดสติอยู่ในอ้อมแขน ยืดเหยียดตัวตรง ยืนประจักษ์อยู่ต่อหน้าหลินเยวี่ยนในสภาพเวทนายิ่งยวด
มีดสั้นในมือขวา ถูกแต่งแต้มเป็นสีแดงฉาน!
เก็บมีดสั้นในมือลง ดึงตะเกียบเงินที่ปักคาอยู่ที่ช่องท้องน้อยของเยว่อวี๋ออกอย่างระมัดระวัง สัมผัสได้ถึงกระแสความเจ็บแปลบที่แล่นโฉบ เยว่อวี๋ได้สติฟื้นขึ้นสะลึมสะลือ ทอดมองเซียถงเล็กน้อย กระซิบเสียงแผ่วอ่อนว่า
“คุณชาย…”
ยังไม่ทันกล่าวจบ น้ำตาสองสายก็ไหลรินออกมา
เซียถงมิได้ปริปากกล่าวอะไร ร่างไสววูบกวาดหาย ปรากฏตัวอีกทีก็วางร่างเยว่อวี๋นอนลงบนเตียงแกะสลักในห้อง ดึงผ้าห่มหนาเพื่อปกคลุมเรือนร่างที่เปลือยเปล่า และยิ้มบางกล่าวขึ้นว่า
“อย่าได้กังวลไป ในเมื่อคืนนี้ตัวเจ้าเป็นของข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องเป็นอันตรายใดๆ อีกแล้ว”
ระดับเสียงมิได้ดัง ทว่าความแน่วแน่ในเนื้อเสียงกลับเด็ดเดี่ยวไม่สั่นคลอน เยว่อวี๋ในเวลานี้กลับรู้สึกจิตใจสงบอย่างน่าประหลาดเมื่อได้เห็นใบหน้าอันมุ่งมั่นตรงหน้า โฉมงามฉาบสีหน้าซัดขาวระบายยิ้มเบาบางส่งมอบให้เซียถง
หลินเยวี่ยนทรุดตัวอยู่ในท่าคุกเข่ากับพื้น บนเรือนร่างเหลือเพียงเศษผ้าสีครามประมาณสองสามชิ้นที่ยังพอเกาะติด ซึ่งส่วนที่เหลือล้วนถูกฉีกกระฉากเป็นเศษขี้ริ้วกองอยู่กับพื้น สายตาคู่นั้นของเขาเลื่อนต่ำลง จับจ้องไปที่แผ่นอก สิ่งที่เห็นมีแต่เลือดสีแดงสดพร้อมบาดแผลฉกรรจ์ถูกฟันยาวเป็นแนวนอน หยาดเลือดซิบรินทะลักเป็นสาย ไหลนองจนทำให้กองเศษผ้าเบื้องหน้าเปียกชุ่ม ฉาบย้อมจากสีครามกลายมาเป็นสีแดงโลหิต เพราะแบบนี้เอง จึงเพิ่งจะรู้สึกฟื้นตัวว่า ร่างกายตนเองในขณะนี้บาดเจ็บสาหัสแค่ไหน
พยายามกัดฟันข่มกลั้นความเจ็บปวดเพียงใด แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทานทนได้ไหว ใบหน้ายามนี้ซีดเผือดอาการหนัก หลินเยวี่ยนฝืนสติแหงนศีรษะขึ้นมองเซียถง ภายในใจมีเพียงความอาฆาตแค้นอยู่คับคั่ง ตั้งแต่เกิดมาจวบจนอายุยี่สิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่มีใครก็ตามกล้าลงมือทำร้ายร่างกายเขา
ประกายแสงเดือดดาล เปี่ยมความกระหายเลือดสุดแสนฉาดฉาย เสมือนยิงออกมาจากดวงตาของหลินเยวี่ยน ฝืนทุกความเจ็บปวด กัดฟันกรอดแทบแตกร้าว แปรสภาพกลายเป็นเงาแสงสายหนึ่ง ทะยานปราดเข้าใส่เซียถง ปรารถนาจะฆ่าให้ตายในอึดใจเดียว ทางด้านเซียถงเองก็หาได้คลั่นคร้ามหวั่นเกรง ระเบิดพลังสุดขั้ว กระโจนข้ามฟากเข้าปะทะชน ร่างทั้งสองประสานงาประจัญบาน ก่อเกิดคลื่นกระแทกหลากระลอกกวาดล้างซัดสรรพสิ่งโดยรอบ ทั้งถ้วยชามอาหาร กระทั่งโต๊ะอาหาร ล้วนถูกพัดกระเด็นไปคนละทิศละทางโดยตรง
