ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 278 พลังใจที่แกร่งกล้า (2)
ตอนที่278 พลังใจที่แกร่งกล้า (2)
ตอนที่278 พลังใจที่แกร่งกล้า (2)
“ท่านคิดจะเย็บแผลสดที่หน้าอกด้วยตัวเอง?”
ชิงเยวี่ยถึงกับอ้าปากค้าง เบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ เพิ่งได้สัมผัสกับประสบการณ์ความเจ็บปวดในการถูกเย็บแผลสดด้วยตัวเองมาหมาดๆ ทว่าตอนนี้ นางไม่เพียงจะแขยงวิธีดังกล่าว แต่ยังต้องการทำด้วยตนเอง? นี่นางไม่กลัวเจ็บจริงๆ หรือ? ร่างกายของนางทำมาจากอะไรกันแน่?
“อันที่จริง ข้าเคยเย็บแผลสดด้วยตัวเองมาแล้ว นายท่านชิงเยวี่ย รบกวนท่านช่วยไปซื้อสมุนไพรให้หน่อยได้หรือไม่?”
เซียถงยกมือขึ้นพยุงตัวเองเปลี่ยนเป็นท่านั่งบนเตียง แล้วค่อยดึงผ้าห่มผืนบางจากบริเวณต้นขาขึ้นมาปิดคลุม
ชิงเยวี่ยมองหน้าเซียถง ภายในใจอดชื่นชมหญิงแกร่งนางนี้มิได้จริงๆ เซียถงเปรียบเสมือนคนเหล็กไปแล้วในสายตาของเขา ความคิดฟุ้งซ่านที่ก่อตัวขึ้นภายในดวงใจของเขาอันตรธานหายไปโดยสิ้นเชิง เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น กล่าวว่า
“คุณหนูเซีย ก่อนจะวานให้ข้าพเจ้าไปซื้อสมุนไพรจากข้างนอก รบกวนดูสมุนไพรรอบห้องของข้าก่อนสักครา ว่ามีชนิดที่ต้องการบ้างหรือไม่? หากไม่มีจริงๆ ยามนั้นค่อยข้าพเจ้าออกไปซื้อให้”
เซียถงได้ยินเช่นนั้นก็นึกแปลกใจ และลองกวาดสายตามองรอบห้องโดยไว ก่อนที่จะเพิ่งค้นพบว่า รูปแบบการตกแต่งห้องมันแตกต่างไปจากเคยโดยสิ้นเชิง ปรากฏว่าที่แห่งนี้มิใช่ห้องพักของตัวนางเอง แต่เป็นห้องพักส่วนตัวของชิงเยวี่ยต่างหาก!
ฟังว่ามีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเข้าออกในห้องของเขาได้ เพราะภายในที่แห่งนี้เปรียบเสมือนแหล่งสะสมสมุนไพรล้ำค่ามากมาย ต้องเป็นคนที่ชิงเยวี่ยสนิทชิดเชื้อและไว้ใจได้จริงๆ เท่านั้นถึงจะได้รับอนุญาต
หลังจากได้ยินดังนั้น เซียถงก็กวาดสายตามองอยู่สองสามรอบ ก่อนจะชี้นิ้วไปยังสมุนไพรตัวที่ต้องการ แล้วนางค่อยวานให้ชิงเยวี่ยออกไปซื้อสมุนไพรที่ขาดเหลืออีกสักชนิดสองชนิด เสียงประตูปิดสนิท อีกฝ่ายออกไปจากตัวห้อง
เห็นชิงเยวี่ยจากไปดังนั้น เซียถงก็สื่อจิตเรียกหลิวซูออกมา
“บัดซบ! คราวนี้ข้าเกือบตายของจริง! รู้ทั้งรู้ว่าสู้เขาไม่ได้ก็ยังจะฝืน! หากข้าตายขึ้นมาจะทำยังไง…”
ทันทีที่หลิวซูปรากฏกาย มันก็ยกนิ้วชี้ด่าเซียถงฉอดๆ
อย่างไรเสีย เมื่อได้เห็นบาดแผลบนร่างกายของเซียถง เสียงของมันพลันหยุดชะงักกะทันหัน สีหน้าแววตาถูกแทนที่ด้วยความกังวลหลายส่วน เอ่ยว่า
“เจ้า…เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”
“ก็เจียนตายอยู่”
เซียถงก่นเสียงเย็นตอบ ปลายวาจาติดแววขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย
“น่าเสียดายนัก คงจะดีกว่าหากเจ้าตายไป เพราะข้าจะได้เป็นอิสระเสียที”
หลิวซูยักไหล่ปั้นหน้าเสียดาย ถึงจะอย่างไร แม้ว่าวาจาคำพูดของมันจะดูโหดร้ายไร้ไมตรี ทว่ามันก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูสะอาดผืนหนึ่งและตลับใส่ผงยาบนโต๊ะขึ้นมา แล้วเดินตรงไปหาเซียถง
“นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”
เซียถงชำเลืองมองไปที่ตลับผงยาในมือของมัน
“ก็เจ้ามิได้เรียกข้าออกมาให้ช่วยทำแผลหรอกรึ?”
