ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 287 ช่วยชีวิตอสรพิษน้อย (1)
ตอนที่287 ช่วยชีวิตอสรพิษน้อย (1)
ตอนที่287 ช่วยชีวิตอสรพิษน้อย (1)
เรื่องช่วยชีวิตคนย่อมสำคัญที่สุด เซียถงหาได้สนใจเรื่องซ่อนตัวอีกต่อไป เผยกายกระโจนพุ่งปราดออกไปเบื้องหน้า เรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าปรากฏขึ้นในมือ และฟันเข้าใส่ศีรษะอสรพิษทรงสามเหลี่ยมแหลมที่จ้องจะเขมือบกินอวี๋เอ๋อร์โดยไม่มีปราณีใดๆ คลื่นคมกระบี่เสี้ยวจันทร์หอนชักนำกระแสลมปราณขุมใหญ่ฟันฟาด ปะทะชนเข้ากับเกล็ดอสรพิษแข็งที่ปกคลุมทั่วศีรษะ ลำตัวร่างยาวของมันถึงกับสั่นสะท้านถึงทรวง แต่บริเวณหางกลับเคลื่อนตวัดเข้าพันเกี่ยวรอบร่างของอวี๋เอ๋อร์เอาไว้แน่น
อวี๋เอ๋อร์เบิกตาลืมขึ้นก็เห็นเซียถงปรากฏกายอยู่ต่อหน้า นางตะโกนกู่ร้องสุดเสียงจนสั่นเทา
“คุณหนูเซีย! ช่วยข้าด้วย!”
เซียถงกระโจนขึ้นกิ่งไม้ก้านหนึ่ง ยืนตระหง่านพร้อมรีบเร่งสังเกตหาจุดอ่อนของอสรพิษตนนี้โดยไว แต่ทันใดนั้น อสรพิษเขียวตนดังกล่าวดันกลับลำ รีบเร่งความเร็วเลื้อยหนีเข้าป่าข้างทางโดยไว ทั้งยังพาร่างของอวี๋เอ๋อร์ลาจากออกไปด้วย นางเห็นดังนั้นเร่งไล่ล่าติดตามฉับพลัน กระโดดข้ามกิ่งก้านพฤกษาในป่าต้นแล้วต้นเล่า แต่ยิ่งพยายามติดตามเท่าไหร่ ช่องว่างระยะห่างระหว่างตัวนางกับอสรพิษตนนั้นกลับขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ อนึ่งด้วยพลังความแข็งแกร่งของเซียถงในปัจจุบันยังฟื้นตัวไม่สมบูรณ์ ทั้งยังเรื่องความได้เปรียบของเส้นทางภายในป่าแห่งนี้ก็ดี
ชิงเยวี่ยฟื้นตัวได้สติขึ้นจากพื้น ทันทีที่เห็นเซียถงปรากฏกายอยู่ที่นี่ ก็ทำเอาเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่นี่หาใช่เวลามัวตกใจนัก เขารีบลุกขึ้นและวิ่งไล่ตามอสรพิษตนนั้นไปเช่นกันบนภาคพื้น ทว่าเจ้าตัวเป็นเพียงนักหลอมโอสถคนหนึ่ง พลังความแข็งแกร่งจึงไม่ค่อยสูงนัก พยายามไล่ตามไปได้ไม่นาน ก็ถูกเซียถงและอสรพิษตนนั้นทิ้งห่างนำออกไปไกลโพ้น
อสรพิษขนาดใหญ่ยักษ์กำลังแหวกว่ายเลื้อนพัลวันอยู่ในป่าลึก เคลื่อนที่ดูพิสดารแต่ช่างรวดเร็วและปราดเปรียว เห็นเป็นเงาพรายสีเขียวคลานนำออกไปเจียนสุดขอบเส้นสายตา เซียถงโดนทิ้งห่างไปไกลมากแล้ว
หลังจากไล่ติดตามอยู่ครู่หนึ่ง เซียถงก็ชักจะหมดความอดทน โยนกระบี่ทัณฑ์ฟ้าในมือขี้นฟ้า จำแลงร่างกายมาเป็นหลิวซู เงาร่างของมันเคลื่อนไสวว่องไวมาก ทิ้งทวนเพียงเงาสีเงินระยิบระยับสายหนึ่ง อาศัยเท้าเปล่ากระโดดข้ามกิ่งไม้อันแล้วอันเล่า เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว
“หลิวซู ไล่ตามอสรพิษตนนั้นให้ทัน แล้วหยุดมันซะ!”
