ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 239 ศัตรูบนทางแคบ (1)
ตอนที่239 ศัตรูบนทางแคบ (1)
ตอนที่239 ศัตรูบนทางแคบ (1)
เซียถงตาโตแทบถลนเมื่อเห็นชายหนุ่มที่อยู่ต่อหน้า กลายว่าเป็นชิงเยวี่ยที่กำลังยืนยิ้มให้ นางตกใจถึงขั้นที่ว่าเผลอกลืนผิงกั๋วเชื่อมน้ำตาลที่กัดเข้าไปคำโตติดคอ ได้สติแวบแรก นางรีบคว้าผ้าคลุมหน้าปิดลงมาโดยไว ตามมาด้วยกระแอมไอสำลักอยู่หลายคราติดต่อกัน
“คุณหนูเซียค่อยๆ เคี้ยว”
เห็นเซียถงสำลักไอหนัก ชิงเยวี่ยรีบวิ่งไปซื้อน้ำเปล่าถ้วยหนึ่งจากแม่ค้าที่อยู่ข้างเคียง แล้วยื่นให้เซียถงดื่มมัน
ทว่าเซียถงกลับใช้นิ้วล้วงชิ้นผิงกั๋วที่ติดคอออกมาเอง ยืดเหยียดแผ่นอกตั้งตรง วางมาดเย็นชากล่าวตอบไปชิงเยวี่ยไปว่า
“ท่านทักผิดคนแล้ว ข้าไม่รู้จักท่าน”
“ข้าหรือจำคนผิด?”
ชิงเยวี่ยเอียงศีรษะมองเซียถงเล็กน้อยปนแววสงสัย กวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วยันเท้าจรดหัว ไม่ว่าจะมองยังไงชุดเสื้อผ้าแพรพรรณของหญิงสาวนางนี้ก็เหมือนกับหญิงสาวคนนั้นจากตงหลี่ที่พักอยู่ในโรงเตี้ยมไม่มีผิด ทั้งนี้เขายังจำได้อีกว่า ตอนที่นางลงมาห้องอาหารชั้นล่างเมื่อคืนตอนดึก อีกฝ่ายก็สวมชุดแพรพรรณสีขาวแบบนี้เลย สิ่งที่แตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ เมื่อครู่นางเผลอเปิดผ้าคลุมใบหน้าออกมาก็เท่านั้น เห็นได้ชัดเจนมากว่า นางที่อยู่ตรงหน้าก็คือหญิงสาวจากตงหลี่คนเมื่อวาน แล้วไฉนนางถึงไม่ยอมรับกันล่ะ?
เซียถงหาได้สนใจเขาไม่ หมุนตัวกลับและเดินจากไปโดยตรง ทางด้านหลิวซูก็หันศีรษะมองหน้าทั้งสองตัดสลับกันอยู่คราสองครา ก่อนที่จะเดินติดตามเซียถงออกไปเช่นกัน
ชิงเยวี่ยทอดมองแผ่นหลังของเซียถงที่จากไปอย่างไร้เยื่อใย เห็นอีกฝ่ายข้ามฟากไปยังถนนอีกสายจนสุดสายตา ในเวลานี้เขารู้สึกงุนงงเสียเหลือเกิน ไฉนนางถึงไม่ยอมรับล่ะว่า นางก็คือคนเดียวกับหญิงสาวที่มาจากตงหลี่เมื่อวาน? และยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวที่มีโฉมงามปานนี้ ไฉนถึงโดนคนอื่นกล่าวหาว่าเป็น หญิงอัปลักษณ์ที่สุดแห่งจักรวรรดิตงหลี่ได้? หรือเป็นไปได้ไหมว่า มาตรฐานความงามของหญิงสาวทุกนางในตงหลี่จะอยู่สูงมาก? ดังนั้นแล้ว นางที่ว่าสวยในดินแดนอื่น พออยู่กับบรรดาสาวงามในตงหลี่จึงดูจืดจางไปโดยปริยาย? แล้วเด็กหนุ่มผมยาวสีเงินที่ติดตามนางมาด้วยคือใครกัน?
