ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 244 ประโคมข่าว (2)
ตอนที่244 ประโคมข่าว (2)
ตอนที่244 ประโคมข่าว (2)
แววประหลาดในสุดแสนฉายผ่านดวงตาคู่นั้นของชิงเยวี่ยนชัดเจนแจ่มแจ้ง มุ่นคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อยด้วยความฉงนสงสัย ไฉนถึงมีจุดด่างดำมากมายบนใบหน้าของนางได้? เมื่อวานใบหน้าของนางยังไม่เป็นเช่นนี้เลยมิใช่รึ? ร่องรอยความประหลาดใจเคลือบแคลงเผยแสดงขึ้นบนใบหน้าของเขาอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าแววตาของเขาจะกลับมาเป็นดังเดิม ราวกับว่านี่อาจจะเป็นโฉมหน้าจริงๆ ของเซียถง
เซียถงปรายตาเคลื่อนไปมองทางชิงเยวี่ยน สังเกตเห็นสีหน้าตื่นตะลึงชั่วขณะของชิงเยวี่ย นางก็ลอบแสยะยิ้มกับตัวเองอย่างลับๆ เป็นอย่างไรบ้าง? ได้เห็นสมใจอยากแล้วรึยัง? ได้ยลโฉมอัปลักษณ์ของข้าแล้ว เจ้ายังคิดว่า ข้าเป็นหญิงสาวคนเมื่อวานอยู่อีกหรือไม่?
“อัปลักษณ์จริงๆ … น่าเสียดายนิสัยกิริยาเย็นชาน่าค้นหาที่มีนัก”
เริ่มมีใครบางคนอดร้องอุทานขึ้นมิได้
ยืนจับจ้องเซียถงด้วยความตกตะลึงสุดขีด ซื่อเฉาน้องชายของซื่อหู่ซึ่งเป็นคนเปิดผ้าคลุมใบหน้าขึ้นได้ ก็ถึงกับเนื้อตัวแข็งค้าง จับจ้องรอยจุดด่างดำทั่วใบหน้าเสมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปเสียแล้ว คล้อยหลังสักพัก เขาก็เผยแสดงสีหน้าขยะแขยงรังเกียจออกมาสุดหัวใจ ก้าวเท้าเดินถอยหลังออกไป กล่าวกับซื่อหู่ผู้พี่ที่ยืนพักพิงอยู่ตรงราวบันไดว่า
“พี่หู่ โฉมหน้าของนางอัปลักษณ์น่าเกลียดสิ้นดี จะปล่อยให้นังนี่ตัดผมของท่านไปเสียเปล่ามิได้”
ซื่อหู่เหลือบหางตามองเซียถงด้วยสายตาขยะแขยงสุดแสน ก่อนจะรีบเหลียวกลับออกมาโดยไว เพราะหากปล่อยให้เขามองหน้านางไปนานกว่านี้ มีหวังได้คลื่นไส้อาเจียนออกมาแน่ ก้าวเท้าเดินตรงออกไปถามหลีเหว่ยที่เฝ้ามองอยู่ ณ มุม หนึ่งของร้านอาหารว่า
“มิใช่เจ้ารึที่บอกว่า ใบหน้าที่ปิดซ่อนภายใต้ผ้าคลุมคือสาวงามถล่มเมือง แล้วไฉนถึงน่าเกลียดปานนี้ล่ะ?”
ซื่อหู่ผู้นี้กล่าวได้ว่าเป็นนักรัก ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาบังเอิญไปได้ยินหลีเหว่ยคุยโม้โอ้อวดถึงโฉมหน้าภายใต้ผ้าคลุมของเซียถงว่างดงามเพียงใด ดังนั้นแล้ว เนื่องด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงมีความคิดที่จะถอดผ้าคลุมของนางออกเพื่อเชยชม
“ไม่! ไม่มีวัน! อย่าหวังว่าข้าจะยอมแต่งงานกับนังอัปลักษณ์บัดซบนี่! ข้าไม่แต่งงานกับนังนี่เด็ดขาด! ต่อให้ต้องตายก็ไม่มีวัน!!”
ซื่อเฉาชูคมกระบี่ขึ้นจ่อไปที่หน้าเซียถง ร้องสบถไม่หยุดหย่อน
“ข้าพอจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว บนผืนพิภพแห่งนี้หญิงอัปลักษณ์น่าเกลียดมีนับไม่ถ้วน และไอ้พวกคนจากตงหลี่คงกลัวว่า หญิงจากบ้านเกิดมันจะขายไม่ออก จึงเป็นเหตุผลที่พวกมันใส่สีตีไข่ ประโคมข่าวว่า นังนี่สวยนักสวยหนา และใครก็ตามที่สามารถเปิดผ้าคลุมของนางได้ จะได้แต่งงานกับนาง! บัดซบสิ้นดี!”
ซื่อหู่กล่าว
“ข้าจะอ้วกแล้ว! ไม่เคยเห็นผู้หญิงนางใดใบหน้าสกปรกโสโครกเช่นนี้มาก่อนเลย!”
