ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 255 เดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่ (1)
ตอนที่ 255 เดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่ (1)
ตอนที่ 255 เดินทางขึ้นหุบเขาซีเยว่ (1)
“เซียถง โจ๊กเม็ดบัวของหออินทรีบุปผาแห่งนี้มีชื่อเสียงกระฉ่อนทั่วทั้งทวีปเทียนหลาง เจ้าควรไปลิ้มลองสักครั้งหนึ่ง”
ระหว่างทาง ไป๋หลี่หานเหลียวศีรษะหันมากล่าวกับเวียถงที่เดินติดตามอยู่ท้ายหลัง
เมื่อเซียถงเงยหน้ามองตอบโต้ก็พลันพบความประหลาดใจ สายตาคู่คมภายใต้หน้ากากสีดำขลับของอีกฝ่าย คล้ายปรากฏดอกไม้เบ่งบานท่ามกลางความเยือกเย็น ดูท่าอีกฝ่ายกำลังมีความสุขใช่ย่อย
“นี่เป็นของขวัญสำหรับที่เจ้าแกล้งข้าเมื่อคืน”
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาปนผสมแววอยากรู้อยากเห็นของเซียถงก็เคลื่อนเข้าไปจับจ้องโม่ซวนที่กำลังเดินจูงม้าขาวทั้งสองอยู่เคียงข้างไม่ห่างนัก ก่อนจะหันหน้ากลับเข้ามา สืบเท้าก้าวไปข้างหน้าต่อราวกับไม่ได้ยินไป๋หลี่หานเอ่ยกล่าวใดๆ ทั้งสิ้น
บังเอิญว่าจังหวะนั้น ชิงเยวี่ยนเดินสวนมาพอดิบพอดี และได้ยินคำกล่าวประโยคสุดท้ายจากปากไป๋หลี่หานดังชัดเจน ถึงเขาส่งยิ้มให้เซียถงดังเดิมเหมือนเป็นการทักทาย แต่ทว่ารอยยิ้มอันอบอุ่นที่ว่ากลับมีบางสิ่งที่คลุมเครือเกินจะอธิบายเจือผสมปนอยู่หลายส่วน เซียถงชะงักไปครึ่งจังหวะ ตัวนางค่อนข้างรู้สึกตกใจเช่นกันที่ได้เห็นรอยยิ้มแปลกๆ เช่นนี้ โดยไม่คิดมากสานต่อให้ยืดยาว นางสะบัดทุกความคิดอื่นใดทิ้ง และเดินติดตามไป๋หลี่หานตรงไปข้างหน้าต่อไป
แลเห็น ความเฉยเมยบนใบหน้าของนาง พลันปรากฏประกายแสงอาฆาตออกจากนัยน์ตาของชิงเยวี่ย ยิงเข้าใส่ไป๋หลี่หานที่เดินอยู่หน้าสุดทันที ราวกับต้องการจะฆ่าแกงกัน ถึงอย่างนั้น ไป๋หลี่หานยังคงทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยิ้มกล่าวกับเซียถงว่า
“ข้าหิวแล้ว รีบไปกันเถอะ!”
