ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 253 วานชิงเยวี่ยช่วยขับพิษ (1)
ตอนที่ 253 วานชิงเยวี่ยช่วยขับพิษ (1)
ตอนที่ 253 วานชิงเยวี่ยช่วยขับพิษ (1)
ไป๋หลี่หานกางฝ่ามือทั้งสองข้างซ้ายขวาขึ้นมาดูก็อดขำมิได้ เพราะบนฝ่ามือนั้นมีอักษรเขียนอยู่สองคำ ‘เจ้าเต่าโง่!’ เห็นแบบนั้นก็ระบายยิ้มอ่อนออกมาทีหนึ่ง ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนี้เองก็พอมีความไร้เดียงสาติดตัวมาอยู่บ้าง
ภายใต้ความเฉยเมยเย็นชา ยังคงมีความไร้เดียงสาเจือผสมอยู่บ้าง
เมื่อเซียถงกลับไปถึงโรงเตี้ยม บนมุมปากคล้ายยังคงรักษารอยยิ้มเล็กๆ เผยปรากฏ อันที่จริงนางตั้งใจจะวาดรูปเต่าน้อยบนหน้าของไป๋หลี่หาน แต่เพราะไม่อยากถอดหน้ากากอีกฝ่ายออก ก็เลยเลือกบริเวณอื่นที่เหมาะที่สุดแทน และลงเอยที่แขนทั้งสองข้างของเขา หากอีกฝ่ายตื่นขึ้นมาเห็นรูปเต่าน้อยบนแขนทั้งสองข้าง เจ้าหมอนั่นคงตกใจน่าดูชม คิดได้ดังนั้นนางก็อดหัวเราะมิได้
“คุณหนูเซีย ไปตกทะเลแถวไหนมางั้นรึ?”
พอนางก้าวขึ้นบันได ก็พลันได้ยินสุ้มเสีย’สง่าอบอุ่นเปล่งถาม ชำเลืองสายตามองไปยังมุมหนึ่ง ก็เห็นชิงเยวี่ยกำลังยืนส่งยิ้มให้จากด้านข้างเคียง
ทุกครั้งที่นางพบเจอกับหมอนี่ อีกฝ่ายมักจะเผยแสดงรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนมอบให้เสมอ ชิงเยวี่ยนทอดสายตาจับจ้องเซียถงเป็นประกาย และเดินตรงไปหานางในทันที
เซียถงเพ่งสายตามองชิงเยวี่ยไปปราดหนึ่ง และมิได้สนใจใดๆ อีกต่อไป ยกเท้าเตรียมก้าวจะขึ้นบันไดต่อไปชั้นบน ทว่ากลับได้ยินเสียงชิงเยวี่ยเอ่ยไล่หลังอย่างแผ่วเบาว่า
“กลิ่นหอมหวานของสุราอำพันทิพย์เช่นนี้ ผนวกกับอาการใบหน้าแดงก่ำของคุณหนูเซีย ดูเหมือนว่าท่านจะเพิ่งถูกวางยาปลุกอารมณ์มา”
เซียถงชะงักค้างแข็งไปชั่วขระ หันศีรษะขวับมาทางชิงเยวี่ย ขณะที่อีกฝ่ายเองก็ยังเอ่ยปากอธิบายต่ออย่างใจเย็นขึ้นว่า
“ถึงแม้ฤทธิ์ยาในตอนนี้จะถูกลมปราณในกายระงับไว้ได้ แต่ตกดึกฤทธิ์ยาจะย้อนกลับมากำเริบใหม่อีกรอบ และอาการก็จะหนักหนาสาหัญกว่าเดิมเกินควบคุม…”
เขามิได้กล่าวอธิบายต่อหลังจากนั้น สายตาที่จับจ้องส่อแววคลุมเครือ คล้ายกับว่าหากอธิบายต่อไปเกรงว่าจะเสียมารยาทเกินไป ซึ่งเซียถงเองก็ตระหนักดีเช่นกัน ว่าอีกฝ่ายกำลังหมายความว่าอย่างไร
แท้จริงแล้ว ที่ฤทธิ์ของยาปลุกอารมณ์ถูกระงับยับยั้งไว้ได้ เป็นเพราะกระแสน้ำเย็นฉ่ำของทะเลสาบซีเยว่ ผนึกกำลังลรวมกับกระแสลมปราณขุมใหญ่ในกายนางที่เข้าสกัดต้าน แต่ทั้งหมดนี่มันก็แค่การยืดระยะเวลาเพียงเท่านั้น และไม่รู้ว่าจะระเบิดขึ้นอีกครั้งตอนไหน
“แล้วเจ้ามียาขับพิษหรือไม่?”
