ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 238 เยว่อวี๋ยืนหยัด (2)
ตอนที่238 เยว่อวี๋ยืนหยัด (2)
ตอนที่238 เยว่อวี๋ยืนหยัด (2)
หาใช่ว่าเซียถงไม่อยากไป แต่หากนางต้องไปติดตามรับใช้จริงๆ เกรงว่าความสวยงามบนผืนพิภพแห่งนี้อาจจะต้องสูญหายลงไปอีกหนึ่ง
สตรีงผู้ครอบครองความงามถล่มเมืองปานนี้ ไม่ควรเกิดมาเป็นแค่ทาส!
เซียถงชักมือกลับอย่างเด็ดเดี่ยว เหลือบสายตามองใบหน้าซีดขาวที่เปรอะเปื้อนน้ำตาที่ไหลนองของเยว่อวี๋ กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ขอเพียงเจ้ากล้าที่จะฝัน อนาคตที่สดใสมันก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว แทนที่จะเป็นทาสรับใช้ใครสักคนไปชั่วชีวิต สู้เอาชนะความกลัวเพื่อก้าวข้ามไปหาความสุขที่ใจต้องการ ขอเพียงกล้าพอ เจ้าย่อมมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เซียถงก็ยัดตั๋วเงินใบนั้นลงในกำมือของเยว่อวี๋ เงาร่างไสววูบกวาดหายไปจากเส้นสายตาในบัดดล
เยว่อวี๋กำตั๋วเงินที่เซียถงมอบให้ใบนั้น จับจ้องไปยังเส้นถนนเบื้องหน้าอย่างว่างเปล่า หนึ่งประโยคคำพูดของเซียถงเมื่อครู่ กลับปลุกกระตุ้นระลอกคลื่นนับพันถาโถมเข้าสู่จิตใจของนาง
“แทนที่จะเป็นทาสรับใช้คนอื่น สู้เอาชนะความกลัวเพื่อความสุขที่ใจต้องการงั้นรึ… ขอเพียงกล้าพอ ข้าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้…”
ประโยคคำกล่าวอันแสนทรงพลังนี้ ยังคงดังกึกก้องกังวานอยู่ในใจไม่จางหาย
นางไม่เคยคิดที่จะแยกตัวออกไปยังโลกภายนอกตามลำพังเลยสักครั้ง กระทั่งเดินทางออกจากเมืองซีเยว่คนเดียวยังไม่กล้า แต่…นางในตอนนี้สามารถทำได้แล้วงั้นเหรอ? นางจะทำได้จริงๆ ใช่ไหม? ในมือกกระชับกำตั๋วงเงินไว้แน่น เยว่อวี๋ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง
เวลาล่วงเลยผ่านไปนาน แต่เยว่อวี๋ก็ยังยืนเหม่อลอยอยู่แบบนั้น แววตาที่เต็มไปด้วยความกลัว เริ่มนิ่งสงบมั่นคง ใช่แล้ว…แทนที่จะเป็นทาสคนอื่นไปชั่วชีวิต ไยไม่กล้าเสี่ยงสักคราเพื่อสิ่งที่ดีกว่า? ใครบ้างจะรู้ว่าอนาคตของคนเราจะเป็นเช่นไร?
เยว่อวี๋เม้มริมฝีปากสีฉ่ำเบาๆ ในที่สุดก็ระบายยิ้มคลี่ออกมา จากนั้นก็เก็บตั๋วเงินใบนั้นที่เซียถงมอบให้ไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง และเดินจากออกไปพร้อมแสงแรกอรุณที่สาดส่องลงมา ทิศทางที่นางกำลังมุ่งไปก็คือประตูเมืองซีเยว่
หลังจากเยว่อวี๋เดินจากออกไป ร่างอรชรในชุดสีขาวก็ปรากฏกายขึ้นแทนตำแหน่งเดิมที่นางเคยยืนอยู่
“สตรีรูปงามปานนั้น ไยไม่เก็บมาเป็นสาวรับใช้ข้างกาย?”
