ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 276 ข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ (2)
ตอนที่276 ข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ (2)
ตอนที่276 ข้อเสนอที่ถูกปฏิเสธ (2)
“โม่ซวน เจ้าพาองครักษ์อีกสองคน ลอบเฝ้าติดตามนางไปจนกว่าจะถึงโรงเตี้ยม ระหว่างทางนางอาจจะถูกดักโจมตีอีกก็เป็นได้”
เซียถงเดินลาลับสายตาไปสักครู่หนึ่ง ไป๋หลี่หานก็เอ่ยปากกล่าวกับโม่ซวนที่อยู่ค้างเคียง แววตาคู่นั้นถึงจะดูหยิ่งผยองแต่ยังคงเร้นแฝงร่องรอยความเป็นห่วงอยู่เบื้องลึก นางในเวลานี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก หากจิ้งจอกเฒ่าคนเมื่อครู่มันแอบดักโจมตีนางระหว่างขึ้นมา มีหวังไม่รอดแน่นอน
“นายท่าน แล้วพิษในกาย?”
โม่ซวนเอ่ยถามขึ้น ท่าทางดูวิตกกังวลมาก
“มิได้ร้ายแรงอันใดแล้ว แต่ข้าคาดไม่ถึงเลยว่า องค์ฝ่าบาทจะลอบวางยาพิษลงในจอกสุราของข้าจริงๆ หุหุ…”
เสียงหัวเราะอันแผ่วอ่อนของไป๋หลี่หาน ซ่อนแฝงไปด้วยความเย็นชาปนเศร้าหมองอยู่หนึ่งส่วน
ตัวเขาไม่เคยมีความคิดที่จะแย่งชิงบัลลังก์จากพี่ชายตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว แต่อีกฝ่ายมีเจตนาหวังจะฆ่าแกงกันให้ตายจริงๆ พอนึกได้ดังนั้น ประกายอำมหิตก็โฉบแวบสะท้อนออกจากดวงตาคู่นั้นของเขา ทว่าในไม่ช้า คลื่นความเกรี้ยวโกรธทั้งหมดทั้งมวลในจิตใจก็ถูกขจัดหายไป เขาหันมากล่าวกับโม่ซวนต่อว่า
“โม่ซวน เจ้ารีบนำกำลังคนไปเฝ้าอารักขาเซียถงโดยเร็วเถอะ”
“ขอรับ!”
โม่ซวนลังเลอยู่ชั่วครู่ ชำเลืองมองไปทางบรรดาชายชุดดำกลุ่มที่อยู่ด้านหลัง แลเห็นว่าไม่มีใครคัดค้านอะไร จึงรีบพยักหน้ารับสั่งและพากลุ่มชายชุดดำเหล่านั้นลงเขาติดตามเซียถงไปอย่างลับๆ
พอเซียถงเดินทางกลับมาถึงโรงเตี้ยม มันก็เป็นเวลายามสามกว่าแล้ว บริเวณร้านอาหารที่ชั้นหนึ่งกลายเป็นความว่างเปล่าเงียบสงัด โต๊ะริมเคียงหน้าต่างปรากฏเป็นชิงเยวี่ยที่กำลังนั่งเท้าคาง ครุ่นพินิจจินตนาการถึงอะไรสักอย่างพลางระบายยิ้มอ่อนกับตัวเองออกมาเป็นครั้งคราว
ทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็กลับมาได้สติฟื้นตัวทันควัน แหงนหน้าเงยศีรษะขึ้นมองอย่างรวดเร็ว แต่พอได้เห็นเซียถงที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดที่เริ่มแห้งเป็นสีดำแดง ทั้งยังมีบาดแผลฉกรรจ์สาหัสเต็มไปหมด ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า เขาก็รีบลุกขึ้น วิ่งตรงเข้าไปพยุงร่างสนับสนุนอีกฝ่ายให้เข้ามานั่ง เร่งเอ่ยถามด้วยความกังวลว่า
“คุณหนูเซีย! เกิดอะไรขึ้นกับท่าน?!”