หลิวซูกลอกตามองบนใส่ไปทีหนึ่ง สบถสวนตอบอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
ที่แท้ก็เป็นดังคาดจริงๆ ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกของหลิวซูจะเป็นชาย แต่แก่นแท้ของมันยังไงก็คือ จิตวิญญาณแห่งกระบี่ ดังนั้น จิตใต้สำนึกของมันจึงมิได้ตระหนักถึงเรื่องเพศชายหรือหญิงเลย การให้มันช่วยทำแผล คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ
เซียถงระบายยิ้มอ่อนแต่ไม่พูด เขยือบตัวนั่งอยู่ข้างเตียง และปล่อยให้หลิวซูปลดเสื้อผ้าของนางตามอิสระ
พอได้เห็นบาดแผลฉกรรจ์แบบเต็มๆ บริเวณหน้าอกของเซียถง หลิวซูถึงกับขมวดคิ้วถักแน่น พลางบ่นขึ้นว่า
“ข้าไม่เคยเห็นใครสู้ตายไปข้างเหมือนเจ้าสักครา ทำราวกับว่านี่หาใช่ร่างกายของเจ้า แต่เป็นของคนอื่นจึงมิได้รู้สึกหวนแหนใดๆ”
ขณะที่มันเอ่ยปากบ่น หลิวซูก็นำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นในกะลามัง เช็ดทำความสะอาดคาบเลือดบริเวณหน้าอกให้เซียถง ทุกอากัปกิริยาเคลื่อนไหวของมันช่างเบามือเหลือเกิน ราวกับกลัวว่าจะเผลอทำให้เซียถงรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาได้ คล้อยหลังเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อย หลิวซูก็หยิบตลับผงยาขึ้นมา แต่ชั่วขณะเดียวกัน กลับถูกเซียถงหยุดเอาไว้เสียก่อน
เพราะนี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เรียกหลิวซูออกมา กับแค่เช็ดทำความสะอาดบาดแผล นางย่อมทำด้วยตัวเองได้สบายมาก เหตุผลหลักก็คือ นางอยากให้หลิวซูช่วยลงมือเย็บแผลสดที่หน้าอกเท่านั้น เนื่องด้วย เวลานี้ฤทธิ์สุราที่นางกระดกดื่มไปเริ่มอ่อนลงมาก สติสัมปชัญญะเริ่มกลับมาครบถ้วน จึงเริ่มไม่มั่นใจแล้วเช่นกันว่าจะลงมือเย็บเองจนจบได้
คิดได้ดังนั้นก็พลันเศร้าสร้อย หากมีวอดก้าดีๆ สักขวด นางคงลงมือเย็บเองไปนานแล้ว
“เส้นเลือดของสัตว์อสูรปราณวิญญาณ?”
หลิวซูหยิบเข็มเงินเล่มยาวขึ้นมา ใช้สองนิ้วคีบบีบปลายเส้นด้ายบางสอดเข้าใส่และผูกปมติดเข้าหากัน คู่คิ้วของมันยังขมวดแน่นไม่คลายอ่อน เงยหน้ากล่าวกับเซียถงอีกคราว่า
“นี่คงเป็นอะไรที่เจ็บมาก ทนไหวกระมัง?”
“หยุดพูดไร้สาระแล้วลงมือซะ!”