หลิวซูเอ่ยถามน้ำเสียงคร้านใจ โดยมีเซียถงยืนอยู่ด้านหลัง ในเวลานี้ทั้งสองได้สลับชุดเสื้อผ้ากลับมาเป็นดังเดิมแล้ว นางในเวลานี้อยู่ในชุดแพรพรรณผู้หญิงสีขาว พร้อมผ้าแพรบางปกคลุมใบหน้า
“ปล่อยนางไปนั่นแหละดีแล้ว จับอีกฝ่ายให้มาอยู่ข้างกายข้ามีแต่อันตรายเปล่าๆ”
เซียถงขานตอบแผ่วเบา
หลัวซีส่ายศีรษะไปมาแสดงถึงความไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง เซียถงเองก็มิได้อธิบายอันใดต่อให้มากความ ยกเท้าก้าวออกไปตามท้องถนนคนเดิน
บรรยากาศยามเช้าตรู่ภายในเมืองซีเยว่ช่างมีชีวิตชีวาอย่างแท้จริง ของจักรวรรดิตงหลี่คือเทียบไม่ติดฝุ่นเลย เซียถงท่องเดินไปตามถนนคนเดินพลุกพล่าน ได้ยินเสียงตะโกนของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าตามไหล่ทางขนาบสองข้าง ไอเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างของนางเบาบางลงมาก ดูไม่เย็นชาดั่งก่อนหน้า แต่แสดงถึงความเป็นมิตรและใจดีขึ้นเล็กน้อย
“นั่นอะไรน่ะ?”
เมื่อเดินผ่านลุงคนหนึ่งที่กำลังนั่งเปิดแผงขายผิงกั๋วเชื่อมน้ำตาลสีแดงมันวาว หลิวซูก็รีบคว้าแขนเสื้อเซียถงกระตุกหลายที ชี้ไปที่ผิวกั๋วเชื่อมน้ำตาลเสียบไม้อยู่หลายแท่ง เอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง
เซียถงมองย้อนกลับไปมองเล็กน้อย แลเห็นว่าไม่ใช่ธุระสำคัญอะไรจึงกระตุกแขนเสื่อกลับ ก้าวยับออกไปหลายก้าวโดยไม่แยแสสนใจใดๆ อีก แต่เพิ่งจะเดินตรงออกมา นางก็ลอบสังเกตเห็นลูงที่ขายผิงกั๋วเชื่อมน้ำตาลเหลือบสายตาดูถูกดูแคลนมองมาหา
กับแค่ผิงกั๋วเชื่อมน้ำตาลยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ สองคนนี้ไปอยู่หลังเขาไหนมา?
หลิวซูไม่ได้สังเกตเห็นแววตาดูหมิ่นหยามเหยียดของลุงคนขาย ประกายตาสีแดงทับทิมกะพริบสองสามที เอ่ยชื่นชมน้ำเสียงตื่นอกตื่นเต้นขึ้นว่า
“ช่างเป็นสีแดงที่มันวาวและงดงามอะไรปานนี้ ทั้งยังดูน่าอร่อยอีก”
ฝีเท้าเซียถงหยุดชะงักไปทันที เฉพาะยามนี้เริ่มเหลือบหางตาปรายมองเล็กน้อย
“นี่เจ้าหนู คิดจะซื้อหรือเปล่า? หากไม่ก็ออกไปให้พ้น!”
หลิวซูยืนขวางหน้าร้านค่อนข้างเกะกะ ทั้งยังไม่มีวี่แววออกไปเสียที ดังนั้นลุงคนขายจึงเริ่มหัวเสีย ขมวดคิ้วแน่นตวาดไปคำโต
เอาแต่จ้องไม่ยอมซื้อ แถมยังยืนขวางหน้าร้านเขาอีก แล้วแบบนี้จะมีลูกค้าหน้าไหนกล้าเข้ามา!
“งั้นข้าขอหนึ่งอัน!”