เซียถงพยักหน้าและเร่งฝีเท้าเดิมตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว พอจับจองโต๊ะที่นั่งในหออินทรีบุปผาเสร็จสรรพ ก็สั่งของขึ้นชื่อของที่แห่งนี้รับประทานกันทันที ซึ่งต้องบอกเลยว่า โจ๊กเม็ดบัวแห่งหออินทรีบุปผาอร่อยโดยแท้ เซียถงกับไป๋หลี่หานนั่งประทานโจ๊ะกันอย่างเอร็ดอร่อย
หลังทานข้าวเช้าเสร็จสรรพ ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังหุบเขาซีเยว่ต่อทันที หุบเขาลูกนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกของเมืองซีเยว่ ตลอดเส้นทางที่นำไปสู่หุบเขามีด่านทหารตั้งอยู่มากมายเป็นระยะ แต่ด้วยป้ายตราอนุญาตทองคำในมือไป๋หลี่หาน พวกเขาทั้งคู่ก็สามารถเดินผ่านไปได้ทุกด่านปราการได้อย่างไร้ปัญหาใดๆ
“มาตรการป้องกันของที่นี่เข้มงวดโดยแท้”
เมื่อมาถึงเชิงเขาซีเยว่ เซียถงก็อดถอนหายใจทอดสายตามองเหล่าทหารตั้งด่านนับหลายสิบปราการตลอดทางมามิได้ หุบเขาซีเยว่ห่างจากเมืองแค่สิบกว่าลี้เท่านั้น ทว่านางผ่านมาแล้วกว่าสิบด่านปราการ จะบอกได้ว่า มีด่านทุกหนึ่งลี้เลยก็ไม่ผิด ซึ่งสิ่งนี้มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากว่า จักรวรรดิซีฉินแห่งนี้ให้ความสำคัญกับหุบเขาซีเยว่มากเพียงใด
“สมุนไพรบนหุบเขาซีเยว่แห่งนี้ได้ชื่อว่าอุดมสมบูรณ์ที่สุดในทวีปเทียนหลางแล้ว ทั้งยังมีสมุนไพรหายากอีกหลายสิบชนิดที่จะสามารถค้นพบได้แค่บนเขาลูกนี้เท่านั้นด้วย มิเช่นนั้นแล้ว ข้าหรือจะยอมพลีกาย เสียสละเรือนร่างนี้ให้องค์หญิงแห่งซีฉินเกี้ยวพาราสีเล่นถึงปานนั้น? กว่าจะได้ป้ายตราอนุญาตแผ่นนี้มา ข้าก็เกือบเสียบริสุทธิ์แล้ว!”
ไป๋หลี่หานทอดสายตามองเส้นทางสูงยาวเสียดฟ้าที่นำไปสู่ยอดเขาซีเยว่ บริเวณส่วนยอดเขามันสูงถึงขนาดที่ว่ามีก้อนเมฆชั้นหนาเข้าปกคลุมจนมองไม่เห็น ได้เห็นดังนั้นก็ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่อดมิได้
หุบเขาซีเยว่แห่งนี้มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลโดยแท้ และบรรยากาศโดยรอบก็มีทั้งต้นไม้ยักษ์สีเขียวชอุ่ม ทั้งบุปผาและพืชสมุนไพรแปลกตามากมาย พวกมันราวกับว่ากำลังแข่งขันกันเติบโต แทรกขึ้นตามซอกหิน รากไม้ หรือกระทั่งริมธารก็ยังมีจนชุกชุม
เซียถงและไป๋หลี่หานเดินขึ้นเขาไปตามเส้นทางที่มี ระหว่างทางก็ได้เห็นสมุนไพรหายากอยู่หลายชนิด ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ไม่พ้นมือเซียถงเลยาสักกะต้น นางกวาดพวกมันหยิบใส่กระเป๋าที่เตรียมมาอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานนัก กระเป๋าใบที่นางเตรียมมาก็เต็มไปด้วยสมุนไพรนานาชนิดในพริบตา ไป๋หลี่หานได้แต่ชำเลืองมองเซียถงที่กระหน่ำเด็ดสมุนไพรตามริมทางโยนใส่กระเป๋าหลังอย่างไม่หยุดหย่อน ผ่านไปชั่วครู่ เขาจึงค่อยเอ่ยปากกล่าวกับเซียถงว่า
“มาเที่ยวนี้คิดจะขนกลับไปยกหุบเขาเลยกระมัง? แต่เสียใจด้วย พวกทหารที่ต้องด้านชั้นนอกไม่อนุญาตให้เจ้านับสมุนไพรพวกนี้ติดกลับไปได้”
เซียถงถึงกับชะงักค้าง ตาเบิกโตตะลึงงัน ทำได้เพียงจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาโง่งม กล่าวขึ้นว่า
“หากไม่สามารถเก็บสมุนไพรกลับไปได้ แล้วจะเข้ามากันเพื่อ?”
