ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 248 องค์หญิงแห่งซีฉิน (2)
ตอนที่ 248 องค์หญิงแห่งซีฉิน (2)
ตอนที่ 248 องค์หญิงแห่งซีฉิน (2)
ว่ากันแบบนี้ไม่ดูถูกเกินไปหน่อยกระมัง!
“ฟังจากคำกล่าวของเจ้า คงคิดว่าข้าคนนี้คงไม่มีโอกาสแต่งงานกับสาวงามอีกแล้วในอนาคต?”
จอกสุราในมือของไป๋หลี่หานวางกระแทกลงบนโต๊ะไม่แรงไม่เบา ชำเลืองหน้าหันมองเซียถง ดวงตาเป็นประกายสดใสใคร่รู้
คงไม่มีโอกาสกระมัง? หรือไม่ใช่กัน? เซียถงเกิดคำถามเอ่ยกับตัวเองในใจ เลิกคิ้วชวนสงสัย แต่มิได้พูดอะไรออกไป แลเห็นไป๋หลี่หานเพ่งสายตาจ้องจับผิดใส่ นางลอบตะลึงในใจ นี่กำลังอ่านใจกันหรืออย่างไร? ไม่แน่หรอก อาจจะหาได้ในอนาคต…
“ไฉนเจ้าถึงมานั่งในที่ของข้า?”
องค์หญิงแห่งซีฉินเปล่งเสียงดังคำรามโกรธเกรี้ยวใส่เซียถง เมื่อครู่นี้อีกฝ่ายบอกว่า นางลืมเติมหน้าประทินผิว ด้วยความตื่นตระหนกจึงรีบวิ่งไปยังท้ายเรือเพื่อใช้ตลับแป้งเติมแต่งใบหน้า ทว่าส่องกระจกดูก็พบว่า ใบหน้ายังคงปกติดี ซึ่งในชั่วอึดใจนั้น ตนพึงทราบว่าโดนหลอกเข้าให้แล้ว แต่พอรีบวิ่งกลับมาก็ค้นพบว่า อีกฝ่ายแย่งที่นั่งของตน และกำลังรวนสนทนากับไป๋หลี่หานอย่างอิ่มเอิบ
“นอกจากที่นั่งนี้ ก็ไม่มีตำแหน่งใดให้นั่งได้อีกแล้ว หม่อมฉันเองก็ยืนจนเมื่อยจึงขอนั่งพักสักครู่หนึ่ง
ใต้โต๊ะจันทร์หอม เซียถงพยักพยายามชักมือกลับ แต่ไป๋หลี่หานกลับกุมจับไว้ได้อย่างรู้ทันมิให้หลบหนี
“เจ้าไสหัวออกไปซะ ข้าผู้นี้เชื้อเชิญองค์ชายไป๋หลี่มาล่องเรือมิใช่เจ้า!”
องค์หญิงแห่งซีฉินชี้นิ้วไปทางประตูห้องโดยสาร เอ่ยปากตะเพิดขับไล่ด้วยความโมโหสุดขีด หญิงนางนี้โผล่มาจากไหนมิทราบ แถมยังไม่มีมารยาทแม้แต่น้อย!
“ข้าเองก็อยากไปเช่นกัน แต่องค์ชายไป๋หลี่กลับจับมือข้าไปปล่อยนี่สิ…”
เซียถงกล่าวตอบไปตามตรง และยกมือข้างที่โดนไป๋หลี่หานกุมไว้แน่นขึ้นมาต่อหน้าต่อตาองค์หญิงแห่งซีฉิน หวังโยนความขับค้องใจทั้งหมดไปให้แก่ไป๋หลี่หานรับผิดชอบ
องค์หญิงแห่งซีฉินที่มองมือข้างนั้นของเซียถงตาเขม็ง พบว่าจวบจนตอนนี้ไป๋หลี่หานก็ยังกุมแน่นไม่มีทีท่าคลายอ่อนเลย ทันใดนั้นเอง น้ำตาแห่งความโกรธปนเศร้าโศกก็หลั่งรินออกมาจากคู่ดวงตาของนาง
“หากองค์หญิงขับไล่นางไป เกรงว่าข้าเองคงต้องลงเรือไปด้วยเช่นกัน”
ไป๋หลี่หานจับมือข้างนั้นของเซียถงไว้แน่น เอ่ยตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา
พอองค์หญิงแห่งซีฉินได้ยินดังนั้นก็ทั้งโกรธทั้งเศร้า หลายหลากอารมณ์ที่รู้สึกซัดโถมเข้าใส่โดยพร้อมเพรียง จนสุดท้ายทำอะไรไม่ถูกได้แต่กระทืบเท้าอย่างแรงไปมา จิกริมฝีปากกัดแน่นด้วยความเคียดแค้น จับจ้องไปทางเซียถงตัดสลับไป๋หลี่หานอยู่ชั่วครู่หนึ่ง กลั้นน้ำตาระงับความเกรี้ยวโกรธลงภายในใจ ตะโกนเรียกสาวรับใช้ในวังนางหนึ่งชื่อว่า เสี่ยวอาน เข้ามาหลังม่าน และกล่าวสั่งการขึ้นว่า
“ไปจัดเก้าอี้มาเพิ่ม!”
