ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 277 พลังใจที่แกร่งกล้า (1)
ตอนที่277 พลังใจที่แกร่งกล้า (1)
ตอนที่277 พลังใจที่แกร่งกล้า (1)
ร่างสะดุ้งตัวกระตุกทีหนึ่ง เซียถงก่นเสียงร้องคำรนต่ำ ทำเอาชิงเยวี่ยหยุดมือฉับพลัน หันมากล่าวกับเซียถงว่า
“หากคุณหนูเซียต้องการจะให้หยุด ในเวลานี้ก็ยังทัน”
“ไม่ต้อง เย็บต่อเลย!”
เซียถงกัดฟันกรอด สบถวาจาเพียงไม่กี่คำ มีเหงื่อเย็นผุดซึมทั่วบนหน้าผาก นางยกมือขึ้นปาดเช็ดไปทีหนึ่ง
ชิงเยวี่ยชำเลืองสายตาถอดมองเจือแววเป็นห่วง โดยเฉพาะกับสีหน้าของหญิงสาวบน้ตียงที่ซีดเผือดในขณะนี้ มุ่งสมาธิกลับมาจดจ่ออยู่กับแผ่นเนื้อที่ฉีดแยกระแหง เร่งมือร้อยเส้นด้ายที่ปิดปลายเข็มเงิน ดึงกระชับให้แผ่นเนื้อทั้งสองเข้ามาแนบชิดติดสมาน ไม่นานบาดแผลฉกรรจ์เหล่านั้นก็เริ่มเข้าหลอมรวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง ไม่นานจากปากแผลฉีกเหวอะกลับกลายมาเป็นปกติดังเดิม ความเร็วในการสมานรักษาเห็นผลทันตา!
อันหนึ่งเกิดจากทักษะความชำนาญจำเพาะของผู้รักษา และสองเกิดจากประสิทธิภาพอันน่าอัศจรรย์ของเส้นด้ายที่ทำมาจากเส้นเลือดของสัตว์อสูรปราณวิญญาณ อนึ่ง วิธีนี้จะสามารถทำให้บาดแผลหายเร็วมากหลายเท่าตัว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยภาระความเจ็บปวดของผู้ป่วยที่ได้รับเป็นหลายทวีเท่าเช่นกัน และเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้เซียถงส่งเสียงร้องจนไปรบกวนสมาธิของชิงเยวี่ย เจ้าตัวจึงเสนอให้นางกัดหนอนทนเจ็บไปพราง ทว่าเซียถงกลับส่ายหัว แต่ขอสุรามาสักไหเป็นเพียงพอ
คล้ายหลังกระดกเฮือกจนหมดไหรวดเดียวเสร็จสรรพ ชิงเยวี่ยก็เร่งความเร็วเย็บเนื้อสดปิดปากแผลต่อทันที เพราะยิ่งกระบวนการรักษาดำเนินไปได้เร็วเท่าไหร่ มันยิ่งลดทอนภาระความเจ็บปวดที่นางได้รับมากขึ้นเท่านั้น และในไม่ช้า บาดแผลทั้งหมดทั่วแผ่นหลังก็ถูกสมานรักษาโดยสิ้น จะเหลือก็แค่บาดแผลบริเวณด้านหน้าก็เท่านั้น
เขาวางเข็มเงินและด้ายในมือลง เงยหน้าหันไปมองเซียถง แลเห็นว่ามีปอยผมยาวมากมายที่เปียกชุ่มเหงื่อเกาะติดรุงรังอยู่ทั่วทั้งใบหน้า ชิงเยวี่ยก็รีบคว้าผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้โดยไว
