ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 254 วานชิงเยวี่ยช่วยขับพิษ (2)
ตอนที่454 วานชิงเยวี่ยช่วยขับพิษ (2)
ตอนที่454 วานชิงเยวี่ยช่วยขับพิษ (2)
แผ่นหลังของนางเรียบเนียนเสมอกันปราศจากตำหนิใดๆ ทั้งยังอ่อนนุ่มและส่งกลิ่นกายของอิสตรีหอมหวาน บริเวณช่วงเอวโค้งเว้าเป็นสัดส่วน อวี๋เอ๋อร์ที่มิได้ปิดตาย่อมเห็นอะไรมากกว่าชิงเยวี่ย อย่างเช่นผิวพรรณละเอียดอ่อนสีขาวผ่องประดุจหิมะ ชั่วพริบตาดั่งตกสู่ภวังค์ความหลงใหล สาวน้อยอุทานเสียงกระซิบด้วยความชื่นชมว่า
“แผ่นหลังของคุณหนูเซียช่างสวยงามเหลือเกิน ทั้งขาวและเนียนนุ่ม”
ทว่าทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของเซียถงพลันชักกระตุกอย่างแรงทีหนึ่ง เสียงครางเจ็บแผ่วต่ำเล็ดลอดออกมาจากปาก
“ข้าพเจ้าขออภัย! ขออภัยจริงๆ! คุฯหนูเซียเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
ชิงเยวี่ยรีบถอนเข็มเงินที่เพิ่งสอดใส่ออกจากแผ่นหลังเซียถงทันที เอ่ยปากขอโทษน้ำเสียงสั่นเครือสับสน ชั่วขณะที่คมเข็มเล่มยาวกำลังเล็งกดเข้าจุดฝัง เขาบังเอิญไปได้ยินคำกล่าวของอวี๋เอ๋อร์เสียก่อน ทำให้รู้สึกกระวนกระวายใจชั่วขณะ เผลอเบี่ยงทิศทางคมเข็มเบี้ยวออกครึ่งองศา ส่งผลให้แทงผิดจุดฝัง
“ไม่เป็นไร”
ตอนที่เข็มเงินแทงเข้ามาถูกจุดที่ฝัง นางมิได้รู้สึกอะไรเลย แต่เมื่อครู่ กลับรู้สึกราวกับว่ามีเข็มแหลมแทงทะลุเข้ามาในเนื้อฉับพลัน แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บเท่าไหร่นัก ที่ร้องครางออกมาเพราะตกใจมากกว่า
อวี๋เอ๋อร์ชำเลืองมองหยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นทั่วหน้าผากของชิงเยวี่ย เห็นเช่นนั้นจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นปาดเช็ดอย่างแผ่วเบา และกล่าวว่า
“นายท่านชิง ท่านดูประหม่ามิใช่น้อยเลย”
หยาดเหงื่อบนหน้าผากของชิงเยวี่ยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่จับเข็มเงินบังเกิดอาการสั่นเทาขึ้นโดยมิตั้งใจ ภาพเรือนร่างสีขาวผ่องประดุจหิมะกับใบหน้าอันเย้ายวนยังคงฉายปรากฏอยู่ในใจไม่คลายอ่อน เขาพยายามสูดหายใจเข้าแช่มลึก ตั้งสติสมาธิให้มั่นคงดั่งหินผา กล่าวขึ้นว่า
“ต่อไปเป็นจุดตานชู่”
อวี๋เอ๋อร์ค่อยๆ จับมือของชิงเยวี่ยเคลื่อนไปทางส่วนล่างของหลังซึ่งเป็นบริเวณจุดตานชู่ จากนั้นก็ปล่อยให้ชิงเยวี่ยคลำหาจุดที่เหมาะสมและปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำ
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชิงเยวี่ยก็สามารถยับยั้งจิตใจที่สั่นคลอนจนเสถียรได้ในที่สุด ความเร็วในการฝังเข็มเริ่มกลับมาเร็วและราบรื่นขึ้นอีกครั้ง ไม่นานนัก ก็มีเข็มเงินปักกระจายไปทั่วแผ่นหลังของเซียถง