ผู้คนในร้านอาหารชั้นหนึ่งเริ่มตะโกนกล่าวออกมา
“เพราะมีโฉมหน้าทุเรศเช่นนี้ คงไม่มีใครโง่ไปแต่งงานด้วยอยู่แล้ว! นี่แหละเหตุผลทั้งหมด!”
อีกคนตะโกนลั่นกล่าวเสริม
เมื่อทุกคนเหลือบสายตามองไปที่เซียถงอีกครั้ง สายตาของแต่ละคนต่างเผยแสดงร่องรอยความขยะแขยงรังเกียจออกมาทันที
เมื่อได้ฟังคำกล่าวเหล่านี้ หลี่เหว่ยก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาชัดเจนยิ่งขึ้น นี่แหละคือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ! เมื่อทุกคนได้เห็นว่า ตัวเซียถงมันน่าอัปลักษณ์น่ารังเกียจขนาดไหน นังนี่จะต้องรู้สึกอับอายขายขี้หน้าไปจนวันตาย! ในฐานะที่เป็นหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิตงหลี่ นี่แหละคือสิ่งที่นังนี่สมควรได้รับแล้ว!
เซียถงไม่แยแสใส่ใจอะไรใดๆ อยู่แล้ว เพียงติดใจกับคำพูดที่ว่า ใครก็ตามที่สามารถเปิดผ้าคลุมหน้าของนางได้ จะได้แต่งงานกับนาง ใครกันที่ปล่อยข่าวมั่วเช่นนี้ออกมา? ลองกวาดสายตาจับจ้องผู้คนโดยรอบ และในท้ายที่สุดสายตาคู่เย็นยะเยือกก็หยุดลงที่ตัวหลีเหว่ย
หลีเหว่ยสบสายตาโต้ตอบกลับมาอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ ในเวลานี้เขาอยู่เหนือกว่านางแล้ว ดังนั้นไม่มีเหตุอันใดจำเป็นต้องหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังเชิดยิ้มมุมปากสบประมาทใส่ไปทีหนึ่ง ได้เห็นภาพฉากที่เซียถงโดนฝูงชนรอบตัวรุมประณามเช่นนี้ ตัวเขารู้สึกมีความสุขอย่างหาที่สุดไม่!
หญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งจักรวรรดิตงหลี่ โดนเช่นนี้นับเป็นสิ่งที่คู่ควรแล้ว!
“บังอาจนักที่กล้าหลอกข้า! ไม่ว่าอย่างไรข้าจะไม่มีวันแต่งงานกับเจ้า! และโทษฐานที่กล้าหลอกลวงพวกเรา เกรงว่าต้องใช้กำลังสั่งสอนเป็นบทเรียน!”
คมกระบี่สาดประกายเย็นวูบวาบ ปลายกระบี่เล่มยาวจ่อขี้ปลายจมูกของเซียถง ใบกระบี่ถูกขัดจนเงางามชนิดที่ว่าสามารถส่องสะท้อนจุดด่างดำบนใบหน้าของนางออกมาชัดเจน ซื่อเฉายิ่งเห็นยิ่งรู้สึกขยะแขยงอแทบอาเจียน เซียถงนางนี้ใบหน้าน่าเกลียดเกินบรรยาย และเขาไม่มีวันปล่อยให้นางฉวยโอกาสนี้ จับเขามาทำสามีแน่นอน!
สีหน้าแววตาของเซียถงมืดทมิฬลงในทันใด ปรายสายตาจดจ่ออยู่ที่ปลายกระบี่มเล่มยาวเบื้องหน้า รัศมีแรงกดดันระลอกแล้วระลอกเล่าแผดขยายออกมาจนอุณหภูมิโดยรอบลดฮวบต่ำลงในพริบตา
“ถอนกระบี่ออกไป”
เมื่อรู้สึกฟื้นตัวได้อีกครั้ง สิ่งที่ซื่อเฉาเห็นตรงหน้ากลับมิใช่หญิงสาวธรรมดานางหนึ่งอีกต่อไป แต่ราวกับว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับพญาปีศาจที่เพิ่งหลุดออกมาจากก้นบึ้งขุมนรก สีหน้าของนางเย็นชาประดุจมีชั้นน้ำแข็งพันปีปกคลุม ไอเย็นยะเยือกจับขั้วกระดูกดำพัดผ่าน จับสัมผัสทุกอณูร่างกายของเขาจนขนลุกซู่วชัน เสียวสันหลังวาบยันหนังศีรษะ
แลเห็นหญิงสาวเบื้องหน้าสะบัดข้อมือเบาๆ ทีหนึ่ง ปลายกระบี่เล่มยาวที่จ่อชี้เบื้องหน้า พลันแตกเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อยคามือของเขาในพริบตา!