เยว่อวี๋ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่ม ลอบโผล่ศีรษะแช่มมองเซียถงเล็กน้อยด้วยความเป็นห่วง เบื้องลึกในดวงตาคู่สวยเก็บซ่อนร่องรอยความวิตกกังวลอยู่หลายส่วน
ขณะที่เซียถงกำลังโรมรันพันตู บรรดานางโลมและสาวรับใช้คนอื่นๆ จากข้างเคียงก็กำลังหลบภัย แอบดูอยู่ตามราวบันได แอบเดิมพันกันว่า คุณชายรูปงามท่านนี้จะสามารถช่วยเยว่อวี๋ให้พ้นภัยได้หรือไม่ สังเกตเห็นได้ว่า คุณชายท่านนี้มีมาดสงบนิ่ง กระทั่งตอนนี้สีหน้าการแสดงออกก็ยังเฉยเมยไม่แยแส ทั้งที่กำลังสัประยุทธ์ต่อสู้อยู่ คงมีเพียงเยว่อวี๋ที่อยู่ในระยะใกล้เคียงที่สุด สังเกตเห็นว่า ลึกลงไปในแววตาของคุณชายรูปงาม คล้ายมาเปลวเพลิงสุมทรวงลุกโชนอยู่
ภายใต้กิริยาท่าทางที่สุดแสนจะสงบนิ่ง กลับแอบแฝงไปด้วยจิตใจอันร้อนแรงและชอบธรรม
เยว่อวี๋ที่เฝ้ามองจวบจนถึงตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่านางจะเลือกเดิมพันได้ถูกข้างแล้ว เพราะคุณชายท่านนี้มิเพียงจะมีจิตใจที่ดีงามและกว้างขวาง แต่เขาก็ยังมีขุมพลังความแกร่งกล้าที่หาตัวจับได้ยาก ไม่ว่าจะดูยังไง หลินเยวี่ยนก็หาใช่คู่ต่อสู้ของคุณชายรูปงามท่านนี้ได้เลย จะเหลือก็เพียง…หลังจากคืนนี้ไปแล้ว คุณชายท่านนี้ยังจะปกป้องนางอยู่ไหม?
พอคิดถึงจุดนี้ คู่คิ้วของเยว่อวี๋ก็เริ่มขมวดแน่นเข้าหากันอีกครั้ง
พัลวันกันหลายสิบกระบวน บริเวณโดยรอบกลายเป็นซากปรักหักพัง ประดุจแสงสว่างและเงามืดที่ท้าชนกลางโถงทางเดินพลันหยุดกะทันหัน ผลลัพธ์เป็นประจักษ์ปรากฏ คล้อยหลังกองฝุ่นตลบเริ่มจางอ่อนลง แลเห็นเซียถงยืนตรงตระหง่าน เบื้องล่างฝ่าเท้า กำลังเหยียบยอดอกหลินเยวี่ยน เลิกคิ้วขึ้นทีหนึ่ง นางเอ่ยถามอีกฝ่ายขึ้นว่า
“ยังต้องการพาตัวเยว่อวี๋ไปอีกหรือไม่?”
“จะ-เจ้า…เจ้าเป็นใครกัน!? หากแน่จริงก็จงปล่อยข้าไป! ข้า…ข้าจะไปเรียกท่านพี่มาจัดการเจ้าทิ้งซะ!!”
หลินเยวี่ยนนอนหมดสภาพราวกับสุนัขใกล้ตาย นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ชำเลืองมองเซียถง คำรามเสียงแหบแห้งด้วยความแสนจะเกลียดชัง
“หึ!”