เซียถงเอ่ยถามออกไปตามตรง
“แน่นอน”
ชิงเยวี่ยพยักหน้าตอบ
“แล้วเงื่อนไขล่ะ? ต้องการสิ่งใดแลกเปลี่ยน?”
เซียถงเอ่ยถามต่อทันที หรี่สายตาจับจ้องอีกฝ่ายเขม็งตึง
“ข้าพเจ้าไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนทั้งสิ้น คุณหนูเซียกลับเข้าห้องพักไปก่อนเถิด แล้วข้าจะเข้าไปขับพิษในท่านทีหลัง”
ชิงเยวี่ยผายมือเชิญให้เซียถงกลับเข้าห้องพักไปก่อนตามอัธยาศัย ประดับเคียงรอยยิ้มอันสดใสไม่คลายอ่อน
เฝ้ามองสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของชายตรงหน้า เซียถงรู้สึกฉงนใจอยู่เล็กน้อย เหตุใดเขาถึงปฏิบัติดีต่อนางปานนี้?
ภายใต้รอยยิ้มที่ชิงเยวี่ยส่งมอบไปให้ เซียถงยกเท้าก้าวขึ้นบันไดสู่ชั้นบนและกลับเข้าห้องพักของนางไป เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสะอาด นั่งรอได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น และเมื่อเปิดประตูออก ก็เห็นชิงเยวี่ยและอวี๋เอ๋อร์ยืนรออยู่ด้านนอกประตูด้วยกัน
“คุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวมาช่วยเหลือนายท่านชิงขับพิษเจ้าค่ะ”
อวี๋เอ๋อร์พกกล่องไม้ใบหนึ่ง และเมื่อแลเห็นร่องรอยจุดด่างดำมากมายทั่วใบหน้าของเซียถง ชั่วแวบแรกพลันส่งสายตาประหลาดใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะกลับมาสงบนิ่งดังเดิม และส่งยิ้มโค้งศีรษะให้อย่างนอบน้อม
เซียถงพยักหน้าตอบเบาๆ และเชิญพวกเขาทั้งสองเข้ามาด้านในห้องพัก พลางตั้งคำถามกับตัวเองในใจด้วยความสงสัย กับแค่มอบโอสถขับพิษจากยาปลุกอารมณ์ ไยถึงต้องเรียกอวี๋เอ๋อร์มาเป็นธุระด้วย?