เซียถงสบสายตามองไปที่ชิงเยวี่ย ภายใต้สภาพร่างกายที่ยังไม่ฟื้นตัว ทั้งยังเพิ่งพ้นผ่านความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงมาหมาดๆ ส่งผลให้ตัวนางในเวลานี้ปราศจากเรี่ยวแรงที่จะทำอันใดอื่นแล้ว จึงปล่อยให้อีกฝ่ายยกมือยกไม้เช็ดหน้าต่อไป ทำได้เพียงส่งยิ้มบางแขวนประดับใบหน้าซีดเซียว
เหม่อมองร่างกายที่สั่นเทิ่มเล็กน้อยของหญิงสาวตรงหน้า ภายในใจชิงเยวี่ยมีแต่ความชื่นชมอยู่เปี่ยมล้น เพราะเขาเองก็เคยหยิบใช้วิธีนี้ตั้งหลายต่อหลายครั้งกับบรรดาทหารศึกในค่าย ทว่าแทบจะไม่มีชายคนใดเลยที่จะสามารถกัดฟันทนการรักษาตลอดรอดฝั่ง บ้างถึงกับลงไปเกลือกกลิ้งอยู่กับพื้น บางคนกรีดร้องลั่นจนเสียงหลง มีเพียงส่วนน้อยจริงๆ ที่จะปิดปากเงียบกริบได้แบบเซียถง อย่างมากก็แค่มีอาการตัวกระตุกเล็กน้อยตามสัญชาตญาณเมื่อร่างกายได้รับความเจ็บปวด
และนี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้พบกับสตรีเพศที่แข็งแกร่งปานนี้
สาวน้อยนางหนึ่งกลับมีความอดทนอดกลั้นเสียยิ่งกว่ายอดนักรบเหี้ยมเจนศึก สิ่งนี้ทำเอาเขาอดตะลึงมิได้จริงๆ
ร่องรอยจุดด่างดำทั้งหลายบนใบหน้าถูกผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ปาดชำระจนหมดเกลี้ยง เผยให้เห็นเป็นผิวเนียนละเอียดอ่อนสีขาวนวลประดุจหิมะ อาจเพิ่งเช็ดไปได้ครึ่งหน้า ส่งผลให้อีกครึ่งหนึ่งถูกปิดปลบด้วยความน่าเกลียดอัปลักษณ์ แต่เพียงครึ่งหน้าก็งดงามไม่แพ้ใครแล้ว
ปรากฏว่าเป็นนางจริงๆ! จุดด่างดำบนใบหน้าทั้งหมดเป็นของปลอมที่นางแต่งแต้มขึ้นมาเองทั้งสิ้น!
“นายท่านชิงเยวี่ย ขอบคุณท่านมาก!”
เซียถงกล่าวพร้อมกับเอนหลังพิงพักตรงหัวเตียง แต่พอผ่านไปสักพัก ยังไม่ได้ยินชิงเยวี่ยปริปากตอบอะไรใดๆ นางก็เพิ่งตระหนักได้ว่า บรรยายกาศในเวลานี้ไฉนถึงดูแปลกไป? ทันใดนั้นเอง นางถึงกับเบิกตากว้างตะลึงงัน เหลือบสายตาไปเห็นร่องจุดด่างดำที่ถูกปาดล้างออกไปบนผ้าเช็ดหน้าในมืออีกฝ่าย นางรีบกยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้า หันขวับไปทางชิงเยวี่ยและเอ่ยเรียกอีกคราว่า
“นายท่านชิงเยวี่ย!”
ชิงเยวี่ยสะดุ้งตื่นเพิ่งได้สติกลับมา คำแรกที่ร้องอุทานตื่นตระหนกขึ้นก็คือ
“ที่แท้ท่านก็คือหญิงสาวในวันนั้นจริงๆ!”
“เฮ้ออ… เอาล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เช่นนั้นก็รบกวนให้นายท่านชิงเยวี่ยโปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับด้วย!”
ตอนที่อีกฝ่ายเช็ดหน้าเช็ดตาให้ข้าก็ดันลืมไปสนิท ในเวลานี้กลับสายเกินกว่าจะมาเสียใจย้อนหลัง ดังนั้นเซียถงจึงเอ่ยปากสารภาพกับชิงเยวี่ยไปตามตรง
“น่าเสียดายยิ่งนัก ที่ต้องให้ใบหน้างดงามปานนี้ต้องถูกจุดด่างดำปิดถม”
ชิงเยวี่ยถอดถอนหายใจเสียงบางเบา และยกมือเช็ดหน้าเช็ดตาของเซียถงต่อไป แต่ในคราวนี้ มือข้างนั้นของเขาเริ่มมีอาการสั่นเล็กน้อย
“หุหุ นายท่านชิงเยวี่ยมิเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า สวรรค์ฟ้าอิจฉาโฉมงามหรอกรึ? รูปโฉมที่สวยจนเกินไปอาจนำพาสู่ปัญหาไม่รู้จบ ดั่งบุปผาที่สีสันโดดเด่นมักถูกผู้คนหมายปองเด็ดชม”
เซียถงยิ้มตอบไปประโยคหนึ่งไม่สั่นไม่ยาว พลังความอข็งแกร่งในกายของนางยังไม่ฟื้นตัวใดๆ ส่งผลให้นางยังรู้สึกอ่อนเพลีย นางเงยหน้ามองชิงเยวี่ยเล็กน้อย เอ่ยขึ้นต่อเบาๆ ว่า
“นายท่านชิงเยวี่ย โปรดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้ข้าด้วย”
ชิงเยวี่ยที่กำลังก้มศีรษะอยู่ เมื่อเงยแหงนขึ้นมองก็ค้นพบว่า ใบหน้าระหว่างตนกับเซียถงอยู่ใกล้ชิดกันมาก ลมหายใจแสนนุ่มนวลของอิสตรีงามพ่นสัมผัสใบหน้าของเขา เวลานี้พลันใจสั่นระรัวเต้นไม่เป็นจังหวะไปเสียดื้อๆ มือข้างนั้นที่ถือผ้าเช็ดหน้าค่อยๆ เลื่อนไหลลงมาตามรูปแก้มของเซียถง ทำความสะอาดร่องรอยจุดด่างดำทั้งหมดทั่วใบหน้า เผยให้เห็นความงดงามที่สมบูรณ์แบบต่อหน้าต่อตา
ชิงเยวี่ยตกสู่ภวังค์ไปชั่วขณะ เฉพาะยามนี้เท่านั้นที่เขาได้ตระหนักรู้ว่า หญิงสาวคนนี้ที่อยู่เบื้องหน้าแท้จริงแล้ว นางสวยเพียงใด ความงดงามใดเล่าสามารถล้มล้างอิสตรีนางนี้ได้อีกบนผืนพิภพ? นัยน์ตาใสสะอาดเหนือราคีคู่นั้นจ้องเขม็งสบกับตาแน่นหนา ริมฝีปากสีอมชมพูแสนละเอียดอ่อนขบเข้าหากันอย่างแผ่วเบา พลางยกเรียวมือหยกขาวขึ้นปาดเม็ดเหงื่อใสพิสุทธิ์ดุจเม็ดมณีบนหน้าผาก
ได้เห็นโฉมงามถล่มเมืองถ่องแท้ต่อหน้า ในหัวสมองของชิงเยวี่ยพลันขาวโพลน หลงลืมทุกสรรพสิ่งใดจนหมดสิ้นไปทั่วชณะหนึ่ง สิ่งเดียวที่รู้สึกได้คือ ริมฝีปากสีอมชมพูดนั้นช่างเย้ายวนเกินหักห้ามอธิบาย คิดได้ดังนั้น เขาก็ค่อยๆ กดศีรษะขลับเข้าไปแนบชิดกับอีกฝ่าย หวังประทับกดริมฝีปากของตนจุมพิต
“นายท่านชิงเยวี่ย!”
