ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 270 ทะลวงชั้นลมปราณ (2)
ตอนที่270 ทะลวงชั้นลมปราณ (2)
ตอนที่270 ทะลวงชั้นลมปราณ (2)
ร่างอรชรของหญิงสาวมีบาดแผลรอยฟันน้อยใหญ่ปกคลุมอยู่ทั่วมากมาย สัมผัสได้ถึงภัยอันตรายครั้งใหญ่หลวงอยู่เบื้องหน้า เซียถงสืบเท้าร่นถอยออกไปไม่หยุดต่อเนื่องจนท้ายที่สุดแผ่นหลังแนบชิดติดกับโขกหินผาก้อนยักษ์ ยามนี้ถึงทางตันมิสามารถถอยหลบได้อีกต่อไป
“สาวน้อย! ลงนรกไปเสีย!”
ชายคนนั้นยกกระบี่เล่มยาวในมือชูขึ้นฟ้าทันควัน คมแสงกระบี่ลมปราณสีเย็นนับไม่ถ้วน ต่างหมุนย้อนกลับไปรวมตัวกลายเป็นหนึ่ง พลังลมปราณทั้งหมดล้วนควบแน่นอยู่บนใบกระบี่เข้มข้น และฟันเข้าใส่เซียถงสุดแรงเต็มพิกัด
เซียถงที่ยืนพิงกำแพงแผ่นหลังติดแนบแน่นกับหินผา เงยมองคมกระบี่ลมปราณพิฆาตตรงหน้าที่ปราดพุ่งเข้าใส่นางด้วยความเร็วเต็มพิกัด นางใจสั่นเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สูบฉีดเลือดโลหิตทั่วกายา ไหลเวียนโคจรอย่างบ้าคลั่ง เสี้ยวพริบตาต่อมา นางรู้สึกถึงร่างกายอันร้อนรุ่มแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ และทันใดนั้นเอง มันก็ก่อเกิดกลายเป็นขุมพลังสุดแกร่งกล้าพลุ่งพล่านออกมาไม่หยุดหย่อน ทั้งหมดทั้งมวลล้วนสั่นปะทุออกมาจากเบื้องลึกสุดของร่างกาย กระแสพลังโกลาหลสุดแสนอัดฉีดเข้าใส่กระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือนางระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างต่อเนื่อง ชั่วพริบตาขณะต่อมา คมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าพลันทอแสงสว่างไสวเจิดจรัสสุดขีดจนมองสิ่งใดแทบไม่เห็น
เซียถงกระชับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือแน่นหนา เคลื่อนคมกระบี่ยาวเข้าประจัญบานสะบั้นชนกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่มีกลัวเกรงใดๆ สองคมกระบี่สุดขั้วปะทะกัน คลื่นกระแทกซัดกระจายแผ่ขยายเป็นวงกว้าง กวาดล้างสรรพสิ่งโดยรอบอันตรธานสิ้นสูญในชั่วพริบตา คมกระบี่ควบแน่นพลังลมปราณเข้มข้นเบื้องหน้าของนาง หม่นแสงประกายสว่างไสวหายไปไร้ร่องรอย กลายมาเป็นใบกระบี่เหล็กสีดำที่เย็นตัวลง
จากนั้นพลันได้ยินเสียงดังแตกร้าวดัง ‘แกร๊ก’ ใบกระบี่เหล็กสีดำถูกตัดเป็นสองเสี่ยงร่วงระนาวลงสู่พื้นดิน
ทว่ายังไม่จบเท่านั้น พลังความแกร่งกล้าของเซียถงยังคงพุ่งทะยานสูงขึ้นไม่หยุดหย่อน ร่างกายของนางเปรียบเสมือนกระแสอสนีบาตโคจรอยู่รายล้อม ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ จากที่เคยเป็นรัศมีแสงสีครามเข้ม จู่ๆ ก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีครามใสบริสุทธิ์วิบวับ โดยที่มีสีอินทนิลม่วงอ่อนเจือผสมอยู่ด้านใน
ระดับพลังลมปราณของเซียถงทะลวงขึ้นจากขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นกลาง กลายมาสู่ขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นสูงในชั่วพริบตาเดียว และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตัวนางในเวลานี้ยังคงสภาพอยู่ในขอบเขตราชันย์ม่วงครึ่งขั้นชั่วขณะหนึ่ง
ไม่ไกลนักจากจุดที่นางยืนอยู่ ไป๋หลี่หานชำเลืองสายตามองทางเซียถง แววตาเป็นประกายเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขนัก เขาตระหนักทราบดีเยี่ยม หากาสาวน้อยนางนี้ตกอยู่ในสภาวะกดดันถึงขีดสุด ย่อมจะสามารถยกระดับความแข็งแกร่งให้เพิ่มพูนสูงขึ้นได้แน่นอน
“โอ้? สาวน้อย เจ้าเลื่อนระดับชั้นแล้ว?”
