ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 242 ความช่วยเหลือของชิงเยวี่ย (2)
ตอนที่242 ความช่วยเหลือของชิงเยวี่ย (2)
ตอนที่242 ความช่วยเหลือของชิงเยวี่ย (2)
แค่เสียงซุบซิบนินทา อย่าได้สนใจ!
หลังจากกลับเข้าห้องพัก สักครู่หหนึ่งก็มีคนมาเคาะประตู ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้ ก็พบว่าเป็นอวี่เอ๋อร์ตัวน้อยที่ยืนอยู่เบื้องหน้า เอ่ยถามเสียงเล็กว่า
“คุณหนูเจ้าค่ะ ช่วงมื้อเที่ยงวันนี้จะลงไปรับประทานเอง หรือต้องการให้บ่าวยกมาให้ดีเจ้าค่ะ?”
ดวงตาใสแป๋วบริสุทธิ์คู่น้อยจับจ้องไปที่ใบหน้าเซียถงไม่คลายอ่อน ลึกลงไปภายในนั้นเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไฉนมีแต่คนอยากรู้นักอยากรู้นักว่า โฉมหน้าภายใต้ผ้าคลุมข้ามันเป็นเยี่ยงไร? ต้องน่าทึ่งถึงขั้นวัวตายควายล้มเลยกระมัง? หรือมั่นใจนักว่าต้องงดงามถล่มเมือง? เซียถงสบถขึ้นกับตัวเองภายในใจ
“มีอะไรติดอยู่บนหน้าข้ากระมัง?”
แลเห็นอวี่เอ๋อร์จับจ้องตนเองไม่วางตา เซียถงก็เลิกคิ้วเอ่ยถามสวนกลับไป
“อ๊ะ! มะ-ไม่…ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ! คุณหนูจะลงไปกินหรือให้ข้ายกขึ้นมาให้ดีเจ้าค่ะ?”
พึ่งตระหนักได้ว่าตนทำตัวเสียมารยาทไป อวี่เอ๋อร์ก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย รีบเบี่ยงหน้าหันไปอีกทาง เอ่ยถามขึ้นอีกครั้งน้ำเสียงสั่นคลอ
“เอาขึ้นมาให้แล้วกัน!”
เมื่อนึกถึงชายคนนั้นที่ลงไปเจอเมื่อคืน นางกลับไม่อยากลงไปทานข้าวชั้นล่างเท่าไหร่นัก
อวี่เอ๋อร์โค้งศีรษะให้เล็กน้อยและถอยจากออกไป
เซียถงปิดประตูห้องพัก หยิบสมุนไพรจำนวนหนึ่งที่นำติดมาด้วย โยนใส่ครกบดจนละเอียดและนำมาแต่งแต้มไปทั่วทั้งแก้มที่หน้ากระจก พอเห็นใบหน้าอันแสนอัปลักษณ์ผ่านกระจก นางก็พยักหน้าอีกครั้งด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะนำผ้าคลุมมาปิดดังเดิม
ทันทีที่เบ็ดเสร็จ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมอวี่เอ๋อร์ที่ตะโกนจากด้านนอกประตูว่า
“คุณหนูเจ้าค่ะ อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ”
เซียถงลุกขึ้นไปเปิดประตู อวี่เอ๋อร์ยืนรออยู่แล้วเบื้องหน้าพร้อมกับถาดอาหารชุดหนึ่งในมือ โค้งศีรษะส่งคำนับให้ นางยิ้มกล่าวขึ้นว่า
“คุณหนู ให้บ่าวนำอาหารเข้าไปวางให้นะเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นเซียถงพยักหน้าอนุญาต นางก็ค่อยๆ เดินเข้าไปกับถาดอาหารในมืออย่างระมัดระวัง
วางถาดอาหารลงบนโต๊ะ นางหันมายิ้มให้เซียถง กล่าวว่า
“หากคุณหนูอยากทานอะไรเพิ่มเสริมสามารถเรียกใช้บ่าวได้ทุกเมื่อเลยเจ้าค่ะ ทางพ่อครัวของเราสามารถปรุงอาหารได้หลากหลายรูปแบบ”
“อืม”
เซียถงพยักหน้าให้นางเบาๆ ทีหนึ่ง
“บ่าวเสร็จสิ้นหน้าที่แล้ว เช่นนั้นไม่รบกวนเวลารับประทานอาหารของคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ หลังจากทานเสร็จแล้วก็เรียกบ่าวให้มาเก็บได้เลยเจ้าค่ะ”
อวี่เอ๋อร์โค้งคำนับให้เซียถงอีกที คลี่ยิ้มบางทิ้งทวนก่อนก้าวถอยหลังลาจากออกไป
สาวรับใช้ตัวน้อยนางนี้เป็นคนสุภาพอ่อนโยน ทั้งยังคิดบวกอยู่เสมอ ถือได้ว่าเป็นสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งจริงๆ
เซียถงเหลือบสายตามองแผ่นหลังน้อยของอวี่เอ๋อร์ที่กำลังเดินจากไป และตะโกนเรียกขึ้นว่า
“เดี๋ยวก่อน!”
