ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 28 ล้วนแต่ประณีตบรรจง
ตอนที่28 ล้วนแต่ประณีตบรรจง
คุ้มค่าแล้วที่คราวนี้เป็นแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วออกโรงมาเอง อะไรหลายสิ่งอย่างจะได้ง่ายขึ้นไปอีก เซียถงพยักหน้าแก่ตนเองลับๆ
“เสนาบดีเซี่ย รูปโฉมของบุตรสาวของข้านั้นสำคัญยิ่งกว่าชีวิตนางเสียอีก ทว่าบุตรสาวของท่านกลับสร้างรอยเชือดคมมีดถึงสองแผลฉกรรจ์บนใบหน้าบุตรสาวข้า ไหนเลยจิตวจบุตรสาวของท่านถึงได้เหี้ยมโหดปานนี้?”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วจ้องเซี่ยอี้เฉินที่ออกโรงมารับหน้าตาเขม็ง สีหน้าเต็มเปี่ยมความอาฆาต แม้จางเสวี่ยหรงจะมิใช่ผลกำเนิดจากภรรยาเอก แต่ด้วยพรสวรรค์ความสามารถ จึงทำให้นางกลายมาเป็นบุตรวสาวคนโปรดปรานได้ไม่ยาก
เมื่อไม่กี่วันก่อน พอได้เห็นแผลสดเป็นรอยคมมีดกรีดลึกบนใบหน้าของบุตรสาว เพลิงโทสะในใจปะทุเดือดดาล หากแต่เป็นเพราะ เสวี่ยหรงได้รับบาดเจ็บระหว่างการประลอง เขาจึงไม่สามารถหาข้อโต้แย้งเอาผิดอะไรได้ แต่ก็ยังคิดหาวิธีแก้แค้นพวกจวนเสนาบดีอย่างลับๆ เช่นกัน พอมาวันนี้ ไป๋หลี่เย่เดินทางมาเยี่ยมเยือนเขาถึงจวนแม่ทัพ ทั้งยังกล่าวยั่วยุเพิ่มชนวนไฟต่างๆ นาๆ และยังมีทิ้งท้ายอีกว่า หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นหลังจากนี้ ในฐานะองค์รัชทยาท เขาจะให้ความช่วยเหลือแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วอย่างเต็มที่ ส่งผลให้ แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วนำกำลังทัพเข้าพบเซี่ยอี้เฉิน เพื่อชำระหนี้แค้นนี้โดยเฉพาะ
“แม่ทัพจาง รุ่มร้อนไปจะมีประโยชน์อันใด? เชิญเข้ามาพูดคุยปรับความเข้าใจกันก่อนดีกว่า นี่คือชาชั้นเยี่ยม! ข้ารินมาเตรียมให้ท่านแล้ว เชิญดื่ม! เชิญดื่ม!”
เซี่ยอี้เฉินรีบหยิบชาถ้วยหนึ่งที่เพิ่งชงเสร็จสดๆ ร้อนๆ มามอบให้แก่แม่ทัพจางเจ้งกั๋วตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้างแสนเป็นมิตร อากัปกิริยาเปี่ยมล้นความสุภาพนอบน้อม
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วหยิบชาถ้วยนั้นขึ้นมา และจู่ๆ ก็ยกขึ้นสาดใส่หน้าเซี่ยอี้เฉินที่กำลังยิ้มแย้มทั้งแบบนั้น ก่นเสียงเย็นขานตอบวาจาแข็งกระด้างยิ่งว่า
“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อริมจิบชา! แต่ข้ามาที่นี่เพื่อมอบสองทางเลือก! จะลากบุตรสาวของท่านออกมาเองให้ข้าสั่งสอน หรือจะให้ข้าทำลายจวนของเจ้าให้มอดไหม้!”