เซียถงเห็นเช่นนั้นก็อดถอนหายใจมิได้ องค์หญิงแห่งซีฉอนมิใช่แค่โง่ธรรมดา แต่เรียกได้ว่า ความรักทำให้นางตาบอด ทัศนคติของนางที่มีต่อไป๋หลี่หานค่อนข้างแรงกล้าเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่ทางฝ่ายของไป๋หลี่หานเองก็แสดงท่าทีปฏิเสธอย่างชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทว่านางก็ยังยึดติดอยู่กับความคิดเพ้อฝันของตน ทำเอาซะเซียถงอดคิดมิได้เลยว่า ไป๋หลี่หานไปทำอีท่าไหนถึงทำให้องค์หญิงแห่งซีฉินคลั่งรักได้ปานนี้? เจ้าหมอนี่มันมีอะไรดี?
หลังจากสาวรับใช้ยกเก้าอี้มาจัดวางเพิ่มอีกตัว องค์หญิงแห่งซีฉินก็นำเก้าอี้มานั่งชิดใกล้กับไป๋หลี่หานทางฝั่งซ้ายที่ยังว่าง กระดิกนิ้วเรียกสาวรับใช้อีกนางหนึ่งยกเหยือกใสมาวางต่อหน้าไป๋หลี่หาน เสมือนกับว่ากำลังเสนอสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งให้เขาโดยเฉพาะ เมื่อเหยือกดังกล่าวถูกจัดเตรียมไว้ตรงหน้าเรียบร้อย นางจึงค่อยกล่าวอธิบายน้ำเสียงเรียบนิ่งขึ้นว่า
“องค์ชายไป๋หลี่ สุราอำพันทิพย์ในเหยือกนี้ ข้าเตรียมให้ท่านลองดื่มโดยเฉพาะ มิแน่ใจเช่นกันว่าท่านจะชื่นชอบหรือไม่?”
ไป๋หลี่หานเพิ่งดื่มสุราในจอกแรกที่เตรียมไว้ให้เอง และมิได้สนใจสุราอำพันทิพย์ในเหยือกแก้วตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ทว่าองค์หญิงแห่งซีฉินเองก็มิได้โกรธหรือหงุดหงิดเช่นกัน ลอบยกนิ้วปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มเล็กน้อย และอาสาลงมือบรรจงรินสุราอำพันทิพย์ในเหยือกลงในจอกสุราอันใหม่สีทองคำ นิ้วเรียวยาวประดุจหยกขาวคีบจับจอกสุราสีทองคำยื่นให้ไป๋หลี่หาน และยิ้มหวานกล่าวขึ้นว่า
“องค์ชายไป๋หลี่ สุราชนิดนี้ข้าร้องขอให้เสด็จพ่อจัดเตรียมมาเป็นกรณีพิเศษเพื่อท่านโดยเฉพาะ โปรดเชิญชิมสักหนึ่งจอก”
สิ้นเสียงกล่าวจบ ราวกับร่างกายอวบอิ่มไร้กระดูกนุ่มนิ่มขึ้นทันตาเห็น นางเอนตัวเข้าพักพิงแนบชิดกับไป๋หลี่หานทันทีโดยไม่มีทีท่าเหนียมอายใดๆ
ไป๋หลี่หานรีบเคลื่อนตัวหลบไปทางเซียถง พยายามหลีกเลี่ยงร่างขององค์หญิงที่พยายามพักพิงลงมา ลอบสายตามองไปทางเซียถงหนึ่งปราด
องค์หญิงนางนี้ยังไม่สิ้นฤทธิ์เดช เหมือนจะไม่ยอมถูกกำจัดไปโดยง่าย
แลเห็นไป๋หลี่หานส่งสายตามองมาทางนาง เซียถงก็ถึงกับถอนหายใจอย่างลับๆ กับตัวเอง แม้จะไม่อยากจะทำเช่นนี้มากมายเพียงใด แต่ความดีความชอบในครั้งนี้ที่หมอนี่มอบให้ช่างใหญ่หลวงเกินไปจริงๆ นึกถึงสมุนไพรหายากนานาชนิดบนหุบเขาซีเยว่ นางก็กัดฟันฮึด หยิบสุราจอกสีทองคำขึ้นมาจากมือองค์หญิงแห่งซีฉินโดยตรง แล้วค่อยส่งยิ้มให้กล่าวว่า
“องค์ชายไป๋หลี่ ขอให้ท่านอายุยืนนาน ขอดื่มจอกนี้แก่ท่าน!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เซียถงก็ยกจอกสีทองคำขึ้นกระดกจนหมดรวดเดียว
“จะ-เจ้า…เจ้า…เจ้าหยาบคายสิ้นดี! หน้าไม่อายแย่งจอกสุราที่ข้ารินให้องค์ชายไปหน้าตาเฉย!”