เซียถงสัมผัสได้ชัดแจ้งถึงสายตาเปี่ยมล้นความสงสัยของชิงเยวี่ยที่จับจ้องอยู่ด้านหลังไม่คลายอ่อน เช่นนั้นจึงเร่งฝีเท้าตีระยะฉีกห่าง ตราบเท่าที่นางไม่ยอมรับว่า ตนเองคือเซียถง ชิงเยวี่ยก็หาข้ออ้างทำอะไรนางไม่ได้
อีกฟากฝั่งหนึ่งของถนนคนเดิน หลินเฟยกำลังเดินติดตามอยู่เบื้องหลังหลินเยวี่ยนผู้เป็นน้องชายที่กำลังหัวเสียอย่างหนัก ทุกย่างเท้าลงน้ำหนักกระทืบรุนแรงด้วยความหงุดหงิด พลางกล่าวกับพี่ชายตนเองว่า
“ข้าไม่มีวันปล่อยไอ้บัดซบนั่นหนีไปโดยง่ายแน่นอน!”
หากย้อนกลับไปสักครู่หนึ่ง พอหลินเยวี่ยนได้ตามหลินเฟยผู้เป็นพี่ชายย้อนกลับมายังหอนางโลมในย่านโคมแดง พวกเขากลับไม่พบเซียถงเสียแล้ว ด้วยความโกรธเกรี้ยวเกินทานทน เขาจึงจุดไฟเผาหอนางโลมแห่งนั้นทิ้งไปซะ แต่นั่นกลับไม่สามารถชำระล้างความเกลียดชังภายในใจของเขาได้เลย
ด้านหลังของหลินเยวี่ยนปรากฏเป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบสองปี ทั้งรูปร่างหน้าตาค่อนข้างคล้ายกับเขาอยู่หลายส่วน สิ่งที่แตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ ดวงตาของเขาคนนี้คมกริบและดูลึกล้ำเสียยิ่งกว่าหลินเยวี่ยนมาก ทุกย่างเท้าการเดินช่างเปี่ยมสง่าราศี ดูหยิ่งยโสน่าเกรงขาม เขาผู้นี้ก็คือ หลินเฟย พี่ชายของหลินเยวี่ยนนั่นเอง
หลินเฟยยกมือขึ้นตบไหล่น้องชายเบาๆ กล่าวปลอบไปว่า
“ตราบเท่าที่มันยังอยู่ในเมืองซีเยว่ ข้าคนนี้ย่อมเสาะหาตัวได้ในไม่ช้า น้องเยวี่ยนไม่ต้องกังวล อีกไม่นานข้าจะจับมันมาลงโทษแน่นอน!”
หลินเยวี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย กระตุกแขนเสื้อผู้พี่เบาๆ กล่าวว่า
“ท่านพี่ต้องไม่เชื่อสายตาแน่นอน ว่าไอ้บัดซบนี่มันจองหองเพียงใด! เมื่อใดที่เจอตัว ท่านต้องทุบร่างของมันเป็นชิ้นๆ แทนข้า!”
ขณะที่กำลังสบถขึ้นอย่างหงุดหงิด ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกายระยับ ทอดสายตามองออกไปไกลโพ้นสุดถนน ก็พบหลิวซูกำลังเดินเล่นอยู่ เขาชี้นิ้วไปทางมันทันที พร้อมคำรามน้ำเสียงเดือดดาลขึ้นว่า
“เจอแล้วท่านพี่! ไอ้หมอนั่นที่ใส่ชุดสีแดงเพลิงนั่นแหละ!”
