ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 281 ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ (1)
ตอนที่281 ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ (1)
ตอนที่281 ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ (1)
กลีบบุปผาสีชมพูปลิดปลิวว่องฟ้าอากาศ ร่างหนึ่งเหินทะยานร่อนเวหาตรงเข้าทางนางอย่างชดช้อยสำราญอารมณ์ ด้วยท่วงท่าสง่าราศีนี้ ได้เรียกเสียงกรีดร้องของบรรดาหญิงสาวจากร้านอาหารชั้นล่างอึกทึกครึกโครม
เซียถงยกอกแผ่นอกเอนกายพิงพักขอบประตูเล็กน้อย ทอดสายตาจับจ้องร่างหนึ่งที่ทะยานเหาะประดับเคียงกลีบบุปผาทั้งหลาย ก่อนจะร่องลงต่อหน้านาง เห็นเป็นเช่นนี้ก็ทำเอานางอดหัวเราะมิได้ ทุกครั้งที่เจ้าหมอนี่ปรากฏกาย ต้องเล่นใหญ่เสียทุกครั้งเลย?
“เจ้าดูแข็งแรงขึ้นเยอะแล้ว? ทีแรกก็คิดไปว่า เจ้าอาจต้องนอนโทรมติดเตียงอีกหลายวัน”
หลัวซีร่อนลงตรงหน้าประตูห้องพักของเซียถง กล่าวคำวาจาหนึ่งพร้อมรอยยิ้ม
ซึ่งรอยยิ้มนี้ช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ทำเอาผืนพิภพแห่งนี้ดูสวยงามน่าเชยชมไปชั่วขณะหนึ่ง มิอาจทราบได้เลยว่า ด้วยสายตาและรอยยิ้มพิฆาตใจเฉกเช่นนี้ มันสามารถพิชิตดวงใจของอิสตรีไปแล้วกี่นางต่อกี่นางบ้าง
เซียถงเหล่มองอยู่สักครู่ แลเห็นชายหนุ่มหน้าหยกกลิ่นตัวหอมหวนเดินเข้ามาใกล้ นางระบายยิ้มบางปรากฏขึ้นบนมุมปากและกล่าวขึ้นว่า
“ข้ามิได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิด”
“ข้ามิเคยคิดว่าตัวเจ้านั้นอ่อนแอ”
หลัวซียิ้มตอบกลับไปทันควัน พลางยกฝีเท้าก้าวย่างผ่านร่างของนางเข้าไปในห้องโดยตรง
เซียถงเหลือบซ้ายเฝ้ามองชายหนุ่มที่มิได้รับเชิญเข้าห้องพักของตนโดยไม่ขออนุญาตแม้นสักคำ เห็นดังนั้นนางถึงกับส่ายหัว ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ระหว่างเขากับนางสนิทชิดเชื้อกันปานนี้? หลังจากที่ได้รู้จักกันจริงๆ ไม่นาน เขาก็สามารถเข้าห้องของนางได้หน้าตาเฉยปานนี้เชียว? แถมยังต่อหน้าต่อตาทุกคนที่กำลังมองมาด้วย?
