ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 282 ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ (2)
ตอนที่ 282 ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ (2)
ตอนที่ 282 ความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจ (2)
ชิดตาเซียถงแขม็งแน่นหนาอย่างชิดใกล้ เขาย่างสามขุมตรงเข้าหานางทีละก้าวแช่มช้า ก่นน้ำเสียงเย็นแผดดังขึ้นว่า
“คงแทบจะรอไม่ไหวเลยกระมัง? ที่ต้องการไล่ตะเพิดข้าออกไป? นี่พวกเจ้าสองคนกำลังคุยอะไรอยู่กันแน่? หรือเป็นไปได้ไหมว่า…กำลังวางแผนลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่อยู่?”
“นายท่าน!!”
โม่ซวนตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า นายท่าฟนของตนจะพูดจาไร้สาระเช่นนี้ออกมาจากปากจริงๆ!
“ข้าน่ะรึ? วางแผนอะไรต่ำทรามปานนั้น?”
เซียถงเลิกคิ้วมองไปทีหนึ่ง สีหน้าการแสดงออกของนางในเวลานี้ฉาบเคลือบไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ช่างเป็นเรื่องตลกที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมาก็มิผิด ที่จู่ๆ ก็มีคนกล่าวหาว่า นางกับหลัวซีกำลังจับกลุ่มหารือเรื่องแผนการลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ หรือสมองของไป๋หลี่หานจะโดนพิษบ่อนทำลายจนไม่เหลือแล้ว?
ไม่ก็เพราะว่า นางปฏิเสธข้อเสนออภิเษกสมรสเมื่อวานนี้? ปัจจุบันจึงคิดจะแก้แค้นเอาคืน?
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ เมื่อคืนวาน เซียถงพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อช่วยเหลือชีวิตท่าน แต่วันนี้ท่านกลับหาเรื่องใส่ความให้นางถูกประหาร? มิทราบว่าตัวท่านยังพอมีจิตสำนึกหลงเหลืออยู่บ้างรึไหม? หรือโยนให้สุนัขจรกินไปหมดแล้ว!”
หลัวซีชักจะเริ่มรู้สึกหงุดหงิดแล้วเช่นกัน เมื่อได้ยินคำพูดใส่ความอันไร้สาระของไป๋หลี่หาน เขาสืบเท้าก้าวออกมาบังหน้าเซียถงในทันที เข้าประจันหน้าสบตากับไป๋หลี่หานอย่างโกรธเกรี้ยว
ไป๋หลี่หานแววตาเป็นประกายสว่างไสวขึ้นอีกครั้ง พึงจะคืนสตินึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนวาน เซียถงแทบจะใช้ชีวิตแลกชีวิตเพื่อช่วยเขา เปลวไฟโทสะที่ร้อนรุ่มในใจพลันสงบลงหลายส่วน ลืมตามองร่างทั้งสองที่ยืนประจันอยู่เบื้องหน้า เห็นหลัวซีเดินขึ้นมาบังเซียถงให้หลบอยู่หลัง ร่างของทั้งสองคนนั้นแทบติดแนบชิดกัน กลับเป็นตัวเขาเองที่เห็นภาพฉากเช่นนั้นแล้วรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
แรงลมกระเพื่อมหนึ่งระลอก ไป๋หลี่หานสะบัดแขนเสื้อยาว สบสายตาเข้าปะทะกับหลัวซีที่อยู่ต่อหน้า ก่นเสียงเย็นกล่าวขึ้นว่า
“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใคร? ถึงหาญกล้าพูดจาเช่นนี้กับข้าได้? รีบออกไปจากห้องเซียถงบัดเดี๋ยวนี้”
“ข้ายังมีธุระที่ต้องพูดคุยกับนาง กลับเป็นท่านที่มารบกวน!”
หลัวซีดึงเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งที่อยู่ข้างเคียงมานั่งทั้งแบบนั้น ยกมือทั้งสองข้างขึ้นกอดอก ส่งสายตายั่วยุใส่ไป๋หลี่หานอย่างไม่มีทีท่าเกรงกลัวใดๆ
ชายคนนี้ช่างไร้แก่นสารและโง่เง่า หากทราบว่าราชาหมาป่าสวรรค์ที่ลือเลื่องเป็นคนเช่นนี้ ข้าคงไม่ไปช่วยเหลือตั้งแต่แรก!
“ที่นี่คือห้องพักของข้า หาใช่ท่านที่มีอภิสิทธิ์ขับไล่ผู้คนตามใจชอบ!”