แต่เพิ่งจะสิ้นเสียงกล่าวจบ หลินเยวี่ยนก็ถึงกับชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นหญิงสาวนางนั้นในชุดสีขาว ที่กำลังเดินกินผิวกั๋วเชื่อมน้ำตาลอยู่ข้างหลิวซู พอได้เห็นใบหน้าของนางเท่านั้นแหละ…เขาถึงกับตะลึงค้างชั่วขณะ
ไอ้บัดซบเมื่อคืน…มันเป็นผู้หญิงงั้นรึ?
หลินเฟยคลี่สายตาเปิดออก เหลือบมองไปที่หลิวซู แลเห็นเป็นเด็กหนุ่มผมยาวสีเงินที่กำลังเดินคู่มากับหญิงสาวในชุดสีขาวตรงมาทางนี้ แต่ทันทีทันใด สายตาคู่นั้นของเขาก็ถึงกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อได้ยลโฉมความงดงามของหญิงสาวนางนั้น ให้อารมณ์ประดุจองค์หญิงจากแดนน้ำแข็งที่แสนเย็นชาน่าค้นหา ผนวกกับชุดแพรพรรณสีขาวบริสุทธิ์ยิ่งเสริมความงดงามยิ่งขึ้นไปใหญ่ สวย…นางสวยเหลือเกิน…
หลิวซีที่กำลังเดินแช่มติดตามเซียถงอยู่นั่น จู่ๆ ก็จามทีหนึ่งอย่างแรง พอเงยหน้าขึ้นมองกเห็นใครบางคนกำลังยืนจ้องมาทางนี้จากฝั่งกระโน้น มันหันขวับกลับไปหาเซียถงและเอ่ยถามอย่างรู้ทันว่า
“ศัตรูของเจ้าอีกกระมัง?”
เซียถงในเวลานี้รู้ตัวแล้วว่า สองพี่น้องคู่นั้นกำลังมองมาอยู่ ดังนั้นฝีเท้าพลันหยุกชะงักลงในบัดดล สบสายตาเข้าท้าชนจากทางไกลอย่างไม่มีเกรงกลัว
“ท่านพี่ ไอ้บัดซบที่ว่านั่นเป็นผู้หญิง! นางปลอมตัวเป็นชาย แล้วแอบเข้ามารังแกกลั่นแกล้งข้าเมื่อคืน!”
หลินเยวี่ยนชี้ไปทางเซียถงและตวาดเสียงดังลั่น ในขณะเดียวกัน หลินเฟยและเซียถง คนหนึ่งยืนตระหง่านสุดถนนฝากซ้าย ส่วนอีกนางยืนผงาดอยู่สุดถนนฝากขวา สบสายตาปะทะกันแต่ไกล เสี้ยวพริบตาที่สิ้นเสียงของหลินเยวี่ยน ทั้งร่างของหลินเฟยและเซียถงต่างอันตรธานหายวับไปจากจุดเดิม พอรู้สึกตัวขึ้นอีกที ประกายแสงทั้งสองสายก็พุ่งประสานงา เข้าพัลวันกันแล้วระลอกหนึ่ง
“เมื่อคืนเจ้ากระมังที่ต้องทำให้น้องชายข้าได้รับความอัปยศ?”
หลินเฟยหรี่ตามองเซียถงเล็กน้อย สายตาของเขาที่เผยปรากฏบนใบหน้า ช่างดูเลือดเย็นแต่กลับละไว้ซึ่งความเกรงใจอยู่หนึ่งส่วน
ประกายตาสีเยียบเย็นของเซียถงบีบแคบหรี่เล็กเช่นกัน เปลงน้ำเสียงแผดก้อง ยิงออกไปว่า
“มองหน้าข้าเช่นนี้ ระหว่างตาของเจ้าจะบอด!”
“ตาบอดงั้นรึ? หุหุ…หยอกเล่นแล้วกรัมัง? ทราบหรือไม่ว่า เจ้ากำลังพูดอยู่กับใคร?”
