ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 271 ไม่เป็นก็ตาย (1)
ตอนที่ 271 ไม่เป็นก็ตาย (1)
ตอนที่ 271 ไม่เป็นก็ตาย (1)
เซียถงตีฝีเท้าหลบเลี่ยงก้าวแล้วก้าวเล่า ภายใต้รัศมีแรงกดดันอันมากโขที่กดดันคุกคาม ทำเอานางแทบหายใจหายคอไม่ออกแล้ว ในเวลานี้ ความแกร่งกล้าของชายสองคนตรงหน้า เหนือชั้นเสียยิ่งกว่าชายคนเมื่อครู่ที่ต่อสู้ด้วยหลายเท่าทวีนัก ภายในใจเริ่มบังเกิดความหวาดกลัว เหงื่อเย็นผุดซึมบนหน้าผาก เพียงชั่วเวลาสั้นๆ คมกระบี่ของหนึ่งในชายเบื้องหน้าก็ฟันผ่านแนวป้องกันของนางได้สำเร็จ สร้างบาดแผลยาวเป็นทางนอน ปาดเป็นเส้นบนแผ่นอกของนาง
“นังสารเลว! คืนชีวิตให้น้องชายข้าบัดเดี๋ยวนี้!!”
หนึ่งในนั้นเปล่งเสียงคำรามลั่นด้วยความเกรี้ยวโกรธสุดขีด ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นแววเพชฌฆาตในบัดดล รังสีสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากใบกระบี่ในมือของเขา ทำให้เซียถงหายใจติดขัดเป็นการหนัก ชั่วพริบตาต่อมา เจ้ากระบี่เล่มนั้นก็ฟันมาที่คอของเซียถง
เสียงกระแสลมชักผ่านหอบหนึ่งเสียดอากาศแหลมดัง คลื่นพลังวิญญาณแสนน่าพิศวงผนึกตัวหลอมรวมกลายมาเป็นมวลใหญ่น่าสะพรึงขวัญ อุณหภูมิโดยรอบบริเวณลดต่ำลงอย่างไร้สาเหตุ ท้องนภาและผืนธรณีเยือกแข็งในทันใด ท่ามกลางสภาพอากาศแปรปรวน เศษหินดินทรายลอยเคว้งไร้ทิศทาง ปรากฏเพียงคมกระบี่ฉาบคลื่นลมปราณเข้มข้นสั่นไสวเท่านั้นที่พุ่งตรงมาทางนาง
รูม่านตาดำเซียถงตีบเล็กเท่ารูเข็ม ทำได้แต่เหม่อมองคมกระบี่ยาวตรงหน้าที่บรรลุเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เซียถงพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว และยกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเข้ารับมือต้านทาน ทว่าเผชิญหน้ากับมวลมหาแรงกดดันปริมาณมหาศาลเพียงนี้ นางกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
นางเคยคิดมาเสมอ ถึงตอนนี้มิได้แกร่งกล้า แต่หาใช่ชนชั้นกินเจที่ใครต่อใครบีบรังแกโดยง่าย ทว่าตอนนี้กลับรู้ซึ้งว่า มันตรงกันข้าม ตัวนางช่างอ่อนแอสิ้นดี!
“ระวัง!”