หลิวซูคลี่ยิ้มกว้าง กล่าวตอบลุงคนขายไปทันควัน
“โอ้? ได้เลย! ผิงกั๋วเชื่อมน้ำตาลของข้าขึ้นชื่อว่าเป็น ผิงกั๋วเชื่อมน้ำตาลที่อร่อยที่สุดในเมืองซีเยว่แห่งนี้ เจ้าสนใจจะซื้อเพิ่มอีกสักสองสามอันหรือไม่?”
ทันทีที่ได้ยินหลิวซูว่าจะซื้อ ทัศนคติของลุงคนขายที่มีต่อมันก็แปรเปลี่ยนไปทันที ยิ้มแย้มมีความสุข ดูเป็นมิตรขึ้นมาก
“ได้เลย!”
หลิวซูพยักหน้ารัว ลุงคนขายก็หยิบผิงกั๋วเชื่อมน้ำตาลมให้มันเพิ่มอีกสามสี่ไม้ พอได้มา หลิววูก็หมุนตัวกลับจากออกไปทันที
“เดี๋ยวเจ้าหนู! ยังไม่ได้จ่ายเงินเลย!”
ลุงคนขายตะโกนใส่
หลิวซูเหลือบสายตามองไปทางเซียถง นางเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เดินวกกลับไปจ่ายเงินให้ พอลุงคนขายรับมาก็ปั้นหน้าดูถูกดูแคลนใส่หลิวซูอีกครั้ง น่าเสียดายหน้าตาหล่อเหลาของเจ้าหนุ่มคนนี้นัก เลือกทำอาชีพขายตัวตั้งแต่เด็ก แถมยังมีสาวใหญ่ค่อยเลี้ยงต้อยดูแล
หลิวซูถือผิวกั๋วเชื่อมน้ำตาลเกือบสิบไม้จนเต็มสองมือ ทว่ากลับไม่มีทีท่าว่าจะกินเลยสักนิด เอาแต่จับจ้องมองดูพวกมันแบบนั้น
“ไฉนเจ้าถึงไม่กินล่ะ?”
เห็นผิวกั๋วเชื่อมน้ำตาลฉาบหวานสีแดงฉ่ำอยู่ต่อหน้าต่อตา เซียถงก็อดอยากกินขึ้นมามิได้ เอื้อมมือไปหยิบไม้หนึ่งจากมือของหลิวซู แล้วหันซ้ายทีขวาที สังเกตมองรอบข้าง พอเห็นว่าไม่มีใครที่คุ้นหน้ารู้จักกัน เวลานี้นางจึงค่อยยกผ้าคลุมที่ปิดบังใบหน้าขึ้นจนสุด และบรรจงเลียรสความหวานละมุนด้วยกิริยาแสนชดช้อย
“ข้าไม่กินของพวกนี้ ทำได้แต่ดูเท่านั้น”
แลเห็นเซียถงชิมเลียผิวกั๋วเชื่อมน้ำตาล หลิวซูเองก็พลันน้ำลายสอไปด้วย แต่ในฐานะที่มันเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่ มันไม่สามารถทานของพวกนี้ได้ ทำได้แต่ใช้สายตาพินิจเชยชมเท่านั้น
เลียทั้งหน้า เลียทั้งล่าง แทบจะขบฟันกัดเข้าให้ ขณะที่เซียถงกำลังรับประทานผิวกั๋วเชื่อมน้ำตาลอย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้นนางก็พลันได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นอยู่ต่อหน้า เซียถงรีบเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ก็พบกับรอยยิ้มอันอบอุ่น เคียงน้ำเสียงฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นดังขึ้นว่า
“ผิงกั๋วเชื่อมน้ำตาลนับเป็นหนึ่งในของดีประจำเมืองซีเยว่ รสชาติหวานกำลังอร่อย! ข้าพเจ้าเองก็ยังชอบทานอยู่บ่อยครั้ง แล้วคุณหนูเซียล่ะ? ชอบหรือไม่?”