ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 274 รอดตายจากภัยอันตราย (2)
ตอนที่274 รอดตายจากภัยอันตราย (2)
ตอนที่274 รอดตายจากภัยอันตราย (2)
“ท่านปู่ ข้าโตแล้ว อย่าเช่นนี้เลย”
หลัวซีเบี่ยงศีรษะหลบเลี่ยงฝ่ามือของชายชราอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ใบหน้าอันหล่อเหลาปกคลุมปอยผมยาวประบ่าเห่อร้อนกลายเป็นสีแดงระเรื่อ พอเห็นสถานการณ์กลับสู่ปกติสุข เขาเองก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก หากเล่นตลกกันเช่นนี้ได้แสดงว่าทุกอย่างเป็นปกติดีแล้ว
ชายชราคนนั้นชำเลืองมองไปทางเซียถง สายตหรี่คับแคบลงเล็กน้อย แต่สีหน้าการแสดงออกช่างเปี่ยมล้นไปด้วยความรักใคร่ เพียงสะบัดมือข้างขวาออกไปเบาๆ ก็มีวัตถุชิ้นหนึ่งพึ่งออกมาจากใต้แขนเสื้อยาว บินไปทางเซียถงอย่างรวดเร็ว
นางเอื้อมมือออกไปคว้ารับไว้ ปรากฏว่าเป็นจี้หยกสีขาวชิ้นหนึ่ง ที่ทั้งใสบริสุทธิ์และงดงามอย่างยิ่ง
ชายชราคนนั้นกล่าวขึ้นเสริมว่า
“สาวน้อย เมื่อใดที่เจ้าเสาะพบปัญหาก็จงบีบจี้หยกชิ้นนี้ให้แตก ตราบเท่าที่ข้าสามารถช่วยเหลือได้ ข้าย่อมไม่แล้งน้ำใจคิดตระหนี่แน่นอน”
น้ำเสียงวาจาที่เปล่งดังออกจากปากของเขาช่างเปี่ยมล้นความอบอุ่นใจ ทว่าสายตาที่จับจ้องมองมา กลับมีแต่ความโลภอยู่เต็มปรี่
เนื้อตัวเซียถงถึงกับสั่นสะท้านแข็งทื่อ ขณะที่กำลังจะปริปากตอบออกไป ทันใดนั้นนางก็ถูกร่างของชายหนึ่งชุ่มเลือดขึ้นขวางหน้า เข้าปิดกั้นแววตาที่แสนโลภมากของชายชราในบัดดล
“หากนางมีปัญหาอันใดย่อมเรียกหาข้าผู้นี้ได้ทุกเมื่อ เช่นนั้นไม่จำต้องเดือดร้อนรบกวนผู้อาวุโสแล้ว”
หลังจากที่ไป๋หลี่หานกลืนโอสถที่หลิวซูนำมาป้อนเข้าไป พิษในกายหลายส่วนต่างถูกระงับควบคุมได้แล้ว เมื่อฟื้นสติตื่นขึ้นมาก็ช่างประจวบเหมาะ เพราะนั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ได้เห็นแววตาคู่นั้นของชายชราที่จับจ้องเซียถงด้วยความโลภ เห็นดังนั้น เขาจึงรีบก้าวขึ้นหน้า ผลักนางให้หลบอยู่หลังตนทันที
พอเห็นว่าเป็นไป๋หลี่หาน ร่องรอยความประหลาดใจก็พลันเผบปรากฏขึ้นในดวงตาของชายชรา เพราะก่อนหน้านี้ เจ้าจี๋จี๋ตัวน้อยได้วิ่งมาขอความช่วยเหลือกับหลัวซี และก็เป็นหลายชายคนนี้ที่รีบพาเข้าตนมายังจุดเกิดเหตุโดยมิเจ้าจี๋จี๋เป็นผู้นำมา และทันทีที่มาถึง เขาก็เข้าโรมรันสัประยุทธ์กับชายแปลกหน้าทั้งสองโดยตรง มัวแต่ยุ่งกับการสังหารผู้คน จึงมิทันได้สังเกตว่า ชายที่นอนหมดสติอยู่เคียงข้างสาวน้อยก็คือ ไป๋หลี่หาน
เห็นไป๋หลี่หานยืนบังหน้าเซียถงอยู่เช่นนี้ ชายชราผู้นั้นก็อดหัวเราะขึ้นมิได้ ทิ้งทวนวาจาเสียดสีขึ้นบางๆ ดังว่า
“หุหุ เราชายชราคาดไม่ถึงโดยแท้ว่า ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้ไร้เทียมทานจะถูกกลุ่มคนไม่ประสงค์ดีลอบสังหาร แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ เขาผู้นั้นกลับมีเด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งแทบใช้ชีวิตเข้าเพื่อช่วยเหลือชีวิต ช่างเป็นภาพฉากที่น่าแปลกนัก!”