ถึงกับยักไหล่ไปทีหนึ่งอย่างช่วยมิได้ ขณะที่เซียถงกำลังหมุนตัวกลับไปเอ่ยปากเรียกอีกฝ่าย ทันใดนั้นเอง นางพลันสัมผัสได้ถึงสายตาคู่คมกริบที่กดทับจับจ้องนางแน่นหนาจากชั้นล่าง กระทั่งยังไม่เห็นว่าเป็นใคร แต่กลับทำเอาเซียถงถึงกับเสียวสันหลังวูบ เย็นสะท้านจับหนังศีรษะเฉียบพลัน ทำเอานางอดใจหันกลับไปมองมิได้ว่าเป็นผู้ใด และทันทีที่หันหน้าไปมองก็พบว่า ไป๋หลี่หานกำลังมองนางอยู่ที่มุมบันไดชั้นล่าง
เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ วันนี้มาในชุดสีดำทมิฬ ห้วงอากาศรอบตัวคล้ายกับมีเกลียวคลื่นพลังงานบางอย่างอันน่าสะพรึงควงโคจร กอปรกับสายตาคู่เย็นชายิ่งเสริมความน่าเกรงขามสะพรึงขวัญเป็นเท่าตัว
ตาคู่นั้นที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีดำขลับจำประตัว เซียถงที่เข้าสบสายตาปะทะดำดิ่งลงไป เสมือนนางตกอยู่ในหุบเขาน้ำแข็งพันปี แต่ที่น่าแปลกคือ ลึกลงไปในแววตานั้นกลับเสาะพบเปลวไฟที่กำลังปะทุเดือดอยู่ ความเย็นชาผสมรวมกับความเร้าร้อนจากเปลวไฟในแววตาที่ลุกโชนกลับเข้ากันได้อย่างน่าประหลาด ทำเอาเซียถงคาดเดาได้ทันทีว่า สีหน้าของอีกฝ่ายที่เร้นซ่อนอยู่ใต้หน้ากากกำลังเป็นอย่างไร มีเพียงครั้งนี้ที่นางมองแค่ปราดเดียวก็อ่านสีหน้าอีกฝ่ายออก
เขากำลังโกรธ…แถมยังโกรธจัดด้วย แต่ทำไมถึงต้องโกรธกันล่ะ? เพียงเพราะว่านางปฏิเสธไม่รับสมุนไพรของเขา? หรือเป็นเพราะหลัวซีเข้ามาในห้องพักของนาง?
เซียถงเลิกคิ้วสงสัย เอียงศีรษะใช้หางตาลอบมองอีกสักที ยิ่งทำให้นางได้เห็นรังสีจิตสังหารแผ่ซ่านจากในดวงตาภายใต้หน้ากากของไป๋หลี่หานชัดเจนยิ่งขึ้น
ไม่ว่าใครจะเข้ามาในห้องพักก็เป็นเรื่องของนาง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา?
ไป๋หลี่หานสังเกตเห็นสีหน้าฉงนงุนงงของเซียถงดังนั้น ถึงกับรีบเร่งระงับความโกรธเกรี้ยวภายในใจลงทันใด และรู้สึกเก้อเขินมิใช่น้อยที่ปล่อยให้นางต้องมาเห็นเขาในเวลาแบบนี้
แต่มันก็น่าหงุดหงิดใจเสียเหลือเกิน ไฉนเขาถึงถูกขับไล่ไสส่งออกมา? ในขณะที่เจ้าหนุ่มหน้าหวานคนนั้นกลับได้เข้าห้องของนางไปอย่างง่ายดาย?
ไป๋หลี่หานทอดสายตามองเซียถงอย่างไม่มีลดละ ยิ่งเวลาผ่านไปสายตาคู่นั้นก็เริ่มดูจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นเปรี้ยวเหม็นความอิจฉาเริ่มส่งกลิ่นหึ่งออกมาจากรอบตัวเขา กระทั่งโม่ซวนที่อยู่เคียงข้างยังสัมผัสได้อย่างชัดเจน และเริ่มวิตกจริงๆ แล้วว่า นายท่านของเขาอาจเดือดจัดจนถึงขั้นลงมือลงไม้กันที่นี่
“นายท่าน…”
ก้าวย่างเดินหน้าไปทีหนึ่ง โม่ซวนกำลังจะพูดเกลี้ยกล่อมให้นายท่านของเขาใจเย็นลง แต่ทันใดนั้นเอง…
“นี่ เซียถง รีบเข้ามาในห้องเร็ว ข้ามีของดีมาฝากเจ้า!”