ชายคนนั้นที่ต่อสู้อยู่กับเซียถง สบถขึ้นคำหนึ่ง พลางโยนกระบี่ที่หักคามือทิ้งไป สีหน้าแววตาดูโกรธเกรี้ยวจัด พร้อมหยิบกรงเล็บกระดูกขาวขึ้นมาสวมใส่แทน ระเบิดพลังลมปราณปะทุเดือดออกมา โดยที่บริเวณมือทั้งสองข้างของนางคล้ายกับมีรัศมีแสงสีเขียวจางอ่อนเจือผสมปนอยู่ จากนั้นก็พุ่งโจมตีใส่เซียถงทันที
คลื่นคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าฟันฟาด เฉือนออกไปเป็นทรงจันทร์เสี้ยว ปะทะชนกับกรงเล็บกระดูกขาวหนึ่งกระบวน ได้จังหวะตอบโต้สวนกลับ นางกระโดดขึ้นฟ้า พุ่งเข้าโจมตีจากทางอากาศใส่ชายผู้นั้น แสงเย็นส่องสะท้อนจากใบกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเจิดจ้า ทำเอาผู้คนรอบข้างมิสามารถลืมตาขึ้นมองได้ชั่วจังหวะสั้นๆ อิสตรีนางหนึ่งร่ายรำกระบี่ยาวในมือกลางห้วงเวหานภากาศ ช่างน่าทึ่งดุจเทพพระเจ้าแห่งสงคราม กระทั่งเก้านภายังมิอาจบ่อนทำลาย
ชายผู้นั้นเปลี่ยนตนเป็นปราการตั้งรับในพริบตา รีบยกกรงเล็บกระดูกขาวทั้งสองข้างขึ้นป้องกันคลื่นคมกระบี่จากฟากฟ้าที่โจมตีเข้าหา
ระหว่างนั้นเอง เซียถงพลันเหลือบสายตาไปทางไป๋หลี่หานที่กำลังพัลวันรับมืออยู่กับอีกสองคนที่เหลือจากทางไกล เห็นว่าค่อนข้างได้เปรียบก็รู้สึกใจชื่นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนางก็หันกลับมามุ่งความสนใจอยู่กับศึกตรงหน้า เตรียมเริ่มบทโจมตีระลอกต่อไป เรียวนิ้วขาวนวลประดุจหยกกระดิกเคลื่อนไหว ร่ายตราอัญเชิญสัตว์อสูร เรียกเสือดาวเมฆาดำออกมา
ระหว่างที่ชายคนนั้นใช้กรงเล็บกระดูกขาวเข้าต้านรับอยู่กับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าของเซียถงตรงหน้า ทันทีทันใด เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังเย็บวูบวาบขึ้นมา สังหรณ์ใจชักไม่ดีแล้ว และเมื่อเขาหันศีรษะมองย้อนกลับไป ก็พานพบเสือดาวเมฆาดำฉีกปากกว้างเสมือนบ่อโลหิตพุ่งกระโจนเข้าใส่
เพิ่งจะไสวตัวเคลื่อนหนีออกไปได้ชั่วครู่ แต่จู่ๆ ก็แลเห็นเสือดาวเมฆาดำอีกสี่ตนวิ่งประจัญบานเข้าใส่จากจัตุทิศ ทั้งซ้าย ขวา หน้าและหลังพร้อมเพรียงโดยมิตัวเขาเป็นจุดศูนย์กลาง เผชิญพบกับสถานการณ์กะทันหันเฉกเช่นนี้ ก็อดตกใจมิได้เช่นกัน ทำได้เพียงยกกรงเล็บกระดูกขาวในมือขึ้นป้องกันคมเขี้ยวแสนบ้าคลั่งของเสือดาวเมฆาดำทั้งห้าตนที่โรมรันพันตูเข้าใส่ มีบางจังหวะชำเลืองมองไปทางเซียถง แต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียง สายตาอันเลือดเย็นคู่หนึ่งของเซียถงเท่านั้น ซึ่งนั่นทำเอาเจ้าตัวขนลุกซาบซ่าตั้งแต่แผ่นหลังยันหนังศีรษะ
ปรากฏว่า สาวน้อยนางนี้เป็นผู้อัญเชิญสัตว์อสูร และยังสามารถเรียกฝูงเสืออสูรออกมาได้พร้อมกันถึงห้าตน! ถึงแม้ขาจะไม่รู้ว่า กลุ่มเสืออสูรพวกนี้เป็นสายพันธุ์อะไร แต่ด้วยความแข็งแกร่งและจำนวนของพวกมัน ก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาปวดเศียรอย่างหนัก
คิดกับตัวเองในใจ หากก่อนหน้าตนไม่ถูกเข็มเงินฉาบพิษของสาวน้อยนางนี้เข้าเล่นงาน ฝูงเสืออสูรเหล่านี้คงไม่คนามือเขาแน่นอน ในทางตรงข้าม ฤทธิ์ของยาพิษที่เจือปนอยู่ในร่างกาย มันทำให้ปฏิกิริยาการตอบสนองของเขาค่อยๆ เลื่องช้าลง และยิ่งเวลาผ่านไป จุดอ่อนของเจ้าตัวก็จะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
เซียถงออกคำสั่งให้เสือดาวเมฆาดำทั้งห้าประสานการโจมตีเข้าใส่ชายผู้นั้นโดยตรง และเพียงไม่นานเกินรอ อีกฝ่ายก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่น้อย ชายคนนั้นเริ่มหงุดหงิดงุ่นง่านมากขึ้นภายในใจ โบกสะบัดกรงเล็บข้างหนึ่งเสียบทะลุเข้าช่องท้องของเสือดาวเมฆาดำตนหนึ่ง เพียงกระซวกกรงเล็บออกมาก็แลเห็นหัวใจดวงเท่ากำมือที่กำลังเต้นตุบๆ ของมันหลุดติดมาด้วย
โยนหัวใจชุ่มเลือดดวงนั้นของมันทิ้งไป เขาพุ่งตัวเข้าประชิดเสือดาวเมฆาดำอีกตนหนึ่งที่อยู่ใกล้สุด และเสียบกรงเล็บทะลวงเข้าช่องท้องของมันโดยตรง พร้อมกระซวกหัวใจของมันออกมาเป็นคำรบสอง เจ้าเสือดาวเมฆาดำตนดังกล่าวส่งเสียงรเองคำรามโหยหวน ก่อนสิ้นใจมันไม่ขอตายอย่างสูญเปล่า รีดเร้นแรงเฮือกสุดท้าย ฉีกปากกว้างฝังคมเขี้ยวยาวในปากของมันกัดไปที่ข้อมือของชายคนนั้นแน่นไม่มีปล่อย
เสือดาวเมฆาดำที่เหลืออีกสามตนฉกฉวยโอกาสนี้ รุมเข้าโจมตีใส่ชายคนนั้นที่โดดตรึงการเคลื่อนไหวโดยพร้อมเพรียง ทว่าพวกมันทั้งหลายกลับถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา เมื่อเจ้าตัวระเบิดคลื่นพลังลมปราณขุมใหญ่เข้าแผดผลาญรอบกาย จากนั้นก็ใช้กรบเล็บอีกข้างเข้าตะครุบเจาะกะโหลกศีรษะของเสือดาวเมฆาดำตนนั้น ดับลมหายใจตายคาที่ ขณะที่เจ้าตัวคิดว่า ตนเองรอดตายแล้ว จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีพิฆาตสังหารสุดชั่วร้ายจากเบื้องหลัง และชั่วขณะที่กำลังเหลียวหลังหันกรงเล็บกระดูกขาวเข้าตะครุบ ก็มีคมกระบี่ยาวแทงทะลุร่างของเขาเสียแล้ว
เมื่อหันกลับไปมอง ชายคนนั้นก็แลเห็น เซียถงที่กำลังกระชับจับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเสียบทะลวงร่างของตน และทันทีที่สบสายตากับนาง เสมือนลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดหนักหน่วง โดยเฉพาะกับแววความกระหายเลือดที่ส่องสะท้อนอยู่ในแววตานั่น ยิ่งทำให้เขาหวาดผวาเข้าไปใหญ่
“จะ-เจ้า…เจ้า….”
เขายกเรียวนิ้วอันสั่นเทาขึ้นชี้ไปทางเซียถงอย่างยากลำบาก ม่านตาดำขลับหดแคบด้วยความเหลือเชื่อ ตัวเขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่า ชั่วชีวิตสุดท้ายของตนจะมาถูกสาวน้อยคนหนึ่งฆ่าทิ้งเช่นนี้
เซียถงไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบเสียด้วยซ้ำ คมกระบี่ที่ปักทะลุคาร่างตรงหน้า นางพลิกคมกระบี่ควงหมุนเป็นวงกลมไปมา เพียงเสี้ยวอึดใจต่อมา ก็ปรากฏเป็นรูโหว่สีแดงสดขนาดใหญ่ใจกลางแผ่นอกของชายคนนั้นในพริบตา
ชายคนนั้นลืมตากว้างทั้งน้ำตาแห่งความทุกข์ทรมาน กล้ามเนื้อบนใบหน้าชักกระตุกหดเกร็งจนบิดเบี้ยวผิดรูป ทิ้งท้ายด้วยเสียงกรีดร้องสุดโหยหวนอันน่าเวทนา ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของเจ้าตัวจะทรุดลงกับพื้นไป
ตั้งแต่ต้นจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เขาไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่า ตนเองจะโดนสาวน้อยผู้เป็นเพียงขอบเขาเสาหลักฟ้าฆ่าตาย
“น้องสาม…”
ชายอีกสองคนที่กำลังม่วนอยู่กับศึกสัประยุทธ์กับไป๋หลี่หาน เปล่งเสียงคำรามดังลั่น ได้เห็นน้องชายของพวกตนสิ้นใจตายอย่างทรมานป่านนี้ภายใต้คมกระบี่ของเซียถง ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้อย่างแท้จริง คิดได้ดังนั้น ทั้งสองจึงปรี่เข้าหาเซียถงด้วยความเคียดแค้นในทันใด