เซียถงเหลือบแลสายตามองอีกฝ่ายอยู่หนึ่งปราด ตั้งใจว่าจะยกมือปาดอีกฝ่ายออกมิให้เข้าใกล้ มวลความเจ็บปวดทั้งหลายก็แผ่ซ่านกระจายไปทั่วร่าง นางถึงกับตัวกระตุกอย่างแรง เนื่องด้วยพิษบาดแผลสาหัสที่ทรมานเกินทานทน
เวลาเดียวกันนั้น ชิงเยวี่ยบังเอิญเหลือบไปเห็นบาดแผลโดนฟันเป็นทางยาวขนาดใหญ่ทั้งจากทั้งด้านหน้าและหลังเซียถง ปลายคิ้วของเขาถึงกับกระตุกอย่างแรง รู้สึกตื่นตกใจยิ่งยวด รีบเอ่ยถามขึ้นอีกคราสีหน้าเป็นกังวลทวีเท่า
“คุณหนูเซีย นี่ท่านไปทำอะไรมากันแน่? ไยอาการบาดเจ็บถึงสาหัสปานนี้?”
ภายใต้สภาพร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นนี้ การที่นางยังอุตส่าห์ลากสังขารกลับมาถึงที่นี่ได้ โดยไม่เป็นลมล้มพับไปก่อน นับว่าปาฏิหาริย์ยิ่งแล้ว
“แค่อุบัติเหตุ มิได้สำคัญไฉน!”
เซียถงส่งยิ้มขื่นให้อย่างไม่เต็มใจนัก และพยายามจะลุกขึ้นเดินขึ้นบันไดกลับห้อง
“ก็ได้ ก็ได้ ท่านไม่ต้องพูดแล้ว จากนี้ข้าพเจ้าจะพาท่านกลับไปส่งบนห้องพัก แล้วจะช่วยรักษาอาหารเบื้องต้นให้”
ชิงเยวี่ยประคองร่างยกแขนของเซียถงขึ้นพาดบ่า และเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เซียถงเองก็มิได้คัดค้านปฏิเสธใดๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายพยุงร่างพาขึ้นไปทั้งแบบนั้น เพราะนางในเวลานี้แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ อีกต่อไปแล้ว
คล้อยหลังที่พาขึ้นมาในห้องพัก ชิงเยวี่ยก็ค่อยๆ ช่วยนางพาขึ้นนอนบนเตียง พินิจมองทั่วทั้งร่างกายที่เปรอะเลือดของหญิงสาว เขาก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า
“คุณหนูเซีย ข้าพเจ้าจะรีบช่วยท่านทำแผลก่อน หากเผลอไผลล่วงเกินสิ่งใด โปรดอภัยด้วย”
เซียถงพยักหน้าตอบเบาๆ นอนแผ่แขนงแขนขาอยู่บนเตียงและหลับตาลง ในยามวิกาลเวลานี้ไม่มีใครอื่นนอกจากชิงเยวี่ยแล้วจริงๆ เช่นนั้น นางจึงทำได้เพียงปล่อยให้ชิงเยวี่ยดำเนินการปฐมพยาบาลรักษาต่อไป
คล้อยหลังได้รับคำอนุญาตยินยอมจากเซียถงแล้ว ชิงเยวี่ยจึงหยิบกรรไกรขึ้นมาและเริ่มกรีดตัดเสื้อผ้าแพรพรรณบริเวณแผ่นอกและแผ่นหลังของนางตามลำดับ ทันทีที่เสื้อผ้าชั้นนอกถูกฉีกออก ก็เผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกสีขาว ทว่ายามนี้ ชิงเยวี่ยกลับใจสั่นระรัว เต้นไม่เป็นจังหวะ นี่หาใช่เพราะเหนียมอายที่ได้เห็นเรือนร่างของอิสตรี แต่เป็นบาดแผลเหวอะหวะอันน่าสยดสยอง มันผู้ใดกันที่กล้าลงไม้ลงมือต่อหญิงสาวได้อำมหิตถึงปานนี้! จิตใจต่ำทรามที่สุด!