เซียถงเริ่มพับแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้นทันทีเตรียมจะออกแรงใช้กำลัง เลิกคิ้วกระตุกขึ้นมองไป๋หลี่หานด้วยสีหน้าแววตาชักจะไม่พอใจรุนแรง เจ้าหมอนี่มันกล้าดียังไง พังประตูเข้ามาเพื่อหาเรื่องก่อปัญหา?
หากรู้เช่นนี้ ข้าคงไม่เข้าช่วยเหลือมันเมื่อคืนแน่นอน
ความคิดความเห็น ณ ปัจจุบันที่มีต่อไป๋หลี่หานของเซียถงค่อนข้างคล้ายคลึงกับหลัวซีมาก และหากไป๋หลี่หานรู้ว่า พวกเขาทั้งคู่กำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ เกรงว่าเจ้าตัวคงมีกระอักเลือดคำโตแน่นอน
ไป๋หลี่หลี่หานเหล่สายตาเหลือบมอง รีดเค้นรัศมีแรงกดดันอันทรงพลังขุมใหญ่แผ่ซ่านออกมาทันที รัศมีแรงกดดันปริมาณมหาศาลเข้าปกคลุมทั่วห้องในพริบตาต่อมา ทำเอาทั้งเซียถงและหลัวซีเหงื่อตกกันอย่างหนัก พยายามเร่งเร้าพลังเข้าต้านรับสุดกำลัง
ไป๋หลี่หานยกมือขึ้นวางบนไหล่ของหลัวซีเบาๆ ปริปากกล่าวอย่างใจเย็นว่า
“เจ้าหนู อย่าให้ข้าผู้นี้ได้พบเจอเจ้าอีกในห้องของนาง”
หลัวซีกัดฟันกรอดฝืนรัศมีแรงกดดันที่เข้ากดขี่ ทั้งยังรีดเร้นพลังลมปราณขนานใหญ่ หลอมผนึกกลายเป็นเกราะลมปราณชั้นหนาเข้าห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ เพื่อลดแรงเสียดทานที่กดขี่มิให้หายใจลำบากไปมากกว่านี้ ในขณะเดียวกัน ก็ลอบหยิบใช้กุหลาบเหล็กไหลประจำกายเลื่อนลงมาจากใต้แขนเสื้อ เข้ากระชับจับแน่นในมือ สายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องไป๋หลี่หานกัดไม่ปล่อย พลางแอบระดมสั่งสมพลังไว้ในมือข้างดังกล่าว
“เจ้าหาใช่คู่ต่อสู้ของข้าไม่ ต่อให้ข้าบาดเจ็บสาหัสก็ตาม!”
ชำเลืองสายตาเพียงหนึ่งปราด ไป๋หลี่หานก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่า หลัวซีตั้งใจจะทำอะไร เสี้ยวอึดใจประกายไฟโฉบแลบ เขาก็คว้ามือข้างที่กุหลาบเหล็กไหลของหลัวซีออกมาได้อย่างง่ายดาย และโยนทิ้งพื้นไปด้านหนึ่งไป
แต่แน่นอน ศัตรูอยู่ต่อหน้าระยะเผาขนปานนี้ หลัวซีย่อมไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ พลังลมปราณที่ระดมสั่งสมในมือข้างนั้นยังไม่หายไปไหน เขาแปรสภาพลมปราณหลอมผนึกกลายเป็นหมึกเหล็กและชกออกไปสุดแรงเกิด
อย่างไรเสีย ภายใต้รัศมีแรงกดดันอันทรงพลังสุดแสนของไป๋หลี่หาน หลัวซีแทบจะไม่สามารถทำอันตรายต่อหน้าเขาได้เลย เพียงสบเข้ากับสายตาที่เฉียบคมประดุจคมกระบี่ ก็เสมือนถูกทิ่มแทงเข้าสู่ส่วนของก้นบึ้งจิตวิญญาณ
เฉพาะชั่วเวลาดังกล่าว หลัวซีตระหนักได้ชัดแจ้งดีเยี่ยม เขาไม่มีทางเอาชนะชายคนนี้ได้เลยแม้สักนิด แต่ด้วยความหุนหันพลันแล่นก็ดี อารมณ์เลือดร้อนของวัยหนุ่มก็ดี ทำให้เจ้าตัวไม่ยอมแพ้โดยง่าย กระดิกนิ้วเรียก กลีบกุหลาบที่ตกพื้นขึ้นควบคุม และกลีบกุหลาบสีแดงโลหิตทั้งหลายเหล่านั้นก็พุ่งโจมตีใส่ไป๋หลี่หานด้วยความเร็วประดุจสายฟ้า