คำขู่นี้ของเซียถงทำให้หลินเฟยรู้สึกขำขันจนอดหัวเราะออกมามิได้ เพราะไม่เคยมีใครในเมืองซีเยว่ที่พูดจาเฉกเช่นนี้กับเขามาก่อน แม้แต่ฝ่าบาทแห่งจักรวรรดิซีฉินเองก็ยังต้องเกรงใจอยู่สามส่วน
ได้ยินดังนั้น รูม่านตาดำของเซียถงรูดตีบตัน จากมือเปล่าธรรมดาที่ไม่มีอะไรซ่อนอยู่ ทันใดนั้นก็มีเข็มเงินขนาดจิ๋วส่องไสวถูกยิงออกมาจากใต้แขนเสื้อ แรงส่งจากปลายนิ้วที่ดีดทำให้การลอบจู่โจมนี้รวดเร็วจนแฟทบไม่มีใครมองเห็น เป้าหมายคือหลินเยวี่ยนที่อยู่ด้านหลังหลินเฟยผู้เป็นพี่ชายอีกที
กล้าคิดบัญชีแค้นกับนางแต่กลับไม่ดูสารรูปตัวเอง เกรงว่าคงเบื่อหน่ายกับชีวิตเกินพอแล้ว!
หลินเยวี่ยนมิทันได้สังเกตเห็นใดๆ ทั้งสิ้น และเขายังคงเอ่ยปากพล่ามด่าเซียถงอย่างสนุกปาก คายวาจาแสบหยาบกระด้างออกมาว่า
“หากเจ้ายังพอมีความฉลาดอยู่บ้าง ก็จงเชื่อฟังข้าบัดเดี๋ยวนี้! ทางรอดเดียวของเจ้าคือ การแต่งงานกับข้าผู้นี้เสีย! มิฉะนั้นแล้ว…!”
ไม่ทันที่หลินเยวี่ยนจะได้พูดจบด้วยซ้ำ จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดท้องรุนแรงเสมือนลำไส้กำลังบิดเบี้ยวพันกันอยู่ อาหารเจ็บแปลบจากบริเวณหน้าท้องลุกลามแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว แม้ร่างกายจะยังยืนหยัดค้ำยันอยู่ได้ ทว่ากลับไม่สามารถขยับเขยื้อนใดๆ กระทั่งพูดหรือส่งเสียงยิ่งทำไม่ได้ มีแต่จำต้องยืนนิ่งอยู่แบบนั้นราวกับมนุษย์ผัก
“น่าเสียดายจริงๆ ที่ต้องฆ่าแกงสตรีงามปานนี้ หากเจ้าเต็มใจแต่งงานกับน้องชายข้า บางทีอาจจะพอมีวิธีช่วยเหลือชีวิตของเจ้าอยู่บ้าง”
หลินเฟยระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนานต่อหน้าเซียถง
“หึ ยังไม่รู้ตัวอีก”
เซียถงพ่นลมหายใจใส่คำโต เปล่งเสียงหัวเราะเยาะขึ้นทีหนึ่ง
ในเวลานี้ หลินเยวี่ยนไม่สามารถทานทนต่อความเจ็บปวดที่กระจายไปทั่วร่างกายได้อีกต่อไป ดวงตาทั้งสองข้างน้ำตาเอ่อล้นออกมา กล่าวได้ว่าทั้งน้ำหูน้ำตาต่างรินไหลออกมาเกินหักห้าม บริเวณเป้ากางเกงเริ่มมีของเหลวไหลซึมออกมา จนเปียกชุ่มเป็นดวงใหญ่ สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความอับอาย
เมื่อได้ยินเซียถงทักทามดังนั้น หลินเฟยก็เพิ่งจะค้นพบความผิดปกติอะไรบางอย่างขึ้นได้ พอเหลียวหลังหันไปมองก็ถึงกับตกใจอย่างมาก รีบวิ่งกลับไปประคองร่างของหลินเยวี่ยน เขย่าตัวอยู่หลายที เปล่งเสียงดังเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลว่า
“เสี่ยวเยวี่ยน! เสี่ยวเยวี่ยน! เจ้าเป็นอะไรไป!?”