ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 268 ล้อมกรอบ (2)
ตอนที่268 ล้อมกรอบ (2)
ตอนที่268 ล้อมกรอบ (2)
เซียถงมองไปยังชามเหล่านั้นที่ว่างเปล่า หยิบผมม้ชิ้นหนึ่งที่อวี๋เอ๋อร์ให้แถมมารับประทานเข้าปาก กินไปสองสามชิ้นก่อนจะปีนขึ้นนั่งบนเตียงเพื่อเริ่มบำเพ็ญตบะ เวลาผ่านไปจวบเจียนยามหนึ่ง นางก็เดินตรงไปยังบานหน้าต่าง ตั้งท่าเตรียมตัวกระโดดออกทางนี้ แต่ทันใดนั้นเองก็มีเงาสีแดงกระโจนขึ้นเกาะบนหัวไหล่ของนาง พอหันศีรษะมองก็พบว่าเป็นเจ้าจี๋จี๋นี่เอง
จี๋จี๋ส่งเสียงร้องเรียกดังจิ๊ดจิ๊ดอยู่สองครา ก่อนจะมุดเข้าไปใต้อกเสื้อและขดตัวก้อนขนปุกปุยของมันนอนหลับต่อไป เซียถงเห็นดังนั้นก็อดยิ้มมิได้ การเคลื่อนไหวของเจ้าจี๋จี๋ตัวน้อยช่างรวดเร็วโดยแท้ กระทั่งเมื่อครู่นางเองก็ยังมองตามคาวมเร็วของมันไม่ทัน
เหตุผลที่ไม่อยากออกทางประตูโรงเตี้ยมดีๆ เป็นเพราะนางไม่อยากไปเจอกับชิงเยวี่ยเท่าไหร่นัก เพราะช่วงหัวค่ำ สายตาที่อีกฝ่ายมองมาทางนางคล้ายกับว่ามีแววประกายผิดแปลกที่ไม่สามารถคาดเดาได้เร้นซ่อนไว้อยู่ อธิบายไม่ได้เช่นกันว่าทำไม แต่นางรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้สบตา
บานหน้าต่างห้องพักของนางหันเข้าฝั่งถนนคนเดินพอดิบพอดี เซียถงร่อนตัวลงบนถนนสายนั้นอย่างเงียบงัน และรีบมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบซีเยว่ที่เคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งโดยไว พอไปถึงก็แลมองผืนน้ำใสสะอาดดั่งกระจกที่ส่องสะท้อนเงาจันทร์เจ้ายามรัตติกาล
สิ่งแรกที่นึกถึงคือตอนที่นางขึ้นเรือร่องไปพร้อมกับไป๋หลี่หานในครั้นล่าสุด แสงจันทร์เจ้าทอประกายสาดส่องลงฉาบทั่วบริเวณแถวนั้นทั้งผืนน้ำและผืนป่าข้างเคียง ต้นไม้พฤกษาน้อยใหญ่ที่แผดขยายกิ่งก้านยาวเคลื่อนไสวตามแรงลมที่พัดโชย บรรยากาศยามนี้ช่างเงียบสงัด และไม่เห็นแม้แต่เงาหัวใครสักคน
เซียถงยืนรออยู่ริมฝั่งทะเลสาบซีเยว่อยู่นานสองนาน ทว่าก็ยังไม่เห็นใครโผล่มาแม้สักคน และทันใดนั้น เจ้าจี๋จี๋ที่ขดตัวหลับตลอดทางอยู่ในอกเสื้อของนางก็พลันตื่นจากภวังค์ มันกระโดดเกาะอยู่บนไหล่พลางยกอุ้งเท้าขวาขึ้นชี้ไปยังทิศทางด้านซ้าย และส่งเสียงร้องดังขึ้นทันใด
“จี๋จี๋ นี่หมายความว่าอย่างไรงั้นรึ?”
เซียถงชำเลืองมองเจ้าตัวน้อยที่กำลังเด้งตัวโหยงเหยงบนไหล่ เอ่ยปากถามขึ้นคำหนึ่งชักสีหน้างุนงง
“จิ๋ด จิ๋ด จิ๋ด…”
เจ้าจี๋จี๋ไม่รีรอ มันรีบใช้อุ้งเท้าน้อยๆ ของมันแกะเกาะปกเสื้อของนางอยู่หลายต่อหลายที ทั้งยังส่งเสียงร่ำร้องต่อเนื่องไม่หยุด ดวงตาบ๋องแบ้วของมันดูลุกลี้ลุกลนดูร้อนใจอย่างมาก
ต้องมีอะไรสักอย่างอยู่ทางซ้ายมือกระมัง?