เซียถงยังจำได้แม่น ในตอนที่นางพบเจอกับหลิวซูครั้งแรกในห้วงมิติมายา เจ้านี่มันเคลื่อวไหวได้เร็วมาก ยิ่งเป็นในป่าเขารกร้างเช่นนี้ยิ่งเข้าทางถนัดเข้าไปใหญ่ จึงไม่น่ามีปัญหาอันใด กับแค่ไล่ตามอสรพิษตนหนึ่ง
ได้ฟังคำสั่งดังนั้นของนาง หลิวซูก็ชำเลืองสายตาทอดมองอสรพิษตนนั้นที่เคลื่อนไหวประดุจดาวหางสีเขียว และขมวดคิ้วถักขึ้นแน่นหนาในบัดดล มันกล่าวว่า
“ไม่เห็นต้องห่วงอันใด อสรพิษตนนั้นคือ อสรพิษปราณ มันดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินเป็นอาหาร โดยปกติมันไม่กินมนุษย์”
“หากไม่กินมนุษย์ เช่นนั้นแล้วจะจับตัวอวี๋เอ๋อร์ทำพระแสงอันใด? รีบตามมันไปได้แล้ว!”
ประกายแสงกวาดล้างพุ่งทะยานออกไป แม้พยายามเร่งเร้าพลังลมปราณสำแดงใช้ กลับไม่สามารถตามอสรพิษประดุจดาวหางสีเขียวตนนั้นได้ทันเสียที มีแต่จำต้องหวังพึ่งหลัวซูเท่านั้นแล้ว
“เจ้าก็ตามมาแล้วกัน ดูท่ามันจะมีเรื่องขอร้องให้เจ้าช่วยอยู่”
หลิวซูกล่าวทิ้งท้ายประโยคหนึ่ง เริ่มออกวิ่งเอาจริง เพียงเสี้ยวพริบตาเดียว เงาร่างของเจ้าตัวก็แปรสภาพกลายเป็นประกายแสงสีเงินเจิดจรัส หายวับลับสายตาเซียถงในทันใด
เงาแสงสีเงินสาดไสววูบวาบขึ้นลงอยู่สักครู่ หลิวซูก็ไล่ตามอสรพิษตนนั้นทัน มันยืนสองเท้าเหยียบย่างอยู่บนลำตัวยาวของอสรพิษ หาได้เร่งรีบช่วยเหลือชีวิตผู้คน แต่กลับนั่งยองๆ เหม่อมองไปที่อวี๋เอ๋อร์ที่ถูกหางพันเกี่ยวเจือแววสงสัยใคร่รู้
“ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย!”
อวี๋เอ๋อร์พยายามส่งเสียงร้องเรียกด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ยกมือข้างหนึ่งขึ้นกำเสื้อคลุมสีแดงเพลิงของหลิวซูไว้แน่นจนเกิดรอยยับฝอย
หลิวซูมองหน้าใบกลมน่ารักขน่าชังของอวี๋เอ๋อร์ จับจ้องอยู่สักครู่ จู่ๆ ก็เอื้อมมือไปหยิบแก้มข้างขวาของนางทีหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ คลึงนวดแรงขึ้นและแรงขึ้น ถึงแม้บริเวณใบหน้าของอวี๋เอ๋อร์จะตื่นตระหนกจนซีดขาวไร้เลือดหล่อเลี้ยง แต่มันก็ยังกลมบ๊อกนุ่มนิ่ม ราวกับลิ้นจี่ปอกเปลือกขาว ฝ่ามือของหลิวซูรู้สึกