ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 237 เยว่อวี๋ยืนหยัด (1)
ตอนที่237 เยว่อวี๋ยืนหยัด (1)
ตอนที่237 เยว่อวี๋ยืนหยัด (1)
เซียถงอุ้มร่างของเยว่อวี๋เดินข้ามกองศพของกลุ่มชายร่างกำยำออกมา บุรุษหน้าหยกหล่อเหลา ส่วนอิสตรีนางนั้นก็งดงาม ช่างเหมาะสมกันดั่งวิหคอมตะคู่หนึ่ง ดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้างทั้งหลายที่กำลังสัญจรเข้าออกทางหน้าประตูใหญ่หน้าย่านโคมแดง
กอดร่างเพรียวบางของสาวงามในอ้อมกอดจงมั่น เซียถงย่างสามขุมก้าวเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ไม่แยแสสายตารอบข้างของทุกคนแม้สักนิด และกำลังจะเดินจากลาที่แห่งนี้
แต่ขณะที่ทั้งสองกำลังออกไปนั่นเอง หญิงชราที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมาโดยตลอดก็โผล่หัวออกมา กระโดดเข้าขวางหน้า กางแขนทั้งสองข้างเปิดอ้า ตะโกนเสียงสั่นเทาอย่างน่าสังเวชขึ้นว่า
“คุณชาย! ท่านกับเยว่อวี๋ออกไปไหนไม่ได้เด็ดขาด หากคุณชายหลินย้อนกลับเข้ามาและไม่พบพวกท่าน เกรงว่าชะตาชีวิตข้าคงต้องขาดสะบั้น!”
แน่นอนว่าหญิงชราไม่กล้าหาเรื่องจับหัวเซียถงอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็พอมีปัญญารั้งตัวเยว่อวี๋ไว้ได้ กล่าวจบดังนั้น นางวิ่งไปนำตัวเยว่อวี๋กลับออกมา ทว่าชั่วอึดใจขณะ ปลายแขนเสื้อของเซียถงพลันสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย สายลมแรงซัดกระโชก มีคมแสงเยียบเย็นพุ่งออกจากใต้แขนเสื้อ ยิงเจาะทะลวงเข้ากลางกะโหลกศีรษะของหญิงชรานางนั้น ยังไม่ทันได้เปล่งเสียงกรีดร้องระบายความเจ็บปวดที่รู้สึก ร่างแก่เฒ่าของหญิงชรากระเด็นไปฟาดกับเสาประตูต้นหนึ่งตายคาที่ ธารเลือดสดกระอักล้นปาก มีอาการศพกระตุกอยู่สองสามคราก่อนจะแน่นิ่งไป
ใครขวางทาง มันผู้นั้นตาย!
เซียถงกวาดสายตามองย้อนกลับไปหาทุกคนโดยรอบอย่างเยือกเย็น พอไม่เห็นว่ามีใครอาสากล้าออกมาหยุดนางอีกต่อไป เช่นนั้นจึงค่อยกระชับร่างของเยว่อวี๋ในอ้อมกอดในแน่น และก้าวเท้าออกไปอีกครั้ง
เยว่อวี๋ชำเลืองมองศพของหญิงชราที่นอนตายอยู่บนพื้น สีหน้าพลันซีดขาวลงไปหนึ่งส่วน ใจสั่นเต้นผิดจังหวะ พอลืมตาขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาของคุณชายรูปงามในชุดสีแดงเพลิง ใบหน้าของนางก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอีกครั้ง ชายผู้นี้เปรียบเสมือนดวงตะวันที่ทั้งเที่ยงตรงและมั่นคงดั่งเสาหลักค้ำฟากฟ้า หัวใจที่สั่นระรัวเต้นแรงเนื่องด้วยความตื่นตระหนกค่อยๆ สงบลง ตราบที่เท่าข้าติดตามรับใช้คุณชายท่านนี้ ตัวนางจะไม่มีภัยอันตรายใดอีกแล้วใช่หรือไม่?