“แต่ก็ใช่ว่าจะให้กลับบ้านมือเปล่าสักทีเดียว แต่ละคนที่เข้ามาจะสามารถนำสมุนไพรออกไปได้แค่สามต้นเท่านั้น หากตรวจพบว่ามีจำนวนที่เกินไปกว่านั้น ในส่วนที่เหลือจะถูกยึดคืนทันที”
ไป๋หลี่หานยิ้มบางเอ่ยตอบกลับไป
เซียถงพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่กระแทกกระทั้นด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง ในเมื่อรู้เช่นนี้แต่แรก แล้วไฉนเจ้าไป๋หลี่หานถึงไม่รีบบอกกันก่อน? ปล่อยให้นางกระหน่ำเด็ดเก็บเกี่ยวสมุนไพรเข้ากระเป๋าจนตุงหนักอยู่ตั้งนาน สุดท้ายนี้ นางทำได้แค่เหลือบสายตามองบรรดาสมุนไพรในกระเป๋า สีหน้าอัดแน่นความเสียอกเสียดายอยู่เปี่ยมล้น เพราะไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรชนิดใดในนี้ พวกมันล้วนมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
“วางสมุนไพรพวกนี้ลงแถวนี้ก่อนเถอะ แล้วลองเดินสำรวจเข้าไปต่อ เผื่อว่าจะมีสมุนไพรที่จำเป็นกว่าให้เลือก”
ไป๋หลี่หานกล่าวทันทาม หันไปมองกระเป๋าที่มีขนาดสูงเกือบครึ่งร่างมนุษย์บนหลังของเซียถง หากพวกทหารตามด่านด้านนอกเห็นเข้า มีหวังได้ตามฆ่านางทิ้งกันอย่างจ้าละหวั่นเป็นแน่
เซียถงยืนใช้ความคิดอยู่สักครู่ จากนั้นนางค่อยปลุกเสี่ยวฮั่วที่หลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นมา รีบเร่งปรึกษามันเกี่ยวกับเรื่องสูตรโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าฉบับดัดแปลงที่เคยคุยกับหยุนซีในครั้งล่าสุด และหลังจากที่ฟังความคิดเห็นของเสี่ยวฮั่วแล้ว มันค่อนข้างมั่นใจว่า สูตรโอสถระดับเก้าชั้นนี้สามารถดัดแปลงให้กระบวนการหลอมกลั่นง่ายขึ้นได้ แต่ในส่วนประสิทธิภาพที่ได้ออกมากลับไม่รู้ว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด
เสี่ยวฮั่วครุ่นคิดอยู่สักพัก และเปล่งเสียงเอ่ยผ่านห้วงความคิดของนางว่า
“นายท่าน ข้าบอกไม่ได้เช่นกันว่า สูตรโอสถฉบับดัดแปลงที่ท่านคิดขึ้นมาจะได้ผลหรือไม่ แต่หากต้องการทำตามสูตรดั้งเดิมจริงๆ สิ่งที่จำเป็นต้องมีอันดับต้นๆ เลยก็คือ ผลปีศาจร้อยบุปผา ซึ่งสมุนไพรชนิดที่ว่าสามารถหาได้แค่บนหุบเขาซีเยว่แห่งนี้เท่านั้น ท่านควรจะเลือกมันเก็บไว้”
เซียถงพยักหน้าขานตอบกับเสี่ยวฮั่วภายในใจ จากนั้นก็เดินเคียงคู่ไปกับไป๋หลี่หาน ขึ้นสำรวจต่อไปยังส่วนลึกขึ้นของหุบเขาซีเยว่ และพอมาถึงนางก็ต้องตกตะลึง เพราะผลปีศาจร้อยบุปผาที่เสี่ยวฮั่วว่ามา กลับสามารถพบเห็นได้ทั่วทุกที่บนนี้!
เลือกเด็ดผลที่สวยที่สุดเก็บมาในบรรดาทั้งหมด ในปัจจุบันนางยังเหลือสิทธิ์อีกสองต้นที่สามารถเก็บกลับไปได้ ดังนั้นจึงต้องเดินทางต่อไปในส่วนที่ลึกขึ้นไปอีก โดยหวังว่าจะมีสมุนไพรล้ำค่าซ่อนอยู่บนหุบเขาซีเยว่แห่งนี้
“นายท่าน นับว่าตัวท่านโชคร้ายนักที่มาผิดเวลา หากท่านมาตอนที่พฤกษาบัวศักดิ์สิทธิ์ต้นนี้ออกผล ท่านคงได้ผลบัวศักดิ์สิทธิ์กลับไปรักษาท่านแม่ได้แล้ว”
เมื่อเดินผ่านต้นไม้สีแดงขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง จู่ๆ เสี่ยวฮั่วก็เปล่งเสียงเอ่ยขึ้นด้วยความเสียอกเสียดาย
ผลบัวศักดิ์สิทธิ์? เซียถงเงยหน้ามองไปที่ต้นไม้สีแดงชาดที่อยู่เคียงข้างนางทันที ลักษณ์ตัวต้นมีสีแดงสดดั่งไฟ ไม่เพียงแค่ส่วนลำต้นหรือใบเท่านั้น กระทั่งกิ่งก้านสาขาทั้งหมดที่แผ่ขยายยังเป็นสีแดงเช่นกัน และสิ่งที่ห้อยอยู่ตรงปลายกิ่ง มีรูปลักษณ์คล้ายดอกบัวตูมที่กำลังสุมทรวงเพลิงร้อนละอุ แค่ได้เห็นก็นับว่างามตามากแล้ว
เห็นเซียถงที่เงยหน้ามองพฤกษาบัวศักดิ์สิทธิ์ต้นใหญ่ยักษ์ตรงหน้าไม่วางตา ไป๋หลี่หานก็กล่าวขึ้นว่า
“ต้นพฤกษาบัวศักดิ์สิทธิ์จะออกดอกผลทุกๆ สิบปี กล่าวกันว่า มีสรรพคุณด้านการรักษาที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ เหล่าผู้ทรงอำนาจทั่วทั้งทวีปเทียนหลางต่างถวิลหามาครอบครองทั้งสิ้น กระทั่งฝ่าบาทแห่งตงหลี่ของพวกเราเองก็ปรารถนามาเสียยิ่งกว่าชีวิต กับแค่เจ้าคนหนึ่ง อย่าไปคาดหวังอะไรให้มากเลย”
เซียถงเคยแต่ได้ยินคำเล่าขานของผลบัวศักดิ์สิทธิ์มาว่า มันไม่เพียงสามารถชำระล้างขจัดพันพิษได้ แต่ยังช่วยยกระดับลมปราณของผู้ที่ทานเข้าไปให้เพิ่มสูงขึ้นหลายทวีทบโดยตรง จึงไม่แปลกที่เหล่าผู้ทรงอำนาจทั้งหลายถึงปรารถนาที่จะครอบครองปานนี้ แต่น่าเสียดายนักที่ ในทวีปเทียนหลางแห่งนี้ มีต้นพฤกษาบัวศักดิ์สิทธิ์อยู่เพียงต้นเดียว ซึ่งก็คือต้นที่อยู่บนหุบเขาซีเยว่แห่งนี้ ซ้ำร้าย มันยังออกผลเพียงหนึ่งลูกเท่านั้นในทุกสิบปี
เซียถงยกเรียวนิ้วขึ้นเขี่ยใบไม้สีแดงเล่นไปมา พลางเอ่ยถามไปว่า
“แล้วเมื่อใดที่ต้นพฤกษาบัวศักดิ์สิทธิ์จะออกผลอีกรอบ?”
ฝ่าบาทแห่งจักรวรดิซีฉินไม่มีทางมอบให้มันแก่นางแน่นอน ดังนั้นหนทางสุดท้ายที่เหลืออยู่ ก็หาใช่ต้องขโมยกันหรอกรึ? ดังนั้นก็ควรทราบระยะเวลาที่ต้นพฤกษาบัวศักดิ์สิทธิ์จะออกผลอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาจะได้ลอบเข้ามาฉกฉวยมันไปก่อนใคร!
ไป๋หลี่หายชำเลืองสายตาหนึ่งปราด มองใบไม้รูปหัวใจสีแดงที่กำลังถูกเรียวนิ้วหยกสีขาวผ่องของเซียถงกำลังเขี่ยเล่น ช่างเป็นภาพฉากที่น่ารักอะไรเช่นนี้ จู่ๆ เขาก็อดยกมือถกแขนเสื้อขึ้นมามิได้ เผยให้เห็นรูปวาดเต่าน้อยที่มองมาทางเขาตาแป๋ว