ขณะเดียวกัน สุ้มเสียงของหลัวซีก็เปล่งดังขึ้นจากภายในห้อง มือข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้าแขนของเซียถง ลากกลับเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงปิดประตูดังปัง
ไป๋หลี่หานที่เห็นดังนั้น สีหน้าการแสดงออกยิ่งดูมืดทมิฬเป็นทวีเท่า โดยเฉพาะสายตาคู่นั้นที่ดำสนิทคล้ายกับมีพลังงานชั่วร้ายอบอวลเปี่ยมแน่นอยู่ภายใน เพียงชั่วอึดใจต่อมา คลื่นกระแทกระลอกใหญ่กวาดล้างพัดกระจายไปทั่วทุกทิศทางรอบตัว ชายเสื้อมคลุมยาวสีทมิฬโหมกระพือรุนแรง เงาร่างของเขาทะยานขึ้นไปยังห้องพักของเซียถงในทันที
โม่ซวนใจหายวาบ ทั้งรู้สึกตื่นตระหนกและตกใจในเวลาเดียวกัน เขาไม่เคยเห็นนายท่านของตนแสดงอาการเช่นนี้ให้เห็นมาก่อนสักครั้ง แต่พอเห็นแบบนี้เข้า ถึงกับร้องตะโกนเรียกหาเสียงดังลั่นด้วยความไม่สบายใจยิ่งยวด
“นายท่าน!!”
พิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายของนายท่านยังขับทิ้งออกมาไม่หมดจดดี และยิ่งอารมณ์รุ่มร้อนหงุดหงิดเช่นนี้กลับไม่เป็นผลดีต่อสภาพร่างกายเลย
ก่อนที่ไป๋หลี่หานจะเปิดประตูเข้าห้องพักของเซียถงไป โม่ซวนรีบเหาะทะยานติดตามโดยไว เอ่ยกระซิบเสียงต่ำกับอีกฝ่ายว่า
“นายท่าน ใจเย็นก่อน! พวกคนในร้านอาหารตั้งมากกำลังมองท่านอยู่!”
ทว่าไป๋หลี่หานกลับหาได้สนใจไม่เลย เอื้อมมือเตรียมจะเปิดประตูห้องเซียถงเข้าไป
ภายในห้อง หลัวซีหยิบโอสถเม็ดหนึ่งออกมาจากใต้แขนเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง เสมือนเจ้าสิ่งนี้เป็นสมบัติล้ำค่า และค่อยๆ ประคองมอบให้แก่เซียถง
“นี่เป็นโอสถที่ข้าขอมาจากท่านปู่ สรรพคุณช่วยเสริมสร้างพลังลมปราณให้แกร่งกล้าขึ้นภายในเวลาอันสั้น เหมาะสำหรับตัวเจ้าในเวลานี้ที่สุด รีบกลืนโอสถเม็ดนี้แล้วบำเพ็ญตบะต่อโดยเร็ว พรุ่งนี้เจ้าจะได้ลงประลองได้เต็มที่”
เซียถงก้าวถอยไปทีหนึ่ง ไม่ค่อยคุ้นชินนักกับทีท่าอันสนิทสนมปานนี้ แต่เมื่อก้มดูโอสถเม็ดนั้นบนฝ่ามือของหลัวซี นางก็ตกใจไม่น้อย และเอ่ยถามขึ้นว่า
“ท่านปู่ของเจ้าเป็นนักหลอมโอสถกระมัง?”