แลเห็นภาพฉากโศกนาฏกรรมสุดสยองของหญิงชรา ไม่มีใครกล้าออกโรงเข้าหยุดเซียถงอีกต่อไป ปล่อยให้ทั้งคู่เดินตรงออกจากย่านโคมแดงอย่างง่ายดาย พอมาถึงถนนคนเดินเส้นหลักท้องฟ้าก็ย่ำรุ่งแล้ว ร้านค้าหลายต่อหลายแห่งต่างยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวเปิดประตูร้าน
เมื่อเห็นว่าเดินจากออกมาไกลในระดับหนึ่งได้ เซียถงก็วางร่างของเยว่อวี๋ลงพร้อมส่งตั๋วเงินใบหนึ่งมอบให้
“เยว่อวี๋ นี่เป็นตั๋วเงินหนึ่งหมื่นเหรียญทอง เจ้าเก็บไว้ใช้เถอะ”
เซียถงแอบจิ๊กตั๋วเงินจำนวนหมื่นเหรียญทองจากอิ๋งเอ๋อร์มาทั้งหมดสามใบ เพิ่งผ่านไปคืนแรกก็ใช้หมดเสียแล้ว หากนางรู้เข้ามาหวังเป็นลมล้มพับไปแน่นอน
“คุณชาย นี่หมายความว่าอย่างไร….”
เยว่อวี๋ไม่กล้าคิดต่อเลยว่า คุณชายท่านนี้ตั้งใจจะบอกอะไรกันแน่ ได้แต่เงยหน้ามองอีกฝ่าย สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เยว่อวี๋ ข้าพาเจ้าไปด้วยไม่ได้จริงๆ รับเงินพวกนี้ไปซะ แล้วออกไปตั้งหลักชีวิตใหม่ด้วยตัวเองเถอะ”
เซียถงกล่าวอธิบายไปตามตรง
เมื่อได้ยินแบบนั้น เสมือนความหวังก่อนหน้าพลันแตกสลายในพริบตา บริเวณรอบดวงตาของเยว่อว็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเห่อร้อนขึ้นทันใด มองหน้าเซียถงไม่กะพริบ ทำได้เพียงส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้น
“เยว่อวี๋มิได้ต้องการเงินพวกนี้ เพียงต้องการติดตามรับใช้ท่านต่อไปเท่านั้น! ได้โปรดเถิดคุณชาย…พาข้าไปด้วยเถิด!!”
ร่างอรชรของอิสตรีอ่อนยวบทรุดลงกับพื้น เงยหน้าขึ้นมองอีกที เซียถงก็เห็นแต่เพียงฑารน้ำตาที่เปรอะเปื้อนทั่วใบหน้างดงามนั้น
“เยว่อวี๋ หาใช่ว่ามิต้องการพาเจ้าไปด้วย แต่นี่เป็นเรื่องที่ข้าไม่สามารถทำได้จริงๆ ตัวข้านั้นสร้างศัตรูไว้มากมาย ทุกอึดใจขณะมีใครแอบซุ่มตามล่าข้าบ้างก็ไม่รู้ จะถูกฆ่าเมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น คิดจะติดตามข้าไป ชีวิตเจ้าหลังจากนี้ล้วนแต่เสาะพบภัยอันตรายนับไม่ถ้วน รับเงินก้อนนี้แล้วไปตั้งต้นชีวิตใหม่เสียเถอะ”
เซียถงขมวดคิ้วแน่น จงใจพูดออกไปว่า สถานะจุดยืนของตัวเองยืนอยู่มันอันตรายเพียงใด
“เยว่อวี๋คนนี้ไม่กลัวความตาย! หากเบื้องหน้าของท่านคือฝนธนู ข้าจะขอเป็นโล่เพื่อปกป้องท่าน!”
