ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 283 มีคนอิจฉา (1)
ตอนที่283 มีคนอิจฉา (1)
ตอนที่283 มีคนอิจฉา (1)
“เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่?”
นัยน์? ตาสีดำขลับเข้มของไป๋หลี่หานจ้องเขม็งมองตรงมาที่นาง เพราะตัวเซียถงทำเมินเฉยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองราวกับไม่ได้ยิน เช่นนั้นเขาจึงยกมือข้างที่ว่างขึ้นเคยคางของนางขึ้นเบาๆ พยายามบังคับให้นางหันมามองที่ตน
เซียถงขบริมฝีปากล่างแน่น แหงนหน้าขึ้นสบสายตากันอีกฝ่าย แรกเห็นเป็นเปลวไฟสองดวงที่กำลังระบำเต้นอยู่ในประกายตาคู่ลึกล้ำ ดูท่าอีกฝ่ายกำลังโกรธอยู่จริงๆ
ช่างน่าขัน ไยนางถึงต้องไปฟังเขา?
เซียถงหัวเราะคำโตเย้ยเยาะ กล่าววาจาหยามเหยียดขึ้นดังว่า
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ ช่างเป็นเรื่องน่าขันจริงแท้ เหตุใดท่านถึงต้องมายุ่มย่ามกับชีวิตของข้าปานนี้? กระทั่งฝ่าบาทยังควบคุมชีวิตข้าไม่ได้ แล้วท่านหรือมีสิทธิ์อันใด?”
เมื่อได้ฟังคำตอบของเซียถง เปลวไฟแห่งโทสะในดวงตาของไป๋หลี่หานก็ยิ่งลุกโชนร้อนแรงยิ่งขึ้น มือข้างนั้นที่เชยคางเซียถงแปรเปลี่ยนเป็นบีบแน่นโดยไม่ทันรู้ตัว รัศมีแรงกดดันพลันเย็นเฉียบลงในฉับพลัน
“หากข้าผู้นี้ปรารถนาควบคุมฟ้าฝนย่อมสามารถตราบเท่าที่พอใจ!”
เซียถงจ้องอีกฝ่ายเขม็งตึง สีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง
แต่เมื่อสบสายตาแลเห็นแววความโกรธในดวงตาของไป๋หลี่หาน คล้ายกับว่าสัญชาตญาณในกายนางพลันรู้สึกหวาดกลัวงขึ้นเล็กน้อย จากระยะใกล้ชิดปานนี้ นางสัมผัสได้อย่างชัดแจ้ง ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านไพศาลเจียนแช่ตนเป็นน้ำแข็ง
เสียงกระดูกบีบแน่นเสียดสีดังเอี๊ยด กระดูกช่วงขากรรไกรบริเวณคางของนางถูกบีบจนปวดระทมไปหมด ราวกับว่าโดนค้อนตันทุบ
โดยไม่มีทางเลือกอื่นใดให้มากนัก นัยน์ตาสีดำขลับของหญิงสาวสั่นไสวไปมา พยายามยกมือขึ้นตะเกียกตะกายบริเวณที่โดนไป๋หลี่หานบีบคาง เปล่งเสียงแผ่วอ่อนดังว่า
“ขะ-เข้าใจแล้ว! ข้าได้ยินสิ่งที่ท่านกล่าวไปชัดแจ้งดี!”
ได้ยินเซียถงกล่าวออกมาเช่นนี้ เพลิงโทสะที่ลุกโชนในแววตาของไป๋หลี่หานก็ลดมอด คลายมือข้างนั้นออกจากคางของเซียถง จับจ้องนางตาเขม็งและกล่าวว่า
“หากข้าผู้นี้เห็นเจ้าหนุ่มหน้าหวานคนนั้นมาที่ห้องของเจ้าอีก ข้าจะฆ่ามันทิ้งซะ!”
“ข้าเข้าใจแล้ว…”
เซียถงระบายยิ้มบางส่งให้ไป๋หลี่หานเบาๆ ก่อนจะปริปากเอ่ยกล่าวอันใดต่อไป นางลอบเลื่อนคมมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อยาวตงลงมาบนฝ่ามือขวาอย่างเงียบงัน เล็งเห็นโอกาสเหมาะ ก็รีบเหวี่ยงคมมีดหวังปาดใส่คอหอยของอีกฝ่ายให้ดับดิ้นในคราเดียว!
“เซียถง! นี่เจ้าไม่อยากมีชีวิตต่อแล้วกระมัง!”