เซียถงพ่นลมหายใจเย็นคำโต เสมือนม้ากระทืบโลง นางยกฝ่าเท้าขึ้นและกระทืบซ้ำกลางยอดอกสุดแรง เห็นหลินเยวี่ยนกระอักเลือดสดคำโตล้นทะลักออกจากปาก พลางแสยะยิ้มกว้างอย่างสุขอกสุขใจ พลิกข้อมือเลื่อนคมมีดที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของนางลงมา ประกายแสงเย็นเยียบตวัดฟันฟาดหนึ่งชุด กางเกงที่ปกคลุมท่อนล่างของหลินเยวี่ยนขาดรุ่ยไม่เหลือสิ่งใดปกปิดอีกต่อไป ซ้ำยังยกบาทาแตะร่างอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปอีกฝั่ง หลินเยวี่นอยู่ในสภาพเปลือยกายทั้งท่อนบนและล่างโดยสมบูรณ์ กำลังนอนขดตัวด้วยความเจ็บปวดราวกับดักแด้เพิ่งฟักตัวก็มิปาน
หลินเยวี่ยนร้องร่มร้องไห้ราวกับเด็กน้อยเรียกหาแม่ แต่เซียถงยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ย่างสามขุมเดินเข้าไปหา หวดแข้งเตะร่างเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายจนกลิ้งกระเด็นไปไกลอีกหลายตลบ นางทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายรอบจนมาถึงสุดทางเดิน และนี่หาใช่อุปสรรคไม่เลยสำหรับเซียถง ครั้งนี้นางอัดฉีดพลังลมปราณทั้งหมดไปยังแข่งขา หวดลูกเตะอันทรงพลัง อัดใส่ร่างของหลินเยวี่ยนจนทะลุกำแพง ร่วงจากชั้นสามของหอนางโลมสู่ชั้นล่างภาคพื้นดินเสียงตกกระแทกดังสนั่น
ทันใดนั้น ก็มีสุ้มเสียงกรีดร้องโกลาหลมาจากด้านล่าง
เยว่อวี๋มุดตัวออกจากผ้าห่ม ลอบคลานเข่าเข้ามาหาเซียถงอย่างกล้าๆ กลัวๆ เอ่ยถามด้วยความงุนงงว่า
“คุณชาย เกิดอะไรขึ้นรึเจ้าค่ะ?”
“เห็นว่าคุณชายหลินมีงานอดิเรกชอบฉีกกระชากเสื้อผ้าคนอื่น เช่นนั้นข้าก็เลยฉีกเสื้อผ้าเขา ปล่อยให้เปลือยกายกลางที่สาธารณะให้พอใจ”
เซียถงกล่าวขึ้นคำหนึ่ง ขณะก้มหน้ามองรูกำแพงที่พังถล่มลงมา
หลินเยวี่ยนคนนี้ชอบฉีกเสื้อผ้าคนอื่นเล่นนัก ก็ลองปล่อยให้มันเปลือยกายต่อหน้าผู้คนเสียบ้าง เผื่อว่าจะชอบ!