ลึกลงไปในดวงตาที่มัวหมองเปื้อนคราบน้ำตาของเยว่อวี๋ กลับมีแววความเด็ดเดี่ยวเร้นแฝงไว้อยู่
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางอันมุ่งมั่นหนักแน่นของเยว่อวี๋ เซียถงก็ถึงกับลอบถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ นางเชื่อว่า ทุกคำพูดที่เยว่อวี๋กล่าวมาล้วนเป็นความจริง แต่นี่ก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่นางจำเป็นจะต้องพาอีกฝ่ายไปด้วย และนอกเหนือสิ่งอื่นใด เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ นางเป็นผู้หญิง และไม่ใช่อย่างที่เยว่อวี๋คิดไว้เลยสักนิด
“เยว่อวี๋ มีหญิงงามนับไม่ถ้วนที่ติดตามรับใช้ข้างกายข้าอยู่ และข้าเองก็คิดว่าเจ้ายังสวยไม่พอ เมื่อคืนก็แค่ความสนุกชั่วครั้นชั่วคราวเท่านั้น รับเงินก้อนนี้แล้วไปซะ”
เซียถงพยายามทำใจแข็ง กล่าววาจาแข็งกระด้างตัดสัมพันธ์กับอีกฝ่ายอย่างไร้เยื่อใย
เมื่อได้ยินดังนั้น เยว่อวี๋ก็ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ สีหน้าแววตาค่อยๆ หม่นประกายมืดลง ยืนมองเซียถงอยู่สักครู่ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาหมุนตัวเดินจากออกไป โดยมิได้รับตั๋วเงินใบนั้นไปจากมือเซียถงด้วยซ้ำ เดินจากออกไปตามลำพังอย่างโดดเดี่ยวและว่างเปล่า
ทอดสายตามองด้วยความหดหู่ใจยิ่งแล้ว เซียถงย้อนกลับมาคิดทบทวนกับตัวเองในใจ เมื่อครู่ข้าพูดแรงเกินไปรึเปล่า? ดูท่าจะทำเกินเหตุไปจริงๆ! รู้สึกตัวได้ดังนั้น นางก็รีบเงยหน้าตะโกนหาเยว่อวี๋ขึ้นว่า
“เยว่อวี๋ เดี๋ยวก่อน!”
เยว่อวี๋ค่อยๆ หันกลับมามองเซียถง สีหน้าแววตาช่างเศร้าสร้อยนัก
เซียถงรีบวิ่งไปหานาง พลางยกมือขึ้นถอดปิ่นปักผมที่เหน็บเก็บเอาไว้บนหัวออก ทันใดนั้นเอง ผมยาวสีดำสลวยก็คลี่คลาย ปล่อยอิสระลงมาเสมือนหมึกสีดำขลับที่สาดไปทั่วบ่าและแผ่นหลัง จับจ้องเยว่อวี๋ด้วยสีหน้าจริงจัง เอ่ยขึ้นสั้นๆ ว่า
“ทีนี้เจ้าเข้าใจรึยัง?”
เยว่อวี๋เบิกตาโตดูตื่นตกใจอย่างมาก พยายามลืมตาให้กว้างขึ้นเพื่อจับจ้องไปยังเซียถงที่ยืนปล่อยผมยาวสลวยอยู่ตรงหน้า คล้อยหลังไม่นานเกินรอ นางก็ถอดถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เอ่ยถามน้ำเสียงสั่น ไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่นัก
“ท่าน…ท่านเป็นผู้หญิง?”