ชิงเยวี่ยนเดิงเข้ามาในห้องพัก จากนั้นก็หยิบกล่องไม้ใบนั้นจากมืออวี๋เอ๋อร์ขึ้นมาตั้งไว้บนโต๊ะ และหันมากล่าวอธิบายให้เซียถงฟังว่า
“ยาปลุกอารณ์แม้นจะเป็นยาพิษธรรมดาทั่วไปชนิดหนึ่ง แต่เมื่อถูกนำมาผสมกับสุราหายากอย่างสุราอำพันทิพย์ ส่งผลให้ฤทธิ์ยาทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่าทวี บ้างบอกว่า มีระดับความรุนแรงเทียบเท่าโอสถพิษรระดับสาม ดังนั้นตัวข้าจึงไม่มีโอสถขับพิษชนิดนี้ แต่ยังมีอีกวิธีที่ง่ายกว่าคือการฝังเข็ม เพื่อทำให้ฤทธิ์ยาปลุกอารมณ์ที่ผสมกับสุราอำพันทิพย์ในกายของท่านอ่อนแอลงถึงขีดสุด และในตอนนั้นท่านค่อยโคจรลมปราณเข้าสลายมันให้สิ้น”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เซียถงก็เข้าใจทันทีว่า ไฉนถึงต้องพาอวี๋เอ๋อร์มาด้วย
“เพื่อความสบายใจของคุณหนูเซีย ข้าพเจ้าจึงพาอวี๋เอ๋อร์มาด้วย ดังนั้นอย่าได้กังวลไป ระหว่างกระบวนการฝังเข็ม ข้าพเจ้าจะใช้ผ้าคาดดำปิดตาเอาไว้ และใหม้อวี๋เอ๋อร์รับหน้าที่เป็นลูกมือของข้าพเจ้าอีกทีหนึ่ง ขอเพียงได้แตะสัมผัสตามเส้นลมปราณที่เดินทั่วร่าง ข้าพเจ้าย่อมวาดแผนผังมโนทัศน์โครงสร้างร่างกายของท่านออกในหัวทันที เรื่องความแม่นยำของจุดฝังเข็ม ข้าเชี่ยวชาญที่สุดในเมืองซีเยว่แห่งนี้แล้ว”
หลังจากเปิดกล่องไม้ออกมา ก็เผยให้เห็นเข็มเงินหลายสิบเล่มเรียงยาวเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งพวกมันแต่ละเข็มมีความหนาและความยาวที่แตกต่างกันออกไป
ชิงเยว่ปูผ้าขาวสะอาดผืนหนึ่งลงบนโต๊ะ และค่อยๆ หยิบเข็มเงินแต่ละเล่มออกมาเช็ดทำความสะอาดอย่างประณีตบรรจง พร้อมจับมาเรียงบนผ้าสะอาดผืนนั้น หลังจากนั้นก็หยิบผ้าคาดดำขึ้นมาปิดตา หันทิศทางเข้าหาเตียงที่เซียถงกำลังนั่งอยู่
“เช่นนั้นต้องรบกวนแล้ว ฝากพวกเจ้าสองคนด้วย”
เซียถงพยักหน้าตอบและยกแขนขึ้นถอดเสื้อโยนทิ้งอย่างรวดเร็ว บนเรือนร่างสีขาวผ่องประดุจหิมะของนางในเวลานี้เหลือเพียงชุดชั้นในสีแดงเพียงผืนเดียวเท่านั้น และเอนกายนอนคว่ำหน้าลงหมอนโดยปราศจากทีท่าเขินอายใดๆ
อวี๋เอ๋อร์เห็นดังนั้นถึงกับตกกะใจเฮือกใหญ่ ดวงตาเบิกโตแทบถล่นออกมาด้วยความเหลือเชื่อ นี่…นี่คุณหนูเซีย…นางไม่รู้เลยรึอย่างไรว่า เป็นสตรีเพศมิสามารถเปิดเผยเรือนร่างเปลือยเปล่าดั่งสมบัติให้บุรุษชายใดได้เห็นโดยเด็ดขาด! ถึงแม้นายท่านชิงจะปิดตาอยู่ก็ตามที แต่นาง…ไม่ใจกล้าเกินไปหน่อยรึ?