ไป๋หลี่หานบัดดลโทสะเดือดจัด ยกมือขวาขึ้นคว้ามีดสั้นในมือของเซียถง บีบกระชับกำไว้แน่น แต่ชั่วจังหวะที่อีกฝ่ายกุมจับมีดสั้นนั่นเอง เซียถงรีบโขกศีรษะกระแทกใต้คางอีกฝ่ายสุดแรง และโน้มตัวฉีกปากกว้าง กระโดดกัดหัวไหลของอีกฝ่ายซ้ำสอง
เซียถงกัดแรงมากซะจนเนื้อผ้าบริเวณนั้นขาดรุ่ย พอเห็นว่าข้อมือข้างนั้นอีกฝ่ายก็ยังจับไม่ปล่อยเสียที นางจึงหันมากัดมือจมคมเขี้ยวใส่เนื้ออีกฝ่ายฝังลึก ได้จังหวะหลบเลี่ยงจึงรีบร่นถอยหนีออกห่าง จากนั้นก็ยกมือขึ้นมา เพื่อเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าขึ้นมาโดยไว
“คงแปลกหากข้าคนนี้จะเชื่อฟังในสิ่งที่ท่านกล่าว”
สิ้นเสียงกล่าวจบ เซียถงก็กระชับกระบี่ทัณฑ์ฟ้าชูปลายแหลมหันเข้าใส่ไป๋หลี่หาน สีหน้าแววตาค่อนข้างครั่นคร้ามกลัวเกรงในตัวอีกฝ่ายหลายส่วน
คงมีแต่สวรรค์กระมังที่ทราบว่า ชายผู้นี้กินยาชนิดมาตั้งแต่เด็ก วันๆ ถึงเอาแต่ก่อเรื่องสร้างปัญหาให้นางไม่เว้นวาย
ไป๋หลี่หานมองหน้าเซียถงอยู่สักพัก ลึกลงไปในประกายตาส่อแววสั่นไสว เย็นที่แผ่ซ่านออกมาตามร่างกายยิ่งทวีความเหน็บหนาวจัด
“หากท่านต้องการพบข้า ก็โปรดสรรหาเหตุผลที่มันดีกว่านี้ แล้วค่อยกล่าวมาอีกครั้งเสีย ส่วนวันนี้เชิญกลับ!”
เซียถงกลั้นข่มความครั่นคร้ามที่รู้สึก สวนตอบโต้ออกมาด้วยความโกรธ
ไป๋หลี่หานมิได้พูดมิได้จาอันใด เพียงยืนมองหน้านางอยู่แบบนั้น ทว่ากระแสน้ำวนสุกลึกล้ำในแววตาของเขากลับทวีหมุนติ้วเร็วขึ้นและเร็วขึ้น!
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ เชิญออกจากห้องพักของข้าไปเสีย พรุ่งนี้ตัวข้ายังมีนัดการประลองที่ต้องลงสนาม จึงต้องการความสงบเพื่อพักผ่อนเก็บตัว”
เซียถงชักจะเริ่มรู้สึกระแวดระวังไป๋หลี่หานคนนี้มากขึ้นทุกทีภายในใจ เพียงมือเดียวของเขาก็สามารถปลิดชีวิตนางได้ไม่ยาก หากอีกฝ่ายต้องการจะทำมันจริงๆ แต่นางในปัจจุบันกลับคาดเดาไม่ได้เลยว่า ชายคนนี้ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
ไป๋หลี่หานชำเลืองตามองนางเล็กน้อย จู่ๆ ก็สะบัดแขนเสื้อยาวหมุนตัวเดินไปทางประตูทันที โบกแขนขึ้นทีหนึ่ง ชักหอบกระแสลมขุมใหญ่กระชากประตูบานนั้นอันแสนทรุดโทรมที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าวให้ร่วงกระแทกพื้นเปิดออกอีกครั้ง และสิ่งที่ร่วงกระแทกลงมาติดตามกันก็คือ ร่างของหลัวซีที่อยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของประตู
เมื่อเห็นหลัวซีร่วงมาพร้อมกับประตู ไป๋หลี่หานก็หรี่สายตาแคบลงเล็กน้อย เดินออกไปคว้าคอเสื้อและลากอีกฝ่ายออกจากห้องเซียถงไปโดยทันที
“ปล่อยข้า! จับข้ามาทำไม!”
หลัวซีโบกไม้โบกมือโดดดิ้นไม่หยุดโดยหาได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองในเวลานี้ไม่ สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวคือ จะทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากเงื้อมมือปีศาจของไป๋หลี่หานคนนี้ได้
แขนเสื้อยาวของไป๋หลี่หานโป่งพองขึ้น อัดฉีดพลังลมปราณขุมหนึ่งพุ่งเข้าปกคลุมหลัวซีเอาไว้อย่างแน่นหนา ส่งผลให้หลัวซีไม่สามารถขยับตัวใดๆ ได้อีกเลย ทำได้เพียงปล่อยให้ไป๋หลี่หานลากตัวเขาออกไปจากโรงเตี้ยมแต่โดยดี
พอทั้งคู่ออกมาจากโรงเตี้ยม ไป๋หลี่หานก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไปเสียที แต่พาลากร่างของอีกฝ่ายเดินเตร่สุ่มสี่สุ่มห้าไปตามท้องถนน
“นายน้อย!!”
