ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 250 ยาปลุกอารมณ์
ตอนที่250 ยาปลุกอารมณ์
ตอนที่250 ยาปลุกอารมณ์
องค์หญิงแห่งซีฉินระบายยิ้มหวาน ชี้นิ้วขึ้นแตะสัมผัสบนหน้ากากสีดำขลับของไป๋หลี่หานและกล่าวว่า
“หุหุ ทุกคนต่างคิดกันไปว่า องค์ชายไป๋หลี่มีโฉมหน้าอัปลักษณ์น่าเกลียดใช่หรือไม่? แต่…เมื่อสามปีก่อน ข้าบังเอิญไปเห็นท่านอาบน้ำอยู่บนภูเขาลูกหนึ่ง และพอสังเกตมองให้จงดี ก็พบว่าตัวท่านนั้นช่างน่าหลงใหล…”
ห่ะ? องค์หญิงแห่งซีฉินแอบดูไป๋หลี่หานอาบน้ำ?
“พร๊วดด!”
เซียถงถึงกับสำลักสุราพ่นพรวดออกเป็นสาย พยายามสุดกำลังเพื่อกลั้นหัวเราะ ขณะเดียวกันก็ชำเลืองมองไปทางไป๋หลี่หานไปแวบหนึ่ง เรียวนิ้วขององค์หญิงแห่งซีฉินเองก็ยังซุกซนลูบไล้เล่นบนพื้นผิวหน้ากาก
เซียถงกระตุกยิ้มขึ้นเล็กน้อย อดจินตนาการไม่ได้เลยว่า จะมีโฉมหน้าแบบใดกันแน่ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากนี้
“องค์หญิง ท่านเมามากแล้ว”
ทันใดนั้นเอง ไป๋หลี่หานก็เอ่ยปากขัดจังหวะองค์หญิงที่กำลังจะเล่าต่อ ผละมือของนางทิ้งออกไป สะบัดร่างลุกขึ้นโดยไม่เหลือความเกรงใจใดๆ อีกต่อไป เขาหันศีรษะไปทางเซียถง จะเห็นได้ว่าสายตาคู่นั้นของเขาดูไม่แยแส ปราศจากคลื่นอารมณ์ใดอยู่เลย
“ปรากฏว่า เหตุที่องค์หญิงแห่งซีฉินตกหลุมรักองค์ชายไป๋หลี่เป็นเพราะ นางแอบเห็นท่านอาบน้ำนี่เอง สงสัยเหลือเกินว่า นางดันไปเจออะไรดีๆ เข้ากันแน่?”
เซียถงเหลือบสายตาเสียดมองไป๋หลี่หานสวนกลับไป ทิ้งทวนวาจาคมคายคลุมเครือออกไปอีกหนึ่งประโยค เป็นที่ชัดเจนว่านางกำลังเย้ยเยาะอีกฝ่ายชนิดไม่กลัวตายเลย
ก็ใครกันล่ะ? ที่ผลักปัญหาเรื่ององค์หญิงแห่งซีฉินมาให้แก่นาง? เพิ่งมาถึงจักรวรรดิซีฉินได้ไม่กี่วัน ก็มีปัญหาต่างๆ นานาถาโถมเข้าใส่มากมาย ทั้งเรื่องในโรงเตี้ยมก็ดี เรื่องในหอนางโลมตอนที่ปลอมเป็นผู้ชายก็ดี แล้วตอนนี้ก็ยังจะมีปัญหาเรื่องความหึงหวงกับองค์หญิงแห่งซีฉินเข้ามาเพิ่มอีก ดังนั้นได้ทีเซียถงเองก็อยากยอกย้อนจัดซักดอก
“เช่นนั้น เจ้าเองก็อยากเห็น อะไรดีๆ ที่ว่าหรือไม่?”