อวี่เอ๋อร์หันหลังกลับมอง ศีรษะโอนเอียงเจือแววฉงนใจเล็กน้อย
“คุณหนูมีอะไรให้รับใช้เจ้าค่ะ?”
“เจ้านำสิ่งนี้ไปทาบนหลังมือของเจ้า แผลที่ถูกไฟลวกจะหายดีภายในสองวัน”
เซียถงหยิบตลับขี้ผึ้งอันหนึ่งส่งให้อวี่เอ๋อร์ตรงหน้า พลางเหลือบสายตาเคลื่อนไปจับจ้องบริเวณหลังมือน้อยๆ ของอีกฝ่ายที่บวมแดง สันนิษฐานได้ว่า สาวน้อยนางนี้น่าจะเพิ่งโดนน้ำร้อนลวกใส่มือมา
“คุณหนู บ่าวรับไว้ไม่ได้เจ้าค่ะ”
อวี่เอ๋อร์รีบส่ายหัว
“ทาบริเวณแผลวันละสองครั้ง อาการบวมแดงเหล่านี้จะหายในไม่ช้า”
เซียถงมิได้สนใจคำปฏิเสธสักนิด เพียงยัดตลับขี้ผึ้งลงในกำมือของอวี่เอ๋อร์ และหมุนตัวกลับไปนั่งลงบนโต๊ะอาหาร หยิบตะเกียบเริ่มทานทันที
“คุณหนู บ่าว…”
อวี่เอ๋อร์ถือประลองตลับขี้ผึ้งด้วยสองมืออย่างระมัดระวัง ปริปากตั้งใจจะเอ่ยกล่าวอะไรสักคำออกมา
แต่ชั่วอึดใจกลับถูกเซียถงกล่าวขัดจังหวะขึ้นแทรกเสียก่อนว่า
“ข้าจะทานข้าว เจ้ากลับออกไปก่อน!”
เซียถงกล่าวสวนหนึง่วาจาโดยไม่แม้แต่เหลียวมอง ถึงน้ำเสียงฟังดูจะค่อนข้างเย็นชา แต่อวี่เอ๋อร์กลับสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่สื่อออกมาจากใจถึงใจ
อวี่เอ๋อร์เหม่อมองเซียถงที่เริ่มใช้ตะเกียบตักข้าวในถ้วยเข้าปาก เรียวมือน้อยทั้งสองข้างพลันกอดตลับขี้ผึ้งไว้ในอ้อมอกแน่น และถอยหลังจากออกไปอย่างเงียบๆ
บาดแผลหลังมือข้างขวาที่ถูกน้ำร้อนล้วก นางเพิ่งได้มาจากตอนต้มน้ำในช่วงเช้า ทว่านางเป็นเพียงสาวรับใช้ตัวน้อยๆ คนหนึ่ง ไม่มีใครสังเกตเห็นหรือสนใจเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม เซียถงไม่เพียงจะสังเกตเห็นบาดแผลนี้เท่านั้น แต่ก็ยังมอบตลับขี้ผึ้งรักษาแผลถูกลวกมาให้ด้วย อวี่เอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก ภายนอกแล้ว ถึงคุณหนูท่านนี้จะดูเย็นชาไม่แยแสสิ่งใด ทว่าเนื้อแท้ภายในกลับมีจิตใจงดงามยิ่งแล้ว
หลังจากทานอาหารเสร็จ เซียถงก็ขึ้นเตียงนั่งขัดสมาธิไขว่ห้าง เริ่มกระบวนการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดิน งานประลองสี่จักรวรรดิกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกสองวัน และนางจำเป็นจะต้องรีบฝึกปรือแล้ว กระแสลมปราณที่ไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายค่อนข้างเสถียรและสม่ำเสมอ ช่วงทะลวงเส้นลมปราณและเส้นเอ็นในบางจุดที่ยังมีเศษของเหลวสีดำอุดตัน เข้าขจัดชำระล้างทีละเล็กละน้อย
พัฒนาการดีขึ้นประมาณครึ่งส่วนในช่วงบ่าย ดูเหมือนว่า ยิ่งระดับพลังลมปราณสูงขึ้นเท่านั้น ความยากในการฝึกปรือพัฒนาต่อก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้นจริงๆ เวลาผ่านไปเสียนาน เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ปลุกให้เซียถงตื่นจากภวังค์บำเพ็ญตบะ
“หากทานอาหารเสร็จแล้ว ให้บ่าวเข้าไปเก็บจานเลยไหมเจ้าค่ะ?”
สุ้มเสียงน้อยของอวี่เอ๋อร์เปล่งดังขึ้นหน้าประตูอีกครั้ง
เซียถงลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงไปยังหน้าประตู ทันทีที่เปิดออกมา ก็แลเห็นอวี่เอ๋อร์ยืนถือถาดผลไม้มากมายหลากสีสันอยู่ต่อหน้า นางคลี่ยิ้มหวานกล่าวว่า
“คุณหนู ลองรับประทานดูไหมเจ้าค่ะ? ผลจันทร์วารี เป็นของขึ้นชื่อแห่งเมืองซีเยว่ ไม่เพียงจะรสชาติดี แต่ยังช่วยทำให้ผู้รับประทานรู้สึกสดชื่นและจิตใจสงบนิ่ง”
“ชิงเยวี่ยนสั่งให้เจ้านำมาให้ข้า?”
เซียถงมิได้ตอบคำถาม ทว่าเหลือบสายตามองถาดผลไม้มากสีสันเหล่านั้น และยิงคำถามออกไปแทน
“เปล่าเจ้าค่ะ บ่าวเพิ่งไปเก็บมาจากต้นที่ปลูกไว้ มันอร่อยมากเลยเจ้าค่ะ คุณหนูลองชิมดู”
อวี่เอ๋อร์โยนถาดผลไม้ขึ้นสูง ยื่นให้ต่อหน้าต่อตาเซียถง
เห็นสายตาของสาวน้อยที่จับจ้องเป็นประกานเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ตัวเซียถงจากที่ดูเย็นชาพลันใจอ่อนลงเล็กน้อย หยิบผลจันทร์วารีชิ้นหนึ่งยัดเข้าปาก พลางกล่าวกับอวี่เอ๋อร์ว่า
“อืม ยกเข้ามาวางไว้ในห้องเลย”
เห็นเซียถงหยิบผลไม้เข้าปากเคี้ยวดังนั้น อวี่เอ๋อร์ก็คลี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข เนื่องจากก่อนหน้านี้ เซียถงได้มอบตลับขี้ผึ้งสำหรับรักษาแผลถูกน้ำร้อนลวกให้ ดังนั้นนางจึงคิดว่า จะตอบแทนอะไรกับคุณหนูท่านนี้กลับดี จนเดินตรงเข้าไปในบ้านพักของตน และเก็บผลจันทร์วารีที่ปลูกไว้มาจัดเรียงไว้บนถาดอย่างสวยงาม พร้อมยกมาให้อย่างที่เห็น
“อร่อยไหมเจ้าค่ะ?”
อวี่เอ๋อร์เหลียวหน้าหันมาถาม ขณะยกถาดผลไม้เข้ามาวางบนโต๊ะภายในห้อง