“ถูกต้อง เขาอยู่ในระดับชั้นเซียนโอสถ”
หลัวซียิ้มตอบอย่างภาคภูมิใจ ทั้งยังพยายามส่งโอสถเม็ดสีเหลืองอำพันบริสุทธิ์ต่อหน้าเซียถง
“นี่เป็นสิ่งที่ข้าและท่านปู่ต้องการจะมอบแก่เจ้า”
“ไม่เป็นไร อาการบาดเจ็บของข้าเกือบจะหายดีเป็นปกติแล้ว”
เซียถงผลักมือของหลัวซีออกห่างไปเบาๆ พร้อมร่นฝีเท้าถอยห่างออกไปก้าวหนึ่ง นางไม่ค่อยคุ้นชินกับการมีปฏิสัมผัสกับผู้คนเท่าไหร่นัก ซึ่งการที่อีกฝ่ายจับมือจับไม้นางถึงขนาดนี้ มันก็เกินระยะที่นางจะรู้สึกปลอดภัยมากพอแล้ว
“รับไปเถอะ บางทีเจ้าอาจจำต้องใช้ในสักวัน”
หลัวซีอดใจคว้ามืออีกฝ่ายและยัดโอสถลงในกำมือลงไปมิได้
แต่ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ประตูห้องที่อยู่ด้านหลังของทั้งสองก็ถูกลมปราณระลอกใหญ่อัดกระแทกจนพังลงมา เซียถงสะดุ้งเฮือกตกใจไปชั่วขณะ รีบเหลียวศีรษะมองย้อนกลับไปทันที ก็พบไป๋หลี่หานที่กำลังยืนอยู่นอกประตูพร้อมกับสายตาที่โกรธเกรี้ยวจัดจ้าน บนประตูไม้บานนั้นที่พังถล่มลงมาปรากฏรอยแตกแขนงนับไม่ถ้วนเสมือนใยแมงมุม เห็นแล้วรู้สึกสงสารแทนเจ้าประตูมันจริงๆ
เกิดอะไรขึ้น? ไฉนเขาถึงต้องพังประตูเข้ามา?
เซียถงชำเลืองมองประตูไม้บานนั้นที่พังถล่มลงมาบนพื้น ตัดสลับจับจ้องไปที่ไป๋หลี่หาน ยามนี้นางเริ่มมีน้ำโห่กับเขาบ้างแล้ว จึงก่นน้ำเสียงเย็นชืดเอ่ยถามขึ้นว่า
“มิทราบว่าท่านราชาหมาป่าสวรรค์มีเหตุใดถึงต้องพังประตูเข้ามา?”
“เหตุที่ข้ามายืนอยู่ตรงนี้ก็ง่ายมาก ทำไมถึงมีผู้ลงประลองจากจักรวรรดิหน่านเฟิงอยู่ในห้องพักของผู้ลงประลองจากฝ่ายตงหลี่ของข้า?”
ไป๋หลี่หานชำเลืองสายตาไปยังมือของเซียถงที่กำลังถูกหลัวซีกุมจับไว้อยู่ รัศมีเย็นยะเยือกยิ่งแผ่ซ่านจากร่างกายของเขารุนแรงมากขึ้นกว่าก่อนหน้าทันที ท่ามกลางห้วงอากาศเริ่มควบแน่นหนักอึ้งเข้ากดทับ บรรยากาศดูเลวร้ายลงจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
โม่ซวนรีบเดินติดตามอยู่ท้ายหลังเข้ามา สีหน้าการแสดงออกเผยให้เห็นถึงแววความไม่สบายใจชัดแจ้ง สิ่งแรกที่รู้สึกละลายเลยก็คือ กิริยามารยาทอันหยาบโลนของนายท่านตนเอง
“เอาล่ะ ในเมื่อท่านเห็นแล้วว่ามันไม่มีอะไร เช่นนั้นโปรดออกไป!”
เซียถงชักมือที่หลัวซีกุมจับกลับเข้ามา เปล่งเสียงเย็นชากล่าวไล่ไป๋หลี่หานออกไปทันที
ไป๋หลี่หานสังเกตเห็นไอความเย็นชาที่เผยปรากฏอยู่บนใบหน้าของเซียถง ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจเกินบรรยายยิ่งแล้ว เพราะเมื่อครู่ ทีตอนอยู่กับเจ้าหนุ่มหน้าหวานนั่น นางกลับยิ้มแย้มสดใส แต่พอเห็นหน้าของเขาเท่านั้นแหละ กลับบูดบึ้งเย็นชาราวกับก้นเด็กปวดอึ นี่มันไม่สองมาตรฐานเกินไปหน่อยรึ? หากว่ากันตามตรง ข้าก็หล่อไม่แพ้เจ้าเด็กหน้าหวานนี่แน่นอน!