“หึ หึ… ข้าผู้นี้ก็ถือเป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่ง และก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่ประชาชนคนหนึ่งจะยอมแลกชีวิตเพื่อช่วยเหลือข้า”
ไป๋หลี่หานเอ่ยตอบน้ำเสียงสงบนิ่งนัก พลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นไพล่หลัง แต่เซียถงที่หลบอยู่หลังเขา ย่อมสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มือคู่นั้นของเขามีอาการสั่นเทาเล็กน้อย ถึงแม้โอสถของหลิวซูนำมาป้อนให้จะช่วยระงับพิษ แต่ภายใต้สภาพร่างกายที่อ่อนแอปานนี้ เขาก็ไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ในเวลาอันสั้น
เมื่อได้ยินวาจาแสนหยิ่งผยองดังขึ้นจากปากไป๋หลี่หาน มุมปากเซียถงถึงกับกระตุกทันที ถึงกระนั้นก็มิได้ปริปากสวนตอบอะไรกลับไป ประการที่หนึ่ง ชายชราตรงหน้าทรงพลังแกร่งกล้าเกินไป และสอง นัยสำคัญที่ซ่อนแฝงอยู่ในคำพูดของไป๋หลี่หานก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เซียถงคือคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา ก็เปรียบเสมือนกับประชาชนที่คอยมีราชาคอยปกปักษ์
และประกายสุดท้าย ในฐานะที่เป็นถึงราชาหมาป่าสวรรค์ ตัวไป๋หลี่หานเองย่อมมีศักดิ์ศรีที่ไม่ว่าใครก็มิอาจข้ามหัวกันได้!
“หึ! ถึงแม้คนอื่นจะกลัวท่าน ราชาหมาป่าสวรรค์ แต่จงจำเอาไว้ เราชายชราผู้นี้กลับมิใช่!”
ชายชราย่อมตระหนักทราบถึงความหมายในคำกล่าวของไป๋หลี่หานดีเยี่ยม สีหน้าการแสดงออกดูแปรเปลี่ยนไป หนึ่งคมสายตาที่สาดเขม็งใส่เผยแววพิโรธสะท้อนออกมา มีหรือที่คนอย่างเขาจะยอมถูกราชาหมาป่าสวรรค์ตรงหน้ากดขี่ข่มเหงกันได้โดยง่าย? ในเวลานี้อีกฝ่ายกำลังบาดเจ็บสาหัส กับแค่ลงมือสังหารฆ่าแกง มันช่างง่ายดายเสียยิ่งกว่าเหยียบมดสักตัว
ไป๋หลี่หานหาได้กลัวเกรงใดๆ ไม่ ประกายตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากดูเย็นชาถึงทันควัน ทั้งสองยืนประจันหน้าสบตาซึ่งกันและกัน ยิ่งนานเข้า ชายชราก็ชักจะมีเจตนาสังหารอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาเคยได้ยินข่าวลือมาว่า ระดับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของไป๋หลี่หานนั้นเกินหยั่งรู้ได้ คงเป็นการดีกว่าหากตัดไฟตั้งแต่ต้นลม สังหารมันทิ้งในยามที่ยังมีโอกาส
คิดได้ดังนั้น ชายชราก็ค่อยๆ ปั้นสีหน้าดุร้ายเหี้ยมเกรียม โบกสะบัดแขนเสื้อยาวขึ้นทีหนึ่ง ส่งยิ้มให้ไป๋หลี่หานพร้อมเอ่ยขึ้น
“ว่ากันว่าพลังความแกร่งกล้าของราชาหมาป่าสวรรค์เกินหยั่งรู้ถึง เช่นนั้น วันนี้สบโอกาสพอดิบพอดี เราชายชราขอลองประมือสักคราจะอันใด?”
“ท่านปู่…”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลัวซีถึงกับหน้าถอดสี รีบเอื้อมมือเข้าคว้าแขนท่านปู่ของเขาโดยไว และขณะที่กำลังจะปริปากกล่าวอะไรสักอย่างออกมาหวังเพื่อหยุดยั้ง จู่ๆ ก็พลันได้ยินเสียงร้องตะโกนดังเข้าหาทางพวกเขา
“นายท่าน!”