ถูกชาร้อนสาดใส่หน้าเข้าเต็มเป้า เซี่ยอี้เฉินรีบยกแขนเสื้อขึ้นมาปัดป้อง ปาดเช็ดล้างใบหน้า ช่างแสบสันยิ่งแล้ว
ลดแขนเสื้อลงคราวนี้ สีหน้าการแสดงออกของเซี่ยอี้เฉินแปรเปลี่ยนไปจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เสมือนถูกชาร้อนล้างความเป็นมิตร ถูกแทนที่ด้วยความโกรธพิโรธ แต่จะอย่างไร ต่อหน้าเขาที่ต้องเผชิญเป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งจักรวรรดิ รู้สึกไม่พอใจเพียงใด สุดท้ายจำใจต้องระงับความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดลง พยายามปั้นยิ้มฝืนคลี่ออกมา กล่าวว่า
“แม่ทัพจาง ข้าจะลงโทษลูกสาวของข้าเอง และขอสัญญาเลยว่าจะไม่มีการลำเอียงใดๆ แต่ท่านก็พึงทราบด้วยเช่นกัน คมดาบกลับไม่มีตา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนสนามประลองล้วนเป็นอุบัติเหตุทั้งสิ้น”
“หื้ม? แต่ข้าได้ยินมาว่า บุตรสาวของท่านมีโฉมหน้าอัปลักษณ์ และนางก็อิจฉาในรูปลักษณ์ความงามของบุตรสาวข้ามาโดยตลอด พอมีโอกาส ข้าเชื่ออย่างยิ่งว่า บุตรสาวของท่านกระทำลงไปล้วนด้วยความจงใจ เอาล่ะ หากเจ้ายังไม่ส่งตัวบุตรสาวของท่านมา เช่นนั้นข้าแม่ทัพผู้นี้ขอวิสาสะบุกเข้าจวนเสนาบดีแล้ว”
เสียงลมหายใจพ่นดังออกจากโพล่งจมูกดังฮึมฮัม โบกฝ่ามือหนายักษ์เป็นสัญญาณให้นายทหารนับหลายสิบนายที่เตรียมพร้อมอยู่ด้านหลัง เตรียมเคลื่อนพลบุก
ภาพฉากที่นายทหารทั้งหมดชักดาบคมกระบี่ออกมาโดยพร้อมเพรียง มันได้สร้างแรงกดดันอันหนักอึ้ง กดทับลงบนหัวใจของทุกคนในจวนเสนาบดี
ผู้คนทั้งหลายในจวนเสนาบดี เผยสีหน้าซีดเผือด หวาดกลัวสุดขีด เพียงกระพือปีกยกมือสั่งการครั้งเดียว เหล่าทหารใต้บัญชาทั้งมวลก็สามารถสังหารผู้ใดที่เข้าขวางได้ในพริบตา
เซี่ยอี้เฉินเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว เขาหันขวับจับจ้องแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วตาเขม็ง คำรามลั่นปลายเสียงสั่นเทาว่า
“เจ้า…นี่เจ้ากล้า?! ข้าเป็นถึงหนึ่งในเสนาบดีที่ฝ่าบาททรงวางพระทัยเลือกสรรเข้าราชสำนัก! หรือเจ้าจะไม่เกรงกลัวฝ่าบาทเรียกเข้าเฝ้าตำหนิติเตียน?”
“เซี่ยถงทำให้บุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่เสียโฉม ยังไงเสียเรื่องนี้ ท่านพ่อของข้าก็ควรต้องทราบเช่นกัน เพียงแต่พอถึงตอนนั้น เกรงว่ากลับเป็นเสนาบดีเซี่ยเองมากกว่าที่โดนติเตียน ขนาดลูกตัวเองยังสอนไม่รู้จักฟัง แล้วท่านจะไปให้คำแนะนำอะไรฝ่าบาทเพื่อใช้ในการบริหารจักรวรรดิเราได้?”
ในเวลานั้นเอง ไป๋หลี่เย่ที่ยืนเงียบอยู่ข้างกายแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วมาโดยตลอด ก็ลุกขึ้นฮือ ชี้หน้าคำรามลั่นกึกก้อง ทั้งยังกล่าวประชดประชันทิ้งท้ายอีกว่า
“เกรงว่าตำแหน่งเสนาบดีคงถึงวาระต้องเปลี่ยนแล้วกระมัง?”
ภาพจินตนาการที่เซี่ยอี้เฉินกำลังสวมชุดอัครเสนาบดีพังทลายลงในพริบตา เมื่อได้ยินที่ไป๋หลี่เย่กล่าวออกไปแบบนั้น ในเหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าหนักหนาสาหัส กระทั่งองค์รัชทยาทยังยืนกราน ออกหน้าแทนแม่ทัพจางเจิ้งกั๋วปานนี้ หากเขายังไม่ส่งตัวเซียถงไปให้ เกรงว่าผลลัพธ์คงมีแต่จุดจบอันน่าสยดสยอง!
พอคิดได้เช่นนั้น เสื้อผ้าทั่วทั้งร่างของเซี่ยอี้เฉินพลันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นชโลม เขารีบหันขวับ ต้องการเรียกใครสักคนเพื่อให้ไปตามเซียถงมาที่นี่โดยทันที
แต่ทันทีที่เขาหันศีรษะเหลียวหลังมองออกไป ก็พลันสบกับสายตาอันเย็นยะเยือกคู่หนึ่งเสมือนธารนภูเขาน้ำแข็ง เซี่ยถงยืนพิงอยู่ตรงมุมประตูโถงใหญ่รออยู่แล้ว
เหตุผลที่นางไม่คิดจะปรากฏตัวออกมาตั้งแต่แรก เป็นเพราะนางอยากจะเห็นว่า เซี่ยอี้เฉินจะตัดสินใจกับเรื่องนี้อย่างไร?