ไป๋หลี่หานยกเรียวนิ้วยาวเข้าเคยคางเซียถงขึ้น ชำเลืองเรียวนิ้วของอีกฝ่ายที่เข้าเชยคางของตน เซียถงพยายามเคลื่อนตัวออกห่างเพื่อหลบออกไปโดยเร็ว แต่ใครจะไปทราบ ร่างกายนี้ของนางกลับไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอีกต่อไป ปล่อยให้เรียวนิ้วยาวของอีกฝ่ายคืบคลานเข้ามา ประกายตาอันทรงเสน่ห์ภายใต้หน้ากากของไป๋หลี่หาน ทำให้นางตกสู่ภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง
สัมผัสอันอบอุ่นไหลบ่าผ่านทางคางของเซียถง เสมือนเลือดที่ไหลเวียนในกายเดือดพล่านขณะที่เรียวนิ้วอีกฝ่ายเข้าแตะต้อง ทันทีทันใด นางถึงกับเนื้อตัวสั่นสะท้านซาบซ่าน ทั้งหมดเป็นเพราะกระแสความอบอุ่นจากอีกฝ่ายที่ไหลผ่านมาทางคางที่จับสัมผัส
มีอะไรผิดปกติกับร่างกายข้า? นี่ข้าเป็นอะไรไป? เมาแล้วรึเปล่า?
เซียถงเร่งระงับกระแสเลือดที่โคจรสูบฉีดให้ช้าลง พยายามปรับลมหายใจให้สงบนิ่งอย่างลับๆ
จังหวะหัวใจเต้นช้าลงบ้างแล้ว สติสัมปชัญญะของเซียถงเริ่มตื่นรู้ฟื้นคืน ทว่าทันใดนั้น นางก็พลันได้กลิ่นหอมจางท่ามกลางห้วงอากาศโดยรอบ เนื่องด้วยกลิ่นดังกล่าวมันเจือจางเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ที่ผ่านมา นางมิทันได้สังเกตมาก่อน ชั่วขณะอึดใจ เสมือนหัวสมองของนางแตะเป็นเสี่ยงๆ จังหวะหัวใจกลับมาสั่นระรัวเต้นแรงอีกครั้ง จู่ๆ ร่างกายของเซียถงก็เกิดอาการชักกระตุกฉับพลัน ความรู้สึกต่อมาที่ไหลบ่าเข้าหาคือ ความเสียวซ่านที่กระจายไปทั่วเรือนร่างยันปลายนิ้ว
พยายามรวบรวมสติที่แตกซ่านสาดกระจายให้เป็นหนึ่งอีกครา เซียถงชำเลืองมองไปที่จอกสุราในมือ เวลานี้ได้แต่ระบายยิ้มอย่างสุดจะขมขื่นออกมา นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่า…องค์หญิงแห่งซีฉินตั้งใจจะรวบหัวรวบหางไป๋หลี่หานด้วยวิธีการเด็ดเดี่ยวปานนี้…
“เกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋หลี่หานชักสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของเซียถงชัดเจนมากขึ้น เร่งเข้ามาพยุงร่างอีกฝ่าย เอ่ยปากถามด้วยความร้อนใจเกินหักห้าม
เห็นเพียงประกายตาคู่สวยของเซียถงที่สั่นไสวระยิบระยับจับจ้องมาทางตนไม่ปล่อย ไป๋หลี่หานได้แต่มุ่นคิ้ว มิอาจเข้าใจได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในทางตรงข้าม พอเซียถงได้เห็นสายตาคู่เฉียบคมของไป๋หลี่หานภายใต้หน้ากาก ความรู้สึกเสียวซ่านราวกับถูกกระตุ้นหนักข้อ เลือดลมในกายยิ่งร้อนรุ่มรุนแรงเกินหักห้ามได้ไหว
แรงปรารถนาบางอย่างพลันทะลักไหลหลั่งเข้าสู่ห้วงสมองของนางราวกับกระแสน้ำป่า แม้จะข่มใจมุ่งสมาธิเข้าต้านรับหักห้ามอย่างไรกลับเปล่าไร้โยชน์ พอรู้สึกตัวอีกที นางก็เอื้อมมือเข้าโอบคอของไป๋หลี่หานเป็นที่เรียบร้อย ทั้งยังเขย่งเท้าโน้มริมฝีปากสีอมชมพูดแสนเย้ายวนเข้าประกบจูบอย่างดูดดื่ม ทั้งตรรกะความคิดรวมไปถึงเหตุผลของนางพลันอันตรธานหายวับ เหลือเพียงความว่างเปล่าสีขาวโพลน ภายในแววตามีเพียงราคะความต้องการไม่มีสิ้นสุด ยิ่งจูบกันดูดดื่มมากเท่าไหร่ ตัวนางก็ยิ่งมีแต่ความต้องการและต้องการมากขึ้นเท่านั้น
ไป๋หลี่หานตื่นตระหนกสุดขีด ยืนแข็งทื่อเสมือนรูปปั้นหิน ได้แต่เหลือบสายตากดต่ำ จับจ้องเซียถงที่กำลังบรรเลงจูบไม่หยุดหย่อน เขาในตอนนี้ทั้งสีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความสับสน และเมื่อสัมผัสได้ถึงไอร้อนระอุจากแทรกซึมผ่านมือไม้ของอีกฝ่ายที่เข้าสัมผัส เขาก็ลืมตาตื่นเป็นประกายฉายแววชัดเจนแจ่มแจ้งในทันใด
นี่มันยาปลุกอารมณ์! นางโดนยาปลุกอารมณ์เล่นงานเข้าให้แล้ว!