และทุกครั้งที่เซียถงโดนเข็มเงินแทงเข้ามา นางจะสามารถสัมผัสได้ถึงโลหิตที่ไหลเวียนในร่างกายที่โคจรเร็วขึ้น และยังชักนำบางสิ่งเคลื่อนออกมาไปยังแขนทั้งสองข้างของนาง จนกระทั่งคมเงินทุกเล่มสลักฝังเข้าทุกจุดทั่วแผ่งหลัง บริเวณปลายนิ้วมือและนิ้วเท้าทั้งสิบ ก็มีของเหลวสีเหลืองอำพันซึมไหลออกมาอย่างช้าๆ ทั้งยังส่งกลิ่นหอมหวานจางๆ ออกมาลอยคลุ้งในอากาศ
นี่เป็นกระบวนการสกัดสุราอำพันทิพย์ออกจากร่างกายของเซียถง โดยผ่านปลายนิ้วมือและนิ้วเท้า
“เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่สุราอำพันทิพย์ถูกขับออกจากร่างกายของคุณหนูเซียจนหมด พิษส่วนตกค้างที่เหลือก็ไม่มีฤทธิ์เดชอันใดต้องน่ากลัวอีกต่อไป หยิบใช้เพียงพลังลมปราณขุมหนึ่งก็สามารถสลายพิษเหล่านั้นไปได้โดยธรรมชาติ”
ชิงเยวี่ยกล่าวอธิบายให้เซียถงฟังคล้อยหลังได้กลิ่นหอมหวานของสุราอำพันทิพย์ และในขณะเดียวกัน ก็มีของเหลวสีเหลืองซึ่งก็คือสุราอำพันทิพย์ดังกล่าวซึมหยดออกมาอย่างต่อเนื่อง
บรรจงถอนเข็มเงินทั้งหมดทั่วแผ่นหลังของเซียถงออกจนครบ เซียถงก็ลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้ากลับมาดังเดิม แลเห็นว่าชิงเยวี่ยยังไม่ถอดผ้าปิดตาออกเสียที นางจึงเอ่ยขึ้นว่า
“นายท่านชิง ข้าแต่งตัวเสร็จแล้ว ท่านเอาผ้าปิดตาออกเถอะ”
ชิงเยวี่ยยืนตะลึงแข็งทื่ออยู่แบบนั้นทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วครู่หนึ่ง อวี๋เอ๋อร์ระบายยิ้มอ่อน อาสาเอื้อมมือไปถอดผ้าปิดตาของอีกฝ่ายให้ และกล่าวว่า
“นายท่านชิง ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว”
ชิงเยวี่ยค่อยๆ ลืมตามองไปทางเซียถง เมื่อเห็นว่านางแต่งตัวกลับมาเป็นดังเดิมแล้ว เขาก็ค่อยพยักหน้าเบาๆ ทว่าก็ยังมีอาการหน้าแดงระเรื่อลามไปถึงใบหูเกินปกปิด ได้แต่ส่งยิ้มแห้งกล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าว่า
“คุณหนูเซีย ในเมื่อพิษถูกขับออกไปแล้ว เช่นนั้นข้าพเจ้าขอตัวก่อน”
กล่าวจบ เขาก็รีบจ้ำอ้าวเดินไปทางประตูโดยไว
พอเห็นท่าทีประหม่างุ่นง่านของอีกฝ่าย เซียถงก็อดยิ้มมิได้ เปล่งเสียงดังไล่หลังขึ้นว่า
“นายท่านชิง ขอบคุณมาก”
โดยปกติแล้ว ภาพลักษณ์ที่มักจะชินตาของชิงเยวี่ยคนนี้คือยิ้มแย้มสดใส แต่ก็ให้อารมณ์สงบนิ่งปนอบอุ่นอยู่หนึ่งหลายส่วน ทว่าตอนนี้กลับดูกระวนกระวายใจขวนเขินเหมือนเด็กผู้ชายตัวน้อย
ได้ยินคำขอบคุณจากปากเซียถง ชิงเยวี่ยก็ยิ่งเร่งฝีเท้าจากออกไปไวขึ้น ส่วนอวี๋เอ๋อร์ก็เพิ่งเก็บของลงกล่องไม้เสร็จ ยกขึ้นถือด้วยมือทั้งสองข้าง หันมาโค้งศีรษะให้เซียถงและกล่าวว่า
“คุณหนู ขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ”
“อวี๋เอ๋อร์ ขอบใจเจ้ามาก”
เซียถงส่งยิ้มตอบอวี๋เอ๋อร์ สาวรับใช้ตัวน้อยคนนี้ช่วยนางได้มากจริงๆ