โม่ซวนกระโจนออกมาจากผืนป่าเคียงข้าง พร้อมกับชายชุดดำอีกจำนวนสามถึงสี่คน และเมื่อเห็นว่าสภาพของไป๋หลี่หานในเวลานี้เลวร้ายเพียงใด หนำซ้ำเนื้อตัวยังเปื้อนเลือดฉาบชโลมชุ่ม จึงรีบปรี่ตรงไปหาด้วยความร้อนใจ เสี้ยวอึดใจต่อมา พลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชายชราอันแกร่งกล้าที่ยืนประจันหน้ากับนายท่านของตนอยู่ สายตาของโม่ซวนแปรเปลี่ยนไป จับจ้องอีกฝ่ายไม่เป็นมิตรนัก
กลุ่มชายชุดดำที่โม่ซวนพามา ขุมพลังต่อสู้มิได้ต่ำต้อยใดๆ อย่างแย่ที่สุดก็มีระดับพลังอยู่ที่ขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นต้น ทั้งหมดต่างหันหน้าจับจ้องไปยังชายชราและหลัวซีเป็นตาเดียว ยกมือไม้ขึ้นกุมจับกระบี่คาดเอวเตรียมพร้อมจู่โจมได้ทุกเมื่อ
“นายท่าน! ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเองที่มาช้าเกินไป! โปรดลงโทษข้าด้วยเถิด!”
พินิจเห็นถึงอาการบาดเจ็บของไป๋หลี่หานในขณะนี้ โม่ซวนรีบคุกเข่าข้างหนึ่งกระแทกพื้นก้มศีรษะโค้งให้ สีหน้าการแสดงออกเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกผิด
“หาใช่ความผิดของเจ้า”
ไป๋หลี่หานโบกมือปัดไม่เอาความใดๆ และบอกให้โม่ซวนลุกขึ้น คล้อยหลังก็ทอดสายตาจับจ้องชายชราตรงหน้าเขม็ง
ชายชรากวาดสายตามองซ้ายทีขวาทีอยู่รอบหนึ่ง จนท้ายที่สุดไปหยุดลงที่ปลายกระบี่ของชายชุดดำคนหนึ่งที่ชักขึ้นใส่ ท่าทางการแสดงออกดู฿ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก ก่นน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ราชาหมาป่าสวรรค์ผู้ทรงสง่าเฉกท่าน กลับตอบแทนผู้ช่วยชีวิตเช่นนี้หรอกรึ?”
“ไม่ว่าแก้วแหวนเงินทองสิ่งใด ข้าผู้นี้ย่อมมอบให้ตราบที่ต้องการ!”
ไป๋หลี่หานเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่นสวนตอบทันที
“ก็ดี! เช่นนั้นเราชายชราย่อมไม่เกรงใจ! ทองคำจำนวนห้าสิบกล่อง! ส่งตรงไปยังโรงเตี้ยมเทียนหุ่ยในหน่านเฟิง!”
ชายชราระเบิดหัวเราะคึกครื้นเสียงดังลั่น ในตอนนี้พวกลูกน้องใต้บัญชาของไป๋หลี่หานมากันครบครัน เกรงว่าหมดโอกาสสังหารอีกฝ่ายทิ้งไปแล้ว และหนทางเดียวที่ยังพอทำอะไรได้ก็คือ การขูดขีดขูดเนื้ออีกฝ่าย!
“ตกลง พรุ่งนี้ข้าจะดำเนินการส่งทันที!”
ไป๋หลี่หานพยักหน้าตอบตกลงโดยไม่คิดด้วยซ้ำ
“ดี! ดี! ชื่นใจนัก!”
ชายชรายกสองมือขึ้นไพล่หลังพลางระเบิดเสียงหัวเราะกึกก้องใหญ่โข หันหลังกลับและเดินจากออกไปอย่างหยิ่งผยอง สืบเท้าก้าวได้อยู่สองสาม ก็แลเห็นว่าหลัวซียังคงยืนนิ่งอยู่ตำแหน่งเดิม เช่นนั้นเขาจึงเหลียวกลับมากล่าวกับเขาว่า
“เจ้าหลานโง่ของข้า ยังยืนหาสิ่งใด? มาได้แล้ว หรือจะยืนจนสว่างเลยดี?”
หลัวซีส่งยิ้มให้เซียถงอย่างแผ่วเบา กล่าวขึ้นว่า
“ข้าขอตัวก่อน จากนี้ไป…เจ้าต้องระวังตัวให้มาก”
เซียถงพยักหน้าตอบ ภายในใจรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย เพราะหากไม่ได้หลัวซีมาช่วย เกรงว่าวันนี้นางคงกลายเป็นศพเฝ้าป่าไปเสียแล้ว