เซียถงพยักหน้าและเอ่ยถามกลับไปว่า
“ตอนนี้เจ้าก็เข้าใจแล้วเสียที ว่าเหตุใดจึงไม่อยากให้เจ้าติดตามข้าไป”
เยว่อวี๋ขบกัดริมฝีปากล่างสีหวานฉ่ำเบาๆ พยักหน้าตอบกลับไปให้ นางในตอนนี้ทั้งรู้สึกโล่งใจและเสียใจในเวลาเดียวกัน
“นี่เป็นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งหมื่นเหรียญทอง รับไปเถอะ แล้วแนะนำว่ารีบหนีออกจากเมืองซีเยว่แห่งนี้โดยไว ย้ายไปตั่งถิ่นฐานที่จักรวรรดิอื่นเสียดีกว่า”
เซียถงส่งตั๋วเงินมอบให้ต่อหน้าเยว่อวี๋อีกครั้ง
“แต่คุณผู้ชะ-…มะ-หมายถึง…นายหญิง ไยถึงไม่ยอมให้ข้าติดตามรับใช้ท่านล่ะ? เยว่อวี๋เป็นเพียงหญิงอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้น หนีออกจากหอนางโลมมาได้ ข้าก็ไม่เหลือที่ไปแล้วจริงๆ จะมีก็แต่ติดตามรับใช้นายหญิงต่อไปเท่านั้น”
เยว่อวี๋คว้าข้อมือของเซียถงกอดกุมเอาไว้แน่น เอ่ยปากขอร้องทั้งน้ำตา
นางกลัวเหลือเกินหากต้องออกเดินทางเร่ร่อนไปในดินแดนอื่นที่ไม่รู้จักตามลำพัง
“เยว่อวี๋ ไยเจ้าต้องติดตามรับใช้คนอื่นดั่งทาสด้วย? ทั้งที่มีโอกาสแล้ว ก็จงใช้มันเพื่อมอบอิสรภาพแก่ตนเองไม่ดีกว่ารึ? ตัวเจ้านั้นมิอาจพึ่งพาใครได้ไปชั่วชีวิต ทางรอดเดียวที่ดีที่สุดคือ การพึ่งพาตัวเอง อย่าให้คนอื่นคอยชี้นำอนาคตแก่เจ้า แต่จงสร้างอนาคตที่ว่านั่นด้วยสองมือของตนเถอะ”
เฝ้าสังเกตเห็นสีหน้าระสับระส่ายร้อนใจของเยว่อวี๋ เซียถงค่อยๆ แกะมือของตนออกมา และเดินจากไปอย่างแช่มช้า ทว่าทุกย่างก้าวช่างมั่นคงนัก
“นายหญิง!!”
เมื่อเห็นว่าเซียถงกำลังจะทิ้งตนไปแล้ว ร่องรอยความกลัวก็ยิ่งขยับขยายเพิ่มขึ้นบนใบหน้าของเยว่อวี๋ แขนขาสั่นเทาไม่หยุด ได้แต่ยืนมองอยู่เฉกเช่นนั้นอย่างช่วยไม่ได้
อนาคตที่สร้างเองงั้นรึ? แค่คิดก็รู้สึกกลัวจับใจแล้ว นางกลัวที่ต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพังจริงๆ กลัวว่าไม่รู้จะเป็นยังไงต่อ
เยว่อวี๋รีบวิ่งติดตามเซียถงออกไป เอื้อมมือไปไขว่คว้ากอดแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น กล่าวขอร้องอ้อนวอนทั้งน้ำตาว่า
“ขอติดตามท่านไปด้วยเถอะ! ข้าขอร้อง! ข้ากลัว…ข้าไม่อยากอยู่ตัวคนเดียว! จากนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าควรทำอย่างไรต่อ!”
เซียถงได้แต่เหลือบสายตามองหญิงสาวที่นั่งกอดแขนอยู่เคียงข้าง สิ่งที่เห็นมีแค่ความหวาดกลัวและสับสนจากนางคนนี้ แต่ถึงแบบนั้น ไม่ว่านางจะกลัวมากเพียงใด สุดท้ายก็มีแต่จำต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น ถึงจะสามารถก้าวข้ามผ่านสิ่งเลวร้ายออกมาได้