เขารีบดำเนินการต่อโดยไว ใช้กรรไกรกรีดลากตัดเสื้อผ้าชั้นนอกบนร่างเซียถงเป็นทางยาว เผยเห็นให้ทรวดทรงเรือนร่างอันแสนเย้ายวนสมบูรณ์แบบของอิสตรีงาม ทว่าชิงเยวี่ยในเวลานี้กลับไม่มีอามรณ์มาสันทัดใดๆ เลยสักนิด คิดแต่เพียงว่าจะรักษาอาการสาหัสของนางอย่างไรดี เขามุ่งสมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการเช็ดทำความสะอาดบาดแผลด้วยยาผง จากนั้นก็ป้อนโอสถเม็ดหนึ่งเข้าปากของนางไปโดยตรง หวังช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้คลายอ่อนลง
“นายท่านชิงเยวี่ย มีวิธีใดบ้างที่สามารถทำให้บาดแผลบนร่ากายข้าหายดีเป็นปลิดทิ้งโดยเร็วที่สุด?”
เซียถงที่นอนโทรมอยู่บนเตียงเอ่ยปากถามขึ้นคำหนึ่ง เพราะจะอย่างไร พรุ่งนี้นางมีนัดการประลอง หากอาการบาดเจ็บยังคงไม่ดีขึ้น เกรงว่าย่อมส่งผลต่อการลงแข่งแน่นอน
“คุณหนูเซีย ข้าพเจ้าขอแนะให้ท่านสละสิทธิ์การประลองในครั้งนี้ไปก่อนจะดีกว่า อาการบาดเจ็บของท่านรุนแรงเกินไปโดยเฉพาะที่แผ่นหลัง ซึ่งนี่ย่อมส่งผลต่อการลงแข่งของท่านโดยตรง และหากมิได้การรักษาและพักผ่อนที่ดีพอ ยังอาจทำให้สภาพบาดแผลย่ำแย่ไปมากกว่านี้”
ชิงเยวี่ยย่อมทราบดีว่า นางกำลังคิดอะไรอยู่ เช่นนั้นจึงกล่าวดักทางน้ำเสียงจริงจังเป็นคำตอบไปทันที
“เพราะเช่นนั้น ข้าจึงถามท่านไงว่า มีวิธีใดบ้างที่ทำให้บาดแผลหายดีโดยเร็วที่สุด? สำหรับงานประลองสี่จักรวรรดิในครั้งนี้ จักรวรรดิตงหลี่ของข้าจะต้องมิได้รั้งท้ายเหมือนทุกคราวที่ผ่านมา”
เซียถงกล่าวตอบ
ชิงเยวี่ยปั้นหน้ารวนเรอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“มี แต่วิธีนี้จะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ท่านเกินจินตนาการ!”
“ข้าไม่เคยกลัวความเจ็บปวด”
เซียถงสวนตอบทันทีโดยไม่มีลังเล
“จักรวรรดิตงหลี่ครองอันดับสุดท้ายมาเนิ่นนานมากแล้ว จะอยู่รั้งท้ายอีกสักครา ข้าพเจ้าเชื่อว่า อีกฝ่ายคงมิได้คิดมากอันใด แล้วท่านจะเอาตัวมาเสี่ยงกับเรื่องแค่นี้หรอกรึ?”
ชิงเยวี่ยพยายามกล่าวเตือนสติอีกครา คู่คิ้วขวดแน่นใส่เซียถง
“นายท่านชิงเยว่ ข้าไม่กลัวความเจ็บปวด เชิญลงมือรักษาได้!”