ชิงเยวี่ยสัมผัสได้ถึง ทีท่าการแสดงออกที่แปรเปลี่ยนไปของอวี๋เอ๋อร์จากเสียงเสียดสีของเนื้อผ้า เขาพอจะบอกได้ว่า เซียถงน่าจะถอดชุดเสื้อผ้าชั้นนอกออกมาแล้ว แต่พอคิดไปเช่นนั้น ผิวแก้มอันบอบบางทั้งสองข้างของเขาก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออย่างอดมิได้ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีหญิงสาวถอดชุดเสื้อผ้ากันต่อหน้า ทันใดนั้นก็มี ภาพฉากจินตนาการถึงเรือนร่างสีขาวผ่องของอิสตรีแล่นขึ้นมาในหัว หลายหลากอารมณ์เริ่มทยอยหลั่งไหลเข้าสู่ดวงใจของนาง มือข้างที่ถือเข็มเงินเล่มยาวเกิดอาการชะงักแข็งค้างไปชั่วขณะหนึ่ง ยืนทื่อเป็นรูปปั้นหินไปโดยปริยาย
“ข้าไม่เป็นไร”
เหลือบสายตาไปเห็นชิงเยวี่ยกับอวี๋เอ๋อร์ยืนตกตะลึงแข็งค้างอยู่แบบนั้น เซียถงกลับไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งเสียงไปกระตุ้นสักทีหนึ่ง
ก็แค่เปิดแผ่นหลังเองมิใช่รึไง? นี่หาใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย นอกจากนี้เองชิงเยวี่ยก็ยังใช้ผ้าปิดตาอยู่ด้วย เช่นนั้นแล้วยังมีอะไรให้น่าอาย? หากสองคนนี้อยู่ในโลกยุคปัจจุบันคงไม่หัวใจวายแล้วรึ? อย่าว่าแต่ใส่เสื้อโชว์หลังเลย กระทั่งบิกินี่ที่ปิดแค่ไม่กี่ส่วนยังใส่เดินกันให้ว่อนตามชายหาด
“นายท่านชิง คุณเซียบอกว่าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
อวี๋เอ๋อร์ฟื้นคืนสติกลับมาได้เป็นคนแรก จึงหันไปส่งเสียงเรียกชิงเยวี่ยพร้อมเอื้อมมือจูงอีกฝ่ายเดินตรงเข้ามายังเตียงที่เซียถงนอนคว่ำหน้าอยู่ พอชิงเยวี่ยได้นั่งเก้าอี้ข้างเตียงเท่านั้น กลิ่นกายของอิสตรีอันหวานหอมก็พักโชยเข้าจมูกของเขาทันที จิตใจของเขายิ่งรู้สึกว้าวุ่นอีกครั้ง จนมือข้างที่ถือเข็มเงินเริ่มเกิดอาการสั่นเล็กน้อย
“คุณชายชิง ท่านจะฝังเข็มจุดไหนรึเจ้าค่ะ?”
สังเกตเห็นชิงเยวี่ยไม่เริ่มกระบวนการฝังเข็มสีที อวี๋เอ๋อร์จึงไม่มีทางเลือก เอ่ยปากกระตุ้นอีกฝ่ายด้วยคำถามนี้ไป
“ด่านประตูลม”
ชิงเยวี่ยรีบระดมสติและสมาธิกลับเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ขณะเริ่มกระบวนการลงเข็มฝังจุดเพื่อรักษา ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายังคงแดงระเรื่ออยู่เล็กน้อย บรรจงใช้นิ้วทั้งสองข้างค่อยๆ บีบตัวเข็มและปักใส่ด่านประตูลมซึ่งอยู่กลางแผ่นหลังของเซียถงทันที จากนั้นก็ปล่อยมือคลายออกมา มองดูเข็มเงินฉาบเคลือบรัศมีลมปราณชั้นบางไถลเข้าผิวหนังดั่งหยกขาวของเซียถงลงไปสู่ชั้นลึก
อวี๋เอ๋อร์ทยอยส่งเข็มเงินขนาดต่างๆ ส่งให้ชิงเยวี่ยอย่างต่อเนื่อง ระหว่างกระบวนการฝังเข็มหลังจากนั้น ก็ค่อนข้างไหลเลื่อนปราศจากปัญหาใดๆ อีกต่อไป