ทันใดนั้นเอง คมกระบี่ที่ชักนำมวลมหาคลื่นแรงกดดันทั้งหลายพลันชะงักหยุดลงตรงหน้า มีกระบี่สีเงินยาวเข้าแทรกขัดช่วยเหลือ พอเซียถงเหลือบสายตามองด้านเคียงข้าง ก็เสาะพบทีท่าสุดตื่นตระหนกของใครบางคนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ถึงอีกฝ่ายจะสวมหน้ากากสีดำขลับปิดบัง แต่นางกลับสัมผัสได้อย่างชัดแจ้ง ภายใต้หน้ากากใบนั้น มันเก็บซ่อนแววตื่นตระหนกและกระสับกระส่ายยิ่งยวด
นัยน์ตาส่องประกายสั่นไสวกระวนกระวายไม่หยุด ทั้งความตึงเครียดและร้อนใจที่ประเดประดังเข้ามาหาตัวเขาในเวลาเดียวกัน เซียถงสามารถรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน กระทั่งเสียงจังหวะหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติของไป๋หลี่หาน นางเองก็ยังสามารถรับรู้ได้ ทำเอานางอกสั่นขวัญเสียไปอยู่มิใช่น้อย
ท่ามกลางสายลมกระโชกอย่างบ้าคลั่ง และเศษหินเศษทรายทั้งหลายที่คลุ้งตลบอบอวลประดุจหมอกควัน ต่อหน้าต่อตาของเซียถง ปรากฏร่างสูงโอบอุ้มแสงสีเงินประกายริบหรี่ยืนตระหง่านค้ำจุนอยู่ สองเท้าที่ยืนหยัดช่างหนักแน่นดุจภูเขา เข้าปิดกั้นต้านรับคลื่นพลังวิญญาณที่เข้ากวาดล้างทั้งหมดไว้ ทั้งหมดก็เพื่อปกป้องตัวนางที่อยู่เบื้องหลังให้ปลอดภัย
ในไม่ช้า มวลมหาแรงกดดันทั้งหลายที่กดทับบนร่างกายของเซียถงก็หายวับไป พอเคลื่อนสายตาจับจ้องไปยังฝ่ามือข้างที่ถือกระบี่สีเงินของอีกฝ่ายก็เห็นเลือดสีแดงสดไหลซิบเป็นทางยาว รินหยดตกกระทบพื้นดังต่อเนื่อง เห็นได้ชัดแจ้งว่า เขาสามารถใช้กระบี่สีเงินเล่มนี้สกัดกั้นคมกระบี่พิฆาตของชายทั้งสองได้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ จู่ๆ เขาก็รีบคว้าข้อมือนางด้วยแววตาตื่นตระหนก
เนื่องจากคลื่นกระแทกสุดวินาศสันตะโรเมื่อครู่ ทำให้หน้ากากส่วนล่างของไป๋หลี่หานแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นรอยเลือดที่ไหลรินออกมาจากมุมปากของนาง
“ระวังด้านหลัง!!”
เซียถงรีบหันหลังขวับส่งเสียงกรีดร้องตื่นตระหนก และด้วยเสียงของนางทำให้ไป๋หลี่หานสามารถจับทางได้ถูก และมุ่งกระบี่สีเงินในมือเหวี่ยงเข้าฟันฟาดออกไปสุดแรง
แต่นั่นก็ยังช้าเกินไปครึ่งจังหวะ คมกระบี่ของชายหนึ่งในนั้นบรรลุถึงก่อน และเสียบเข้ากลางแผ่นหลังของไป๋หลี่หานอย่างจัง ปลายกระบี่แทงทะลุโผล่ออกมาจากอีกด้าน
บัดซบ!!
ทันทีที่เห็นดังนั้น จากความตื่นตระหนกสุดขีดแปรเปลี่ยนมาเป็นความโกรธจัด เซียถงกระชับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าบีบแน่น เค้นพลังทั้งหมดระเบิดออกมาสุดขั้ว ระดับความเข้มข้นของรัศมีแสงสีม่วงที่ปกคลุมบนร่างกายของนางชักดูชัดเจนขึ้นถนัดตา หวดกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือ โถมแรงสุดชีวิตวาดรัศมีวงกระบี่สีแดงระยับ เข้าสะบั้นแท่นแขนของชายคนนั้นที่หลบโจมตีด้านหลังอย่างไร้ปรานี และในขณะเดียวกัน แลเห็นชายที่อยู่เบื้องหน้าเข้าโจมตีเป็นคำรบสอง ไป๋หลี่หานรีบจับกระบี่สีเงินจรัสเหวี่ยงโจมตีออกไปเช่นกัน คลื่นคมกระบี่สองขั้วสี ฟันฟาดออกไปโดยพร้อมเพรียงจากทิศหน้าและหลัง เข้าสะบั้นสับท่อนแขนของชายทั้งคู่จนขาดวิ่น