องค์หญิงในเวลานี้โกรธจัดจนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ควันแทบพุ่งออกจากหูได้แล้ว
เซียถงยกแขนเสื้อปาดเช็ดมุมปากเล็กน้อย รสชาติของสุราชนิดนี้มีรสหวานละมุนกลอมกล่อม อร่อยเป็นอย่างยิ่งแล้ว ทว่าหลังจากดื่มไปเพียงจอกเดียว หัวใจกลับสูบฉีดเลือดรัวแรงขึ้นมิใช่น้อย ดูท่าสุราชนิดนี้จะค่อนข้างมีฤทธิ์แรงมาก
เซียถงส่งยิ้มให้องค์หญิงเล็กน้อย และกล่าวตอบไปว่า
“เนื่องด้วยวันนี้องค์ชายไป๋หลี่มีอาการประชวร จึงเป็นหน้าทื่ที่ข้าต้องดื่มเป็นธุระแทน นั่นเป็นสาเหตุที่กระทำเช่นนั้นลงไป”
“องค์ชายไป๋หลี่ ตัวท่านนั้นไร้ซึ่งความจริงใจใดๆ เที่ยวล่องเรือในวันนี้ ข้าอุตส่าห์จัดเตรียมมาให้ท่านอย่างดี แต่ท่านมิเพียงแสดงกิริยาไม่พอใจใส่เท่านั้น แต่ยังพาผู้หญิงจากไหนไม่ทราบขึ้นมาด้วย!”
องค์หญิงแห่งซีฉินมองหน้าไป๋หลี่หาน สีหน้าเผยแสดงร่องรอยความโกรธเคืองชัดเจน หาใช่ว่านางจะหมดรักไม่ชอบไป๋หลี่หานแล้ว ทว่าความโกรธเกรี้ยวภายในใจดวงนี้กลับไม่สามารถกักเก็บได้ไหวอีกต่อไป
“ตอนที่เจ้าเชิญข้ามา กลับมิได้ระบุว่า ห้ามพาคนนอกเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้เอง เพราะเป็นงานเลี้ยงส่วนตัว ข้ายิ่งต้องเชิญผู้หญิงนางนี้มา”
ไป๋หลี่หานกล่าวตอบไปคำหนึ่ง พร้อมทิ้งระเบิดลูกใหญ่ฝากฝังไว้ให้เซียถงจัดการต่อทันที
สิ้นเสียงประโยคสุดท้ายที่ไป๋หลี่หานกล่าวทิ้งทวน สีหน้าการแสดงออกขององค์หญิงแห่งซีฉินแปรเปลี่ยนไปในบัดดล ยิ่งเป็นงานเลี้ยงส่วนตัว ยิ่งต้องพานางคนนี้มาด้วย? นังนี่มันมีดีมากจากไหน? หรือเป็นไปได้ไหมว่า ไป๋หลี่หานชอบอิสตรีนิสัยเย็นชาประดุจน้ำแข็งเช่นนี้? มีความเป็นไปได้…
นึกมาถึงจุดนี้ ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงฉ่ำของนางพลันเม้มขบ จับจ้องไปที่เซียถงและเอ่ยขึ้นว่า
“เช่นนั้นขอดูหน่อยเสียว่า ภายใต้ผ้าคลุมใบหน้าของเจ้าจะมีดีอันใดนักหนา!?”
เปล่งเสียงลั่นสนั่น นางยื่นมือกระชากผ้าคลุมใบหน้าของเซียถงออกโดยตรง และเมื่อองค์หญิงแห่งซีฉินได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเซียถง ปฏิกิริยาแรกมีแต่ความตื่นตระหนกตกใจ ชั่วครู่ต่อมาถึงกับยกมือทาบอก ร้องอุทานทีท่าน้ำเสียงดูเกินจริงขึ้นดังว่า
“โอ้… ตาย! ตาย! ตาย! ข้ากลัวแทบตาย! บนผืนพิภพแห่งนี้ยังมีใครอัปลักษณ์ได้ปานนี้อีกรึเนี่ย?”