“นางอยู่นั่น! นางอยู่นั้น!”
ฮูหยินรองเฉิงที่ก่อนหน้านี้ แอบไปหลบอยู่มุมเสาด้วยความหวาดกลัว ทันทีทันใดก็รีบชี้นิ้วใส่เซียถง แหกปากตะโกนเสียงดังลั่น เซียถงมิอยากจะเหลือบหางตามองสตรีขี้ขลาดนางนี้เท่าไหร่นัก เพียงวางสายตาลงบนบาดแผลบนคออีกฝ่ายเล็กน้อย มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ ฮูหยินรองเฉิงรีบหดหัวขดตัวกลับไปอยู่มุมเสาที่เดิม
“ข้าเองที่ทำให้จางเสวี่ยหรงเสียโฉม ทุกคมมีดที่กรีดแทงลงไป ข้าล้วนแต่ประณีตบรรจงและตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง”
เซี่ยถงย่างสามขุมตรงเข้ามาหยุดอยู่ใจกลางสถานที่เกิดเหตุ สายตาเฉี่ยวคมประดุจวิหคเพลิงสาดตรงเข้าใส่แม่ทัพจางเจิ้งกั๋ว ดูลึกล้ำปราศจากความเกรงกลัวใด เปล่งเสียงดังฟังชัดปราศจากความประหม่าหวาดหวั่น
“แต่ทั้งหมดมีเหตุเกิดจากที่บุตรสาวของท่านมีเจตนาจะสังหารข้าก่อน”
“หากบุตรสาวของข้าสังหารเจ้าทิ้งได้ แล้วใบหน้าของนางจะถูกเจ้าทำลายจนเสียโฉมเช่นนี้หรือไม่?”
แม่ทัพจางเจิ้นกั๋วหรี่ตาจับจ้องเซียถง คู่คิ้วขมวดถักหนา แววความรังเกียจและเกลียดชังยิ่งปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ บนใบหน้าของเขา
“เพียงเพราะว่าใบหน้าตนเองอัปลักษณ์ จึงคิดอิจฉาหญิงสาวนางอื่นไปทั่ว? ช่างน่าสมเพชสิ้นดี!”
ใช่แล้ว ไม่เพียงแค่ใบหน้าของหญิงสาวนางนี้เท่านั้นที่อัปลักษณ์ แต่จิตใจของนางก็ยังน่าสมเพชอย่างยิ่ง! ทั้งที่รู้ว่า สำหรับสตรีเพศแล้ว ใบหน้าสำคัญเพียงใด แต่ก็ยังเลือกที่จะฆ่ากันทั้งเป็นโดยทำให้เสียโฉม
“ดูเหมือนว่า ท่านแม่ทัพคงอยากเอาชีวิตข้ามากเลยกระมัง?”
เซี่ยถงเชิดหน้าเงยขึ้นสบตากับแม่ทัพจางเจิ้นกั๋ว ร่องรอยความเยียบเย็นสาดสะท้อนผ่านแววตาของนาง
หากเจ้าต้องการเอาชีวิตข้า เช่นนั้นแล้วก็อย่าตำหนิเสียแล้วกันว่าข้าไม่สุภาพ
แม่ทัพสาดประกายตาเข้าเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยไม่เกรงกลัว แต่จู่ๆ คล้ายบังเกิดความเหน็บหนาวจับขั้วกระดูก ผ่านอณูผิวหนังลามไปถึงหนังศีรษะจนลุกซู่ว เฉพาะเวลานี้เท่านั้น เขาตระหนักได้ทันทีว่า หาใช่เพราะใบหน้าที่น่าเกลียดที่ทำให้เขาหวั่นเกรง แต่เป็นสายตาคู่เย็นยะเยือกนั่นต่างหาก ที่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านขวัญเสีย
“แม่ทัพจาง สำหรับสตรีเดรัจฉานตัวนี้ ข้าขอแนะนำให้ท่านพาตัวนางกลับไปยังวังหลวง เพื่อนำไปไต่สวนต่อไปโดยละเอียด”
แม่ทัพจางเจิ้งกั๋วยังไม่ทันได้พูดอะไร กลับกลายเป็นไป๋หลี่เย่ที่อยู่เคียงข้าง ก้าวย่างออกมา ขณะแผดเสียงวาจาออกมา สายตาของเขาที่จับจ้องเซียถง มันเปี่ยมล้นไปด้วยแววความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจ ดั่งคนชั้นฟ้าที่เหลือบสายตามองสัตว์เดินดิน