คล้อยหลังที่ชายสองคนนั้นถูกตัดแขนล่าถอยออกไปหลายก้าว พวกมันก็กัดฟันกรอด รีบหยิบโอสถขึ้นมาคนละเม็ดจากใต้อกเสื้อขึ้นตบเข้าปากอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เพ่งสายตาจับจ้องเซียถงและไป๋หลี่หานเขม็งแน่นหนา สีหน้าปะทุความเกลียดชังล้นเหลือ ราวกับว่าต้องการฉีกพวกนั้นเป็นชิ้นๆ
เซียถงกุมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือแน่นไม่มีคลายอ่อน ชำเลืองมองไปทางหนึ่งในชายคนนั้นที่นางเพิ่งตัดท่อนแขนของมันออกไป ยืนตั้งรับด้วยความระแวดระวังสุดขีด แผ่นหลังของนางแนบชิดติดกับชายที่อยู่ด้านหลัง แต่ทันใดนั้นเอง เซียถงพลันรู้สึกได้ว่า มีของเหลวกระแสร้อนเปียกแฉะอยู่บนเสื้อผ้าด้านหลังของนาง เหลือบหางตามุมขวาชำเลืองไปทางไป๋หลี่หานก็ถึงกับตกใจ และนางเพิ่งตระหนักได้ว่า เมื่อครู่เขาถูกคมกระบี่เล่มยาวเสียบทะลุแผ่นหลังจนพรุนอยู่รูหนึ่ง และในเวลานี้ก็มีเลือดสีแดงสดซึมไหลออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย มันมากซะจนทำเอาแผ่นหลังของนางเปียกชุ่มไปตาม
ด้วยสัญชาตญาณโดยปกติ นางหยิบเม็ดโอสถที่เก็บอยู่ในเสื้อออกมาทันที เพียงเพื่อจะส่งมอบให้อีกฝ่าย แต่ล้วงไปได้สักพัก เซียถงเพิ่งจะนึกออกว่า ตอนที่ออกมาคืนนี้ ตนมิได้พกโอสถใดๆ ติดตัวมาด้วยเลยสักเม็ด พอทราบดังนั้น นางยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่ มือข้างที่ถือกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเกินอาการสั่นเทาขึ้นเล็กน้อยโดยมิตั้งใจ
หากเขายังเลือดออกอยู่เช่นนี้ มีหวังเปลวไฟแห่งชีวิตของไป๋หลี่หานจำต้องดับหมอดในอีกไม่ช้า!
“เซียถง รีบหนีไปเร็วเข้า ข้าจะถ่วงเวลาพวกมันเอง”
ไป๋หลี่หานเอ่ยเสียงกระซิบอยู่ข้างหูเซียถง และแค่ฟังจากน้ำเสียงที่แผ่วบางปานนี้ ก็สามารถตระหนักได้ทันทีว่า แค่จะออกแรงพูดก็ยังลำบากมากแล้ว
เซียถงใจสั่นระรัวแทบเต็นไม่เป็นจังหวะแล้ว เลือดโลหิตที่ไหลเวียนในกายิ่งสูบฉีดร้อนรุ่มจนบ้าคลั่งยุ่งเหยิง สองเท้าของนางยังคงยืนหยัดไม่จากไปไหน ชำเลืองสายตามองไป๋หลี่หานที่อยู่ด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะยกคมกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือขึ้นชี้หน้าชายที่อยู่เบื้องหน้าของนาง และคำรามลั่นน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวยิ่งยวดขึ้นว่า
“หากพวกเจ้าต้องการปลิดชีพไป๋หลี่หานนักในวันนี้ เช่นนั้นก็ข้ามศพข้าไปก่อน!!”
ถึงน้ำเสียงจะมิได้ทรงพลังกังวานอะไรปานนั้น แต่ล้วนแฝงไปด้วยความแน่วแน่เด็ดขาด ไป๋หลี่หานยอมบาดเจ็บสาหัสปานนี้ก็เพื่อช่วยชีวิตนาง แล้วมีหรือที่คนอย่างนางจะทิ้งอีกฝ่ายให้ตายตรงนี้?