ซื่อเฉาแข้งขาสั่นพับโดยมิอาจควบคุม จู่ๆ ก็บังเกิดอาการอ่อนแรงชั่วขณะ ร่างทั้งร่างล้มลงกับพื้น พยายามคลานหนีออกห่างอย่างลุกลี้ลุกลน กลายเป็นคนขี้ขลาดในพริบตา จนตอนนี้ตัวเขาก็ยังตื่นตระหนกไม่หาย กระบี่คู่กายของเขาแตกเป็นเสี่ยงตั้งแต่เมื่อใด? นางเคลื่อนไหวตั้งแต่ตอนไหนกัน? ทำไมเขาถึงมองไม่เห็นอะไรเลย?
ทันใดนั้นเอง คู่เท้าเซียถงพลันกระตุกวูบ สายลมกระโชกรุนแรงโฉบพัดผ่าน ร่างพิสดารสายหนึ่งของนางส่องประกายวิบวับประดุจสายอสนีฟันฟาด
ก่อนที่ซื่อเฉาจะได้สติฟื้นตัวเสียด้วยซ้ำ จู่ๆ ก็มีลมหนาวจับขั้วกระดูกพุ่งเข้าปะทะตรงหน้า ทำเอาเขาใจหล่นวูบลงไปถึงตาตุ่ม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดเกินพรรณนาบังเกิดขึ้นที่ใบหน้า
“นี่คือจุดจบของพวกเศษสวะอย่างเจ้า ใครก็ตามที่กล้าประโคมข่าวไร้สาระเกี่ยวกับข้าอีก จงดูเอาไว้เสีย…นี่คือผลลัพธ์ที่ตามมา”
เซียถงยืนตระหง่านอย่างภาคภูมิใจ โดยที่มือข้างหนึ่งถือกระบี่ทัณฑ์ฟ้าไว้ตั้งแต่เมื่อใดมิทราบ เหลือหางตาจับจ้องใบหน้าที่ถูกฟันจนเละของซื่อเฉา
ทั่วทั้งบริเวณใบหน้าของซื่อเฉาในปัจจุบันอาบเลือดสีแดงฉาน มีรอยแผลเป็นบาดลึกจนเห็นกระดูกขาวนับสิบจุด อันเนื่องมาจากโดนกระบี่ทัณฑ์ฟ้ากระหน่ำฟันใส่ความเร็วสูง เส้นประสาทและเส้นเอ็นบนใบหน้าขาดสะบั้นไม่เหลือ ปากเบี้ยว หางคิ้วเอียงไม่เท่ากัน ปลายตาตก ดั่งจมูกถูกฟันยับ สภาพใบหน้าของซื่อเฉาในเวลานี้ดูน่าสยดสยองมาก
กล่าวได้ว่า ซื่อเฉาคนนี้เสียโฉมโดยสมบูรณ์แล้ว…
ผู้คนทั้งหมดในปัจจุบันต่างอ้าปากค้างตกตะลึงอย่างยิ่งกับการกระทำอันโหดเหี้ยมของเซียถง ปนสายตาที่ฉายแววโลภจำนวนหนึ่งที่จับจ้องมา สัมผัสได้ถึงแรงกดดันเจือผสมกลิ่นอายโบราณเฉกเช่นนี้ ไม่ว่าใครต่างก็สามารถบอกได้ทันทีว่า กระบี่ที่หญิงสาวนางนี้กำลังถืออยู่คืออาวุธโบราณหายาก
เมื่อกลุ่มผู้คนจากจักรวรรดิเป่ยฮั่นเห็นว่า คนของฝ่ายตนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาก็รีบชักกระบี่ออกอาวุธขึ้นเตรียมต่อสู้ทันที และเคลื่อนตัวเข้าปิดประชิดเซียถงจากรอบทิศ โดยเฉพาะกับซื่อหู่ผู้เป็นพี่ชาย สีหน้าการแสดงออกของเขาแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ชักกระบี่ขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว ชี้ใส่ทางเซียถงและกล่าวว่า
“เจ้ากล้าทำร้ายน้องชายปานนี้ เกรงว่าต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้าแล้ว!”
“ชีวิตข้าอยู่ตรงนี้ หากมีปัญญาก็จงเข้ามาช่วงชิง”
ดวงตาสุกไสวของเซียถงสั่นกระเพื่อมหรี่แคบลงเล็กน้อย แผดรังสีสังหารที่มองไม่เห็นเข้ากดขี่ทุกคนที่อยู่ในรัศมีทันที
กลุ่มคนจากจักรวรรดิเป่ยฮั่นเร่งเร้าพลังลมปราณออกมากันคับคั่ง ทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นต้นทั้งสิ้น
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์พัฒนาไปไกลเกินว่าจะควบคุมได้แล้ว ทั้งฉิงหยุนและหลีเหว่ยต่างก็ก้าวขึ้นหน้าออกโรงด้วยเช่นกัน กลายเป็นศึกทะเลาะวิวาทระหว่างฝ่ายคนจากตงหลี่ และฝ่ายคนจากเป่ายฮั่นในพริบตา
ศึกสัประยุทธ์ขนาดนย่อมระหว่างสองจักรวรรดิใกล้จะปะทุขึ้นเต็มทน ส่วนพวกคนจากจักรวรรดิอื่นๆ ที่เหลือต่างกลายเป็นผู้ชมไปโดยปริยาย