เซียถงกัดฟันดังกรอด ส่งเสียงเล็ดลอดออกมาคำโต
หลิวซูพยักหน้าพร้อมยกเข็มเงินร้อยด้ายขึ้นมา ใช้มือข้างซ้ายที่ว่างอยู่กดที่บาดแผลฉกรรจ์บนหน้าอกของเซียถง และออกแรงบีบให้เนื้อทั้งสองฝั่งติดแนบเข้าหากัน จากนั้นก็เริ่มเคลื่อนคมเข็มเงินที่มือข้างขวา ปักทะลุเจาะเข้าเนื้อสดเพื่อเย็บแผลให้สมานติด ชั่วอึดใจนั้น ร่างกายของเซียถงสั่นสะท้านหนักหน่วงถึงทรวงใน รีบยกมือไปคว้าหมอนมากัด หลับตาปี๋ด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
หลิวซูเห็นดังนั้นก็รีบเร่งมือเย็บแผล พยายามดำเนินการให้ผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด
“หลิวซู หากข้าหมดสติไป เจ้าห้ามหยุดมือเด็ดขาด เย็บแผลนี้เสร็จยังมีแผลบริเวณหน้าท้องที่ใหญ่ไม่ต่าง เจ้าต้องเย็บมันให้หมด!”
เซียถงหันไปสั่งหลิวซู วาจาน้ำเสียงเจ็บปวดสาหัสแทบขาดใจ กระทั่งสีหน้า ริมฝีปากยังดูซีดเผือดราวกับแผ่นกระดาษขาวไปหมด
สภาพร่างกายของนางในปัจจุบันยังไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะทนทานต่อภาระความเจ็บปวดรุนแรงปานนี้ได้ หลิวซูชำเลืองหางตา เคลื่อนขยับจิตสัมผัสไปจับจังหวะลมหายใจของเซียถงอย่างลับๆ เมื่อเห็นว่าจังหวะลมหายใจของนางยังคงที่ อาการมิได้วิกฤติถึงชีวิต เช่นนั้นมันจึงลงมือเย็บแผลต่อทันที
ตลอดคืนนั้น เซียถงรู้สึกถึงแต่ความมึนงงปนเจ็บระทมดั่งภวังค์ความมึนเมาและเลือนราง กระทั่งตัวนางยังฝันถึงอสรพิษยักษ์ขนาดมหึมากำลังบีบรัดร่างกายของนางไว้ และทุกๆ เสี้ยวนิ้วที่เคลื่อนขยับโอบรัดให้แน่นขึ้น นางก็พร้อมขาดใจตายได้ทุกเมื่อ
ต่อมา นางรู้สึกได้ว่า ตัวเองกำลังถูกแช่อยู่ในอ่างน้ำอุ่น กระแสน้ำอรชรสัมผัสนุ่มนวลเข้าชโลมผิวหนังทั่วกายา กระแสความเจ็บปวดทั้งหลายที่แผ่ซ่านค่อยๆ อันตรธานหายไป ขุมพลังความแข็งแกร่งที่หดหายเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาทีละเล็กละน้อย
เซียถงหยิบใช้กำลังที่ฟื้นคืน พยายามเปิดเปลือกตาลืมขึ้น และได้ค้นพบว่า ตนเองในเวลานี้กำลังนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำจริงๆ
“เจ้าตื่นแล้วรึ? โชคดีปานใดแล้วที่เจ้าไม่ขาดใจตายไประหว่างเย็บแผล”
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมอง เซียถงแลเห็นดวงตาสีแดงเปรียบดั่งมณีทับทิมคู่หนึ่งที่แนบชิดติดใกล้อย่างมาก ประกายแสงที่เปล่งปลั่งสะท้อนออกมาช่างสวยงามน่าหลงใหล
พอเซียถงเลื่อนสายตามองลงมา ก็พลันเห็นเรือนร่างที่โป๊เปลือยของตนในอ่าง แถมยังมีเจ้าหลิวซูนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขา มันโน้มตัวเอนศีรษะเข้าใกล้ชิดใกล้ คร่อมร่างของนางอยู่แบบนั้น สภาพการณ์ในเวลานี้ ดูอย่างไรก็สองแง่สองง่ามเป็นอย่างยิ่ง นางยกกำปั้น โขกมะเหงกใส่หัวหลิวซูไปตุบใหญ่โดยไว