เซียถงเริ่มรู้สึกใจสั่นมิอาจจะอธิบาย คู่เท้ากระตุกวูบทะยานพุ่งไปทางป่าฝั่งซ้ายโดยไว ทุกกระบวนเคลื่อนไหวล้วนเงียบสงัดไร้สุ้มเสียงใดๆ ตรงเข้าไปซ่อนตัวหลบอยู่ในพุ่มไม้หน้า ณ จุดหนึ่ง อาศัยแสงจันทร์จ้าวที่เฉิดฉายสาดลงมาพยายามเพ่งสายตามอง แต่ก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติอันใดเลย จนสุดท้ายอดสงสัยไม่ได้ นางจึงหันไปมองเจ้าจี๋จี๋บนหัวไหลอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เจ้าจี๋จี๋ยังคงใช้อุ้งเท้าน้อยๆ ของมันเกาะคอปกเสื้อของนางไม่หยุด และยังใช้อุ้งเท้าขวาที่ว่างชี้ไปทางซ้ายมือต่อ วิ่งหมุนตัวไปมาอยู่แบบนั้นคล้ายกับให้เซียถงรีบเดินทางไปตามที่บอกโดยไว นางเห็นเช่นนั้นยิ่งรู้สึกแปลกใจ อใจดยกเท้าก้าวเดินต่อไปมิได้
เดินออกจากส่วนทะเลสาบซีเยว่จะพบเนินเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทันทีที่มาถึงสิ่งแรกที่เซียถงสัมผัสได้ก็คือกลิ่นเลือดและสุ้มเสียงปะทะต่อสู้แผ่วอ่อนจากแต่ไกล จากเนินเขาที่นางยืนอยู่ทอดสายตามองออกไป ก็เสาะพบแสงสว่างสีเงินปนม่วงเฉิดฉายประกายจ้าจากในป่าฝั่งนั้น เสียงคมกระบี่ประสานงาท้าชนดังต่อเนื่องหลายกระบวนจังหวะ มีคนกำลังต่อสู้กันอยู่
เจ้าจี๋จี๋ยกอุ้งเท้าชี้ไปทางกลุ่มแสงสีเงินปนม่วงตรงนั้น จากนั้นก็ส่งเสียงร้องให้เซียถง
ณ ทิศทางตรงนั้น มันเป็นศึกสัประยุทธ์เดือดระหว่างยอดฝีมือขอบเขตราชันย์ม่วงด้วยกัน หรือบางทีอาจสูงกว่านั้น เซียถงรีบโบกมือเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าออกมาในทันใด จากนั้นก็ค่อยๆ ลอบเร้นเข้าไปใกล้ป่าในฟากฝั่งนั้นอย่างระมัดระวังตัวสุดขีด ซึ่งก่อนที่นางจะเข้าใกล้ถึงจุดสัประยุทธ์ต่อสู้กันเสียด้วยซ้ำ คลื่นแรงกดดันปริมาณมหาศาลที่แผ่กระจายออกมา ก็เข้ากดขี่ร่างกายของนางจนแทบหายใจไม่ออกแล้ว สีหน้าของนางเผยแสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน และถ้าให้สันนิษฐาน ระดับความแข็งแกร่งของคนพวกนี้ต้องอยู่ในขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นกลางเป็นอย่างน้อย ซึ่งนางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า ยอดฝีมือราชันย์ม่วงที่ระเบิดพลังต่อสู้ถึงขีดสุด ตัวนางแทบจะไม่สามารถต้านทานได้ไหว กระทั่งยืนให้มั่นยังยาก!