ทันทีทันใด เสียงดังชัดแจ่มแจ้งของหญิงสาวก็ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ความลุ่มหลงในพริบตา
ชิงเยวี่ยสะดุ้งเฮือกได้สติรีบผละตัวเองออกห่างจากอีกฝ่ายหนึ่งคืบทันที เบิกตากว้างจับจ้องท่าทางการแสดงออกของเซียถงที่จับจ้องมาทางตนเองด้วยความประหลาดใจ เขาระบายยิ้มบางส่งให้ไปทีหนึ่ง ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดปลายจมูกอันแสนบอบบางของนาง และกล่าวเสียงแผ่วอ่อนขึ้นว่า
“ปลายจมูกของเจ้ายังมีคราบเลือดติดอยู่ เดี๋ยวข้าพเจ้าเช็ดให้เอง”
เซียถงมิได้เอ่ยกล่าวใดๆ เพียงเม้มปากอวบอิ่มสีอมชมพูดของตนบางๆ จับจ้องไปยังชิงเยวี่ยแวบหนึ่ง สิ่งแรกที่พบเห็นคือ ผิวแก้มบนใบหน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่าย คล้ายแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ นางเอียงศีรษะเล็กน้อยทำท่าทำทางดูครุ่นคิด
“ข้าพเจ้าขอสัญญาจะไม่แพร่งพรายความลับนี้แก่ใครทั้งสิ้น!”
คล้อยหลังเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของเซียถงเรียบร้อย ชิงเยวี่ยก็ลุกขึ้นจากขอบเตียงและกล่าวกับนาง
“ขอบคุณมาก”
เซียถงส่งยิ้มให้เขาทีหนึ่ง
ด้วยรอยยิ้มนี้ เสมือนบรรยากาศรอบตัวกลายเป็นความหวานฉ่ำ ชิงเยวี่ยจิตใจไขว้เขวอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตั้งสติได้อีกครั้ง และหันไปเก็บข้าวของที่ใช้รักษาลงในกล่อง
“คุณหนูเซียพักผ่อนเถิด ข้าพเจ้าขอตัว”
ชิงเยวี่ยส่งเสียงกล่าวพลางบรรจงเรียงเก็บเข็มเงินกลับเข้ากระเป๋าไป
อันที่จริงแล้ว เซียถงยังมีบาดแผลอีกสองสามจุดใหญ่ๆ บริเวณส่วนหน้าอกที่ต้องทำการรักษา เดิมทีชิงเยวี่ยต้องการอาสาช่วยทำความสะอาดเบื้องต้นให้ แต่พอตอนนี้ได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของนาง เขาก็สูญเสียความกล้าทั้งหมดไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งเป็นบาดแผลบริเวณหน้าอกด้วย… เขากลัวว่า ตนจะรู้สึกประหม่าจนมือไม้สั่นทำต่อไม่ไหว และอาจทำให้นางเจ็บได้
“นายท่านชิง ข้าขอเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลส่วนหนึ่งไว้กับตนก่อนได้หรือไม่? ตั้งใจว่าจะทำล้างแผลบริเวณหน้าอกอีกสักครู่”
เซียถงกลับไปเอนกายนอนพักผ่อนบนเตียง เอ่ยถามออกมาตามที่ชิงเยวี่ยพินิจคิดเอาไว้ไม่มีผิด ถึงแม้นางจะมิได้สนใจเรื่องระหว่างหนุ่มสาว แต่จะให้ชิงเยวี่ยช่วยรักษาบาดแผลบริเวณใกล้เนินอกขนาดนี้ นางเองก็อดที่จะรู้สึกอึดอัดมิได้เช่นกัน
“ท่านจะล้างแผลเองรึ?”
ชิงเยวี่ยหันไปถามเจือทีท่าลังเล แววความกังวลส่องสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น เขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อว่า
“เช่นนั้นข้าพเจ้าจะวานให้อวี๋เอ๋อร์มาช่วยล้างแผลดีหรือไม่?”
“ไม่เป็นไร นายท่านชิงเยวี่ยเพียงทิ้งอุปกรณ์ล้างแผลที่จำเป็นบางส่วนให้ข้าเป็นพอ แต่จะว่าไปแล้ว…ทิ้งเข็มเงินกับเส้นเลือดสัตว์อสูรปราณวิญญาณสักชุดด้วยจะดีมาก”
เซียถงส่ายหัวปฏิเสธทันที ยิ่งมีคนรู้ถึงความลับเรื่องรูปโฉมที่แท้จริงของนางน้อยเท่าไหร่ นี่ก็ยิ่งเป็นผลดีกับตัวนางมากขึ้นเท่านั้น