หญิงงามในชุดแพรพรรณสีแดงทั้งสี่เห็นว่าหลัวซีถูกไป๋หลี่หากลากคอเสื้อไถลไปตามพื้นอยู่อย่างนั้น พวกนางก็รีบกระบี่ออกขากฝัง หวังเข้าโจมตีและช่วยเหลือนายน้อยของพวกนางกลับมาทันที แต่สุดท้ายกลับถูกโม่ซวนหยุดเอาไว้เสียก่อน
เดินเตร่ออกมาจากโรงเตี้ยมมาค่อนข้างไกล ไป๋หลี่หานก็ยอมปล่อยหลัวซีลงเสียที และชำเลืองมองอีกฝ่ายที่นอนบนพื้นอย่างเย็นชา
“นับแต่บัดนี้อยู่ให้ห่างจากเซียถง”
ภาพฉากที่เซียถงส่งยิ้มให้ชายหนุ่มหน้าหวานคนนี้ มันยังติดตราตรึงใจไป๋หลี่หานไม่หาย
“ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับนางเป็นอะไรกันอย่างงั้นรึ? ถึงมีสิทธิ์มาทำเช่นนี้!?”
หลัวซีเหวี่ยงแขนสะบัดใส่อีกฝ่าย เปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“หากเจ้าไม่กลัวตาย เช่นนั้นก็ลองไปเจอนางดู”
น้ำเสียงช่างแผ่วอ่อน แต่กลับเร้นแฝงมากด้วยภัยคุกคาม ทำให้หลัวซีหัวใจสั่นสะท้านเกินหักห้าม แต่นั่นยังน้อยเกินไปที่จะทำให้เขายอมแพ้ เขาคำรามสวนขึ้นว่า
“นี่ท่านขู่ข้างั้นรึ?”
“ใช่!”
วาจาหนึ่งพยางค์แสนเรียบง่าย แต่กลับทรงพลังน่าเกรงขามอย่างแท้จริง
หลัวซีกักเก็บความขุ่นแค้นมากมายมหาศาลอยู่ภายในใจ แต่ในปัจจุบันเขากลับไม่สามารถทำอะไรกับไป๋หลี่หานตรงหน้าได้เลยแม้สักนิด ถัดจากนั้น ก็เห็นไป๋หลี่หานหันหลังและเดินจากไปอย่างไม่แยแสใดๆ อีกต่อไป ชายหนุ่มร่างทรุดอยู่กับพื้น กำหมัดทั้งสองข้างแน่นจนสั่นเทาเกินควบคุม เขาเอ่ยสัตย์สาบานกับตนเองในใจว่า สักวันหนึ่ง ข้า หลัวซูจักต้องโค่นหมอนี่ให้ได้ในสักวัน!
เซียถงแลเห็นหลัวซีถูกไป๋หลี่หานลากคอจากไปไกลผ่านบานหน้าต่าง พอเห็นเป็นเช่นนั้นก็พึงทราบ ไป๋หลี่หานคงไม่ได้คิดจะทำอันตรายอีกฝ่ายต่อแล้ว จึงละความสนใจผละออกมา และหันไปจ้องมองบานประตูที่พังเละไม่เป็นท่า พลันรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา
นี่ขนาดตัวนางยังไม่ทันไปหาเรื่องหาราวกับใครใดๆ แต่กลับถูกพังประตูบุกเข้ามาถึงห้อง นี่มันบ้าไปแล้ว!
“คุณหนูเซียยังอยู่ดีหรือไม่? ทางเรายังมีห้องพักว่างอยู่ที่ชั้นบน สนใจให้เปลี่ยนห้องใหม่หรือไม่?”
เงาร่างอันงามสง่าของชิงเยวี่ยเดินช้อยปรากฏขึ้นต่อหน้าประตูบานนั้นที่โค่นถล่มพัง สีหน้าการแสดงออกยิ้มแย้มแจ่มใสน่าดูชมดังเดิม เขาชำเลืองสามตามองซากประตูอันน่าสงสารบนพื้น ตัดสลับไปเซียถงที่ยืนปวดเศียรอยู่
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แต่รบกวนนายท่านชิงเยวี่ยช่วยเปลี่ยนประตูให้ใหม่หน่อย”
เซียถงกล่าวขึ้นคำหนึ่งพลางโบกกระบี่ทัณฑ์เก็บกลับไป ความเสียหายโดยส่วนใหญ่มีเฉพาะแต่กับประตู ส่วนภายในห้องยังคงสภาพปกติดี แค่เปลี่ยนประตูใหม่สักบานก็เป็นพอ