เซียถงเองก็นอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียงเช่นกัน อันที่จริงนางมิได้สนใจเลยว่า ฝ่าบาทแห่งตงหลี่หรือคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่ทั้งหมดก็เพื่อเงินจำนวนหนึ่งแสนเหรียญทองที่เคยตกลงกันไว้ โดยมีเงื่อนไขแค่ว่า ห้ามมิให้จักรวรรดิตงหลี่ครองอันดับโหล่อีกเป็นพอ ดังนั้นต่อให้ สภาพร่างกายต้องสาหัสกว่านี้ นางก็ต้องพยายามลุกขึ้นสู้ให้จงได้
แลเห็นอีกฝ่ายพูดกระตุ้นตนเองให้ลงมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชิงเยวี่ยจึงไม่ปริปากกล่าวห้ามอันใดอีก เขานำกล่องที่บรรจุเข็มเงินขึ้นมา และนำเข็มเล่มหนึ่งขึ้นร้อยเรียงกับเส้นด้ายเนื้อบางเบา เขาเงยหน้ากล่าวกับเซียถงว่า
“ข้าพเจ้าจะใช้เข็มเงินเย็บเนื้อท่านเข้าสมานกัน ส่วนเส้นด้ายที่ใช้ถึงจะดูดบอบบาง แต่นี่เป็นถึง เส้นโลหิตของสัตว์อสูรปราณวิญญาณ ไม่เพียงแค่จะมีความแข็งแกร่งทนทานมหาศาล แต่ยังเร้นแฝงไปด้วยพลังลมปราณของพวกมันที่ตกค้าง หากคุณหนูเซียทนได้ สิ่งนี้จะช่วยสมานผิวให้กลับมาเรียบเนียนยิ่งกว่าก่อนหน้าที่เคยมี!”
“นายท่านชิงเยวี่ย รบกวนท่านแล้ว!”
เซียถงชำเลืองมองเข็มเงินเล่มนั้นบนมือของอีกฝ่าย ลอบถอนหายใจทีหนึ่งด้วยความโล่งใจ หากบอกว่า ตัวนางไม่กลัวความเจ็บปวด นี่คงจะเป็นเรื่องโกหกน้ำตื้นๆ เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนหวาดกลัวที่จะเจ็บปวดทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือใจ แต่หากต้องบอกว่า นางจำต้องสละสิทธิ์นัดการแข่งในวันพรุ่งนี้ นี่แหละคือสิ่งที่นางหวาดกลัวยิ่งกว่า ดังนั้น ไม่ว่าการรักษานี้จะเจ็บปวดทรมานปานใด นางก็จำต้องทน!
ทีแรกนางก็คิดไปว่า สิ่งที่ชิงเยวี่ยกำลังจะสำแดงใช้ อาจเป็นเคล็ดวิชารักษาที่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ใครจะนึก มันเป็นแค่การเย็บเนื้อสดเพื่อปิดปากแผลเท่านั้น ไอ้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นตัวนางในชีวิตก่อนหน้าจนชินชาไปแล้ว บ่อยซะจนสามารถเย็บแผลสดด้วยตัวเองได้แล้วด้วยซ้ำ
ชิงเยวี่ยเตรียมเข็มเงินขึ้นพร้อม นั่งอยู่ตรงขอบเตียงและเริ่มยืดเหยียดมือเริ่มจากบาดแผลบนแผ่งหลังที่ฉกรรจ์สาหัสที่สุดก่อน สอดคมเข็มเสียบทะลุเข้าเนื้อข้างหนึ่งสอดทะลุไปยังเนื้ออีกข้างจากนั้นก็เริ่มเย็บเพื่อปิดปากแผลให้สมานติดแนบกัน บริเวณที่ผิวเนื้อถูกคมเข็มเจาะเข้าไป มันให้ความรู้สึกเจ็บแสบราวกับถูกไฟลวก