“หากคุณหนูต้องการจะขอบคุณ ก็ขอบคุณกับนายท่านชิงจะดีกว่าเจ้าค่ะ เพราะบ่าวแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย”
อวี๋เอ๋อร์ถือกล่องไม้เดินจากออกไปพร้อมรอยยิ้ม
ภายในห้องพักแห่งนี้เหลือแค่เพียงความว่างเปล่า บรรยากาศเงียบสงัดลงในทันใด เซียถงกระโดดขึ้นเตียงนั่งขัดสมาธิและเริ่มกระบวนการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ แต่ทันใดนั้นเอง นางก็ได้ค้นพบว่า หลังจากที่ชิงเยวี่ยฝังเข็มให้ในวันนี้ ก็ดูเหมือนว่าความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของนางจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนก้อนสีดำทมิฬที่ตกค้างตามเส้นลมปราณและเส้นเอ็นก็ถูกสลายเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงหน้าด่าสุดท้ายที่ยังมีเกาะติด แต่นี่หาใช่ปัญหาไม่เลย ใช้เวลาเพียงไม่นานนัก นางมั่นใจว่าจะสามารถชำระล้างได้ทั้งหมด และยังสามารถทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นสูงได้ในอีกไม่นานแล้ว
นางนั่งขัดสมาธิบำเพ็ญตบะอยู่บนเตียงจนรุ่งเช้าวันถัดมา ยังไม่ทันได้ลุกก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ในเวลานั้นนางเพิ่งนึกได้ว่า วันนี้มีนัดขึ้นเดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่กับไป๋หลี่หาน พอวิ่งออกไปเปิดประตูก็พบไป๋หลี่หานที่กำลังยืนรออยู่แล้ว มาพร้อมกับเสื้อคลุมแขนยาวสีม่วงปิดบังแขนทั้งสองข้างเอาไว้อย่างมิดชิด
นางเงยหน้าขึ้นมากล่าวกับเขาว่า
“รอเดี๋ยวก่อนสักครู่”
จากนั้นก็รีบวกกลับเข้ามาในห้องพัก หยิบกระเป๋าว่างใบหนึ่งพกติดตัว วันนี้ออกเดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่ที่อุดมไปด้วยสมุนไพรหายากนานาชนิด ดังนั้นแล้ว นางเองก็ควรเตรียวกระเป๋าไว้สำหรับเก็บเกี่ยวให้พร้อม
คล้อยหลังออกมาจากโรงเตี้ยม เซียถงก็เห็นโม่ซวนที่เดินจูงม้าสีขาวสองตัวตรงเข้ามารอหน้าประตู ขณะที่กำลังจะเดินทางออกนอกเมืองซีเยว่ไป จู่ๆ ไป๋หลี่หานก็กล่าวหยุดเอาไว้เสียก่อน
“ไปหออินทรีบุปผาก่อน จะเดินทางขึ้นเขาโดยไม่ทานข้าวเช้าได้เยี่ยงไร!”
ข้าวเช้า? ไป๋หลี่หานรีบมาตั้งแต่เช้าเพื่อพานางไปทานข้าว? ยังไม่ทันได้ปริปากกล่าวอะไร นางก็เห็นเพียงแผ่นหลังสูงสง่าของไป๋หลี่หานที่เดินนำหน้ามุ่งออกไปอย่างเฉิดฉายท่ามกลางแสงตะวันยามรุ่งอรุณ บังเกิดรัศมีสว่างไสวเล็ดลอดผ่านร่างของเขาออกมา นี่แหละ…สมแล้วที่เกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์อย่างแท้จริง!
เซียถงเดินติดตามไป๋หลี่หานไปยังหออินทรีบุปผาทันที อันที่จริงเดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่รอบนี้ นางไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรบ้างอยู่เบื้องหน้า ดังนั้นก็ควรรับประทานอาหารเช้าเอาแรงก่อนมิเสียหาย