แต่เมื่อจับจ้องไปที่ริมฝีปากสีอมชมพูชุ่มฉ่ำของเซียถง เขาก็อดใจห้ามไม่ให้บรรเลงจูบตอบรับมิได้…
ขณะที่ทั้งสองกำลังบรรเลงจูบอย่างดูดดื่มนั่นเอง จู่ๆ ก็มีแรงผลักมหาศาลดันร่างของเซียถงจนกระเด็นไปฟาดกับกำแพง องค์หญิงแห่งซีฉินเดินโซเซตรงเข้าหา ชี้หน้าใส่นางพร้อมคำรามเสียงดังสนั่นว่า
“น่ารังเกียจที่สุด! เจ้ามิได้รับอนุญาตให้แตะต้องตัวองค์ชายไป๋หลี่! คิดเล่นแง่เล่ห์เหลี่ยมกับข้า โทษของเจ้าคือความตาย! ข้าผู้นี้จะถลกหนังของเจ้าออกมาเสีย!!…”
ทว่าเพิ่งจะสิ้นเสียงไปหมาดๆ ก็พลันรู้สึกได้ถึงกระแสความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านจากหลังคอ ก่อนจะหมดสติล้มพับไปกองกับพื้น ไป๋หลี่หานชักบังมือที่เพิ่งสับต้นคออีกฝ่ายออกมา ชำเลืองหางตามองร่างของนางนอนแน่นิ่งอยู่บนพรมสีชมพูบนพื้นอย่างเย็นชา และหันมากล่าวกับสาวรับใช้ในวังที่อยู่รอบข้างว่า
“องค์หญิงของพวกเจ้าเมาหนักแล้ว พานางกลับไปพักผ่อนเสีย”
บรรดาสาวรับใช้พวกนั้นรีบวิ่งไปประคองร่างองค์หญิงขึ้นมาทันที
เมื่อครู่ตอนที่โดนผลัก ศีรษะของเซียถงดันไปกระแทกกับกำแพงค่อนข้างแรง กระแสความเจ็บปวดที่ได้รับส่งผลให้เซียถงได้สติกลับคืนมาเล็กน้อย และชั่วอึดใจแรกหลังฟื้นสติมาได้หนึ่งส่วน นางรีบหยิบมีดสั้นจากใต้แขนเสื้อขึ้นมา และกะซวกเสียบใส่แขนซ้ายของตนเองโดยตรงอย่างแรง
“นี่เจ้ากำลังทำบ้าอะไร?!”
แลเห็นธารเลือดสีแดงสดพุ่งทะลักออกมาจากต้นแขนซ้ายของเซียถง ไป๋หลี่หานก็รีบวิ่งเข้าไปหานางโดยทันที แต่จะอย่างไร เงาร่างของเซียถงกลับสาดไสวเคลื่อนหายไปจากห้องโดยสารภายในแล้ว เห็นเป็นเช่นนั้น ไป๋หลี่หานจึงรีบพุ่งติดตามออกไปทันที
เมื่อพ้นห้องโดยสารออกมา เขาก็พบว่าเซียถงกระโดดลงทะเลสาบไปแล้ว ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ไป๋หลี่หานเองก็เตรียมจะโดดลงทะเลสาบตามไปเช่นกัน แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเซียถงตะโกนขึ้นจากด่างล่างดังว่า
“อย่าลงมา!”
ในเนื้อเสียงนี้มีร่องรอยความหวาดระแวงเร้นแฝงเอาไว้อยู่