ผู้ใดเคยช่วยชีวิตนาง นางย่อมทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตมันผู้นั้นกลับคืน!
ชายสองคนนั้นที่ดักหน้าล่าง ต่างชะโงกศีรษะสบสายตากันไปมา จากนั้นก็ยกกระบี่ขึ้นมาด้วยมือคนละข้างที่เหลือกันอยู่ แสยะยิ้มกล่าวกับเซียถงว่า
“สาวน้อย ตอนนี้เจ้าอาการสาหัสเกินพอแล้ว ออกไปจากที่นี่เสีย พวกเราจะไว้ชีวิตปล่อยเจ้าไป เพราะอย่างไร เป้าหมายของพวกเราในวันนี้ก็คือไป๋หลี่หาน หาใช่ตัวเจ้าไม่”
เหตุผลที่กล่าวออกไปเช่นนี้ เพราะสภาพของชายทั้งสองก็หาใช่ว่าดีไปกว่ากัน พวกเขาถูกเข็มเงินฉาบพิษของเซียถงลอบโจมตีใส่ในคราแรก ส่งผลให้ปฏิกิริยาการตอบสนองของทั้งคู่ช้าลงไปมาก และหลังจากที่รับศึกกับไป๋หลี่หานสักครู่ใหญ่เมื่อก่อนหน้า ก็ยังทำให้พลังลมปราณในกายเหือดแห้งแทบไม่เหลือแล้ว นี่ยังไม่นับรวมที่ต้องแขนขาดไปคนละข้างอีก สรุปได้ว่า พิษสงของชายสองคนนี้ถูกลดทอนต่ำลงอย่างมาก
ภายใต้สถานการณ์ย่ำแย่เฉกเช่นนี้ การปล่อยให้เซียถงหนีออกจากวงสัประยุทธ์ไปสักคน นับว่าช่วยลดภาระที่พวกเขาต้องแบกรับลงมหาศาล คล้อยหลังเอาชีวิตไป๋หลี่หานได้เสร็จสรรพและรอพักฟื้นพลัง ในตอนนั้นค่อยกลับมาฆ่าเซียถงทิ้งก็ยังไม่สาย
“ไปให้พ้น! ข้าจัดการพวกมันได้!”
ไป๋หลี่หานยกมือข้างหนึ่งที่สั่นเทาขึ้น พยายามโบกปัดใส่ทางเซียถงเพื่อให้นางหนีออกไป ย่างเท้าขึ้นหน้าได้สองก้าวเพื่อเตรียมสัประยุทธ์ต่อสู้ต่อ แต่จู่ๆ ร่างของเขาก็เริ่มเอนเอียงและเซล้มไปในที่สุด
โชคยังดีที่เซียถงรีบเข้าประคองอีกฝ่ายได้ทัน แรกแย้มที่สัมผัสร่างกายของเขา นางก็ค้นพบว่า ตัวเขาเย็นราวกับน้ำแข็งจนน่ากลัว หันศีรษะขวับมองหน้าอีกฝ่ายเจือแววประหลาดใจสุดขีด แลเห็นว่าบริเวณริมฝีปากของเขาซีดเผือดกลายเป็นสีขาวปนเทา นางก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ กุมไหล่ของชายในอ้อมแขนแน่นหนา เอ่ยถามน้ำเสียงตื่นตระหนกขึ้นว่า
“เจ้าโดนวางยาพิษมางั้นรึ?”
ไป๋หลี่หานหันหน้ากลับมาส่งยิ้มให้นางทีอย่างแผ่วเบา พยายามปักกระบี่สีเงินในมือขึ้นค้ำยันพยุงร่างของตนลุกขึ้น พอทรงตัวได้แล้ว ก็ยกปลายกระบี่ยาวขึ้นชี้ใส่ชายที่อยู่ตรงหน้า เค้นเสียงหัวเราะเยาะอย่างหยิ่งผยองกล่าวว่า
“ถึงแม้ข้าจะถูกวางยาพิษ แต่ย่อมีปัญญาจัดการพวกเจ้าสองได้!”