ป่าฟากฝั่งดังกล่าวเป็นป่าหิน ซึ่งทั่วบริเวณนี้จะมีแต่หินผาขนาดสูงใหญ่รูปร่างแปลกประหลาดมากมาย ซึ่งจะยิ่งดูน่ากลัวอย่างยิ่งในเวลาค่ำคืนภายใต้แสงจันทร์เช่นนี้ มีรอยคมอาวุธฟันฟาดสลักตื้นลึกคละกันไปตามโขดหินผาเหล่านี้ เซียถงแอบย่องติดตามร่องรอยเหล่านี้ไปยังจุดศูนย์กลางของศึกสัประยุทธ์ต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่
ยิ่งเข้าใกล้จุดสูนย์กลางมากขึ้นเท่าไหร่ รัศมีแรงกดดันก็ยิ่งเข้มข้นรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น บ้างถึงกับมีโขกหินผาบางก้อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อยโดยที่ยังไม่ถูกสัมผัสเสียด้วยซ้ำ อาศัยทักษะการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว นางกระโดดนหลบเศษหินผาที่แตกกระจายเหล่านั้นร่วงล่นลงมา ขณะเดียวกันก็เสาะพบหินผาก้อนยักษ์ที่ดูค่อนข้างแกร่งทน เช่นนั้นนางจึงรีบไปซ่อนตัวอยู่หลังหินผาก้อนดังกล่าวทันที และค่อยๆ ชำเลืองศีรษะเฝ้ามองภาพฉากเบื้องหน้า
ณ ใจกลางป่าหินผา มันเป็นพื้นที่ราบเรียบเปิดโล่ง ทันทีที่ได้เห็นภาพฉากการสัประยุทธ์เบื้องหน้า เซียถงถึงกับเบิกตาโดด้วยความตกใจยิ่งยวด แลเห็นว่า ไป๋หลี่หานในเวลานี้กำลังถูกกลุ่มชายสามคนล้อมกรอบ แต่ชายทั้งสามคนนั้นล้วนมีประกายแสงสีม่วงอมเงินฉาบเคลือบบนกายาสว่างไสว
ชายทั้งสามกำลังปิดล้อมโจมตีไป๋หลี่หานพร้อมกระบี่เล่มยาวในมือ ส่วนทางด้านไป๋หลี่หานกับกระบี่เล่มสีเงินดูท่ากำลังเสียเปรียบ ทำได้เพียงตั้งรับและเลี่ยงหลบการจู่โจมของชายสามคนนั้นอย่างเดียว หากสังเกตให้จงดี บริเวณแผ่นอกของเขากลายเป็นสีแดงสด เห็นได้ชัดแจ้งว่ากำลังได้รับบาดเจ็บ
คนพวกนี้เป็นกลุ่มที่เย่หลีเทียนจ้างวานมางั้นรึ? จะลงมือสังหารกันตอนนี้เลย?
เซียถงยังครุ่นคิดได้ไม่ทันไร จู่ๆ กระบี่เล่มยาวในมือชายหนึ่งก็ระเบิดคลื่นพลังสีเย็นยะเยือกออกมา พุ่งเข้าโจมตีส่วนขาของไป๋หลี่หาน ในขณะที่เหลืออีกสองคนบุกเข้าจู่โจมร่างกายส่วนบนของไป๋หลี่หาน ชายทั้งสามลงมือเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง
กระบวนโจมตีสามผสานช่างราบรื่นสมบูรณ์แบบ ไป๋หลี่หานร่ายรำกระบี่เงินในมือเข้าต้านรับการโจมตีของสองคนที่บุกเข้าส่วนบนของได้ แต่มิสามารถป้องกันอีกหนึ่งกระบวนโจมตีส่วนขา
ในยามนี้ ชายทั้งสามคนนั้นล้วนเปิดช่องโหว่หันหลังให้แก่เซียถงผู้เป็นอดีตนักฆ่า หากนางยังไม่ลอบโจมตีพวกมันในเวลานี้ แล้วจะรอจวบจนเมื่อใดกันล่ะ?
เซียถงสะบัดแขนเสื้อยาวขึ้นทีหนึ่ง เผยแสดงเข็มเงินทั้งห้าเล่มปรากฏเสร็จสรรพครบมือ นางกระโจนพุ่งพรวดออกจากหลังหินผา ยิงคมเข็มเงินทั้งห้าสาดกระจายใส่ทั้งสามด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า และในชั่วอึดใจเดียวนาง นางก็กระชับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือแน่น ดิ่งพสุธาแทงคมกระบี่เข้าใส่กลางหลังของชายคนนั้นที่โจมตีส่วนขาของไป๋หลี่หาน
ทว่าชายสามคนนั้นกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองไวกว่ามาก พวกมันหันกลับมาตบฝ่ามือสวนตอบเซียถงอย่างรวดเร็ว คลื่นกระแทกลมปราณทั้งสามสาอันบ้าคลั่ง ชักนำเศษหินดินทรายนับไม่ถ้วน อัดกระแทกเข้าหาดั่งคลื่นสมุทรลมปราณมหึมา หากเซียถงโดนเข้าไป ถึงแม้จะไม่ตายก็มิน่าอยู่ครบสามสิบสองเช่นกัน แต่ชั่วขณะอึดใจนั้น นางตัดสินใจเลือกที่จะไม่หยุดกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือ และพุ่งเข้าใส่ชายที่อยู่ใกล้สุดโดยมิลังเล ในหัวคิดแค่ว่า ถึงแม้นางจะต้องตาย แต่ก็ขอลากวิญญาณของพวกมันหนึ่งในนั้นลงขุมนรกไปด้วย!