เยว่อวี๋เหม่อมองใบหน้าฉาบความเย็นชาของเซียถง พลันรู้สึกใจสั่นเกินหักห้าม นางทั้งรู้สึกเกรงขามและรู้สึกราวกับกำลังตกหลุมรัก…
หลินเยวี่ยนที่ร่วงอยู่ที่ชั้นล่างภาคพื้นดิน นอนกองอยู่แบบนั้นสักพักใหญ่ ใช้เวลานานกว่าจะลุกขึ้นได้ ทันทีที่ทรงตัวยืน เขาก็กลายมาเป็นตัวตลกที่ดึงดูดเสียงหัวเราะของทุกคนในละแวกนั้นทันที ผู้คนรอบข้างต่างจับจ้องมาทางเขา และระเบิดหัวเราะเยาะอย่างสุดจะอดกลั้นไหว มีหลายต่อหลายคนแอบชี้นิ้วมาทางไอ้จ้อนน้อยของเขาเช่นกัน
อะไรของคนพวกนี้? ไม่เคยเห็นคนตกจากที่สูงรึอย่างไร? หลินเยวี่ยนสบถด่าขึ้นคำหนึ่ง ยกมือไม้ขึ้นปาดเช็ดคราบเลือดบริเวณมุมปาก กวาดสายตาเดือดดุจับจ้องผู้คนรอบข้าง
ถูกสายตาคู่เหี้ยมสาดชำเลืองใส่ เสียงหัวเราะเยาะโดยรอบพลันระงับเงียบลงในทันใด ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่ก็ยังมีบรรดาหญิงสาวบางนาง ยกมือปิดปากพยายามจะไม่ขำ ทั้งยังส่งสายตาแปลกๆ มาทางตัวเขาอีกด้วย
สายตาเช่นนี้มัน…
ทันใดนั้นเอง หลินเยวี่ยนพลันรู้สึกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างขึ้นได้ทันที พอก้มศีรษะมองท่อนล่างของตนก็พบไอ้จ้อนตัวน้อยที่เปลือยเปล่า ตระหนักได้ดังนั้น เขาแทบอ้วกอาเจียนออกมาเป็นเลือดสดอีกคำโต แท้จริงแล้ว เขากำลังยืนเปลือยกายต่อหน้าสาธารณชน! ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวชิ้นส่วนผ้าสักผืนที่ปิดป้อง!
บัดซบ!! ข้า…ข้าจะต้องถลกหนังเลาะกระดูกไอ้หนุ่มชุดแดงเพลิงนั่นในสักวัน!!
หลินเยวี่ยนกล่าวสัตย์ปฏิญาณกับตัวเองดังนั้น เลือดในกายสูบฉีดจนใบหน้าเห่อร้อนแดงก่ำไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เงยหน้ามองเซียถงที่กำลังยืนจับจ้องตนอยู่ที่ชั้นสาม สองมือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อหนัง บนหน้าผากเส้นเลือดสีเขียวม่วงปูดโปนเป็นชั้นหนาปริแตก กล้ามเนื้อทั่วใบหน้ากำลังสั่นกระตุกไม่หยุด
ความอัปยศในครั้งนี้ มันจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม!
ทันทีทันใด หลินเยวี่ยนก็ยืดเหยียดมือออกไปคว้าชายผู้หนึ่งที่อยู่ใกล้สุด กระชากคออีกฝ่ายเข้ามา พร้อมยกฝ่ามือตบอัดจนหัวระเบิดราวกับแตงโม เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว บังเกิดเสียงกรีดร้องลือลั่น ผู้คนที่รายล้อมเฝ้ามองต่างวงแตกกระเจิง
“กรี๊ด! มีคนถูกฆ่า!!”
เหล่าผู้คนที่วิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ต่างกรีดร้องตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความตื่นตระหนก
หลินเยวี่ยนที่ตอนนี้สีหน้าซีดเผือดขาดเลือดหนัก รีบเร่งถอดเสื้อที่นุ่งห่มบนศพของชายคนนั้นที่เพิ่งระเบิดหัวไปออกมา และเปลี่ยนมาใส่บนเรือนร่างของตนเอง เงยหน้ามองเซียถงด้วยความอาฆาตแค้นทิ้งท้าย ก่อนจะตีฝีเท้าออกจากย่านโคมแดงมากแสงสีไป
“คุณชาย นี่แย่แล้ว! หลินเยวี่ยนจะต้องกลับไปพวกเพื่อมาแก้แค้นแน่นอน!”
หลังจากเหตุการณ์ความโกลาหลวุ่นวายสงบลง เยว่อวี๋ก็รีบวิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่าง เห็นศพชายไร้หัวนอนเปลือยก็ถึงอดรู้สึกขนหัวลุกมิได้ ก่อนจะรีบวิ่งกลับขึ้นห้อง ตรงเข้ามากล่าวเตือนกับเซียถง
“หลินเยวี่ยนคนนี้มีภูมิหลังอย่างไรบ้าง?”
เซียถงหันหน้าเอ่ยถามอย่างเฉยเมย นางหาได้สนใจภาพฉากการฆาตกรรมของหลินเยวี่ยนต่อหน้าสาธารณะแต่อย่างใด