ไป๋หลี่หานเพียงกระตุกเชิดยิ้มที่มุมปากเบาๆ เพียงใช้สองนิ้วคีบเกี่ยว หยุดการโจมตีของกลีบกุหลาบสีแดงโลหิตเหล่านั้นได้โดยง่าย สองนิ้วที่คีบหนีบดังกล่าวของเขาประดุจคีมเหล็กกล้า พันธนาการกระบวนเคลื่อนไหวของพวกมันได้อย่างสมบูรณ์
กลีบกุหลาบสีแดงโลหิตพยายามกระเสือกกระสนแกว่งขยับไปมาบนนิ้วของไป๋หลี่หาน กลายมาเป็นภาพฉากที่ดูสวยงาม
เหม่อมองกลีบกุหลาบที่ถูกสองนิ้วของไป๋หลี่หานคีบจับอย่างง่ายดาย หลัวซีถึงกับหน้าถอดสีซีดเซียวราวแผ่นกระดาษ ก่อนจะได้ลงมือจู่โจมใดๆ อาวุธคู่กายของเขาก็ถูกยึดเหนี่ยวเอาไว้เสียแล้ว
ชายหนุ่มจับจ้องชายอีกคนที่แกร่งกล้าไร้เทียมทานเบื้องหน้าตรงเข้ามาใกล้ ร่างกายหลัวซีเกิดอาการกระตุกชักอย่างแรง โดยฝ่ามือของไป๋หลี่หานที่ตบกระแทกเข้าใส่กลางแผ่นอก
“ไป่หลี่หาน! ทำเช่นนี้นี่เจ้าหมายความอย่างไร!?”
ตอนนี้เซียถงเดือดดาลถึงขีดสุดแล้ว คู่เท้ากระตุกวูบ กวาดล้างทะยานเหินเข้าใส่ แปรสภาพกลายเป็นเงาประกายสายหนึ่ง เข้าแทรกระหว่างจุดที่หลัวซีและไป๋หลี่หานยืนอยู่ กระบี่ทัณพ์ฟ้าในมือถูกเรียกใช้ออกมา ฟาดฟันเข้าใส่ชายที่อยู่ตรงข้ามโดยมิลังเล
เสี้ยวอึดใจก่อนคมกระบี่ร่อนถึง ประกายตาของไป๋หลี่หานเย็นยะเยือกลงอีกครั้ง สะบัดข้อมือโยนกลีบกุหลาบสีแดงโลหิตเหล่านั้นทิ้งออกไปทางนอกประตูโดยตรง
มองดูผิวเผินเหมือนโยนทิ้งส่งๆ ออกไป ทว่าแท้ที่จริงกลับเสริมพลังเพิ่มแรงโยนออกไปอย่างลับๆ กลีบกุหลาบเหล่านั้นกระเด็นผ่านประตูผ่านไปอย่างไว ลอยลิ่วปลิวขึ้นฟ้าออกหลังคาโรงเตี้ยมไป
“กุหลาบเหล็กไหลของข้า!”
หลัวซีร้องอุทานสีหน้าตื่นตระหนก เงาร่างแปรสภาพกลายเป็นประกายแสงสีขาว รีบไล่ติดตามกลีบกุหลาบเหล่านั้นออกจากห้องไปประดุจฟ้าแลบ และทันทีที่อีกฝ่ายย้ายร่างตัวเองออกไปพ้นห้อง ไป๋หลี่หานก็รีบโบกแขนเสื้อ ชักหอบกระแสลมสายหนึ่งผลักประตูไม้บานนั้นที่แตกร้าวนอนนิ่งอยู่บนพื้นขึ้นปิดเสียงดังปัง!
เซียถงชำเลืองมองประตูบานนั้นที่ปิดตัวลง ทันใดนั้นพลันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา นางรีบยกเท้าทะยานหนีไปทางประตูโดยไว ทว่าอย่าลืมไปเสีย ความต่างชั้นของพลังระหว่างตัวนางกับไป๋หลี่หานกลับเป็นช่องว่างที่กว้างใหญ่ไพศาลเกินไป
เพียงย่างเท้าออกไปครึ่งก้าว ไป๋หลี่หานก็ตามนางทัน และยกมือขึ้นคว้าชายเสื้อหยุดยั้งเอาไว้ เมื่อแรงวิ่งเจอกับแรงกระตุกหยุดไว้อย่างแรง ส่งผลให้เซียถงเสียการทรงตัว ล้มตัวลงในอ้อมแขนของเขาโดยปริยาย
“นอกจากนี้แล้ว ข้าก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาในห้องพักของเจ้าทั้งสิ้นนับแต่นี้!”
ไป๋หลี่หานโอบไหล่ของนางอย่างเบามือ เอ่ยสั่งการคำหนึ่งเจือน้ำเสียงดุ อาศัยเพียงเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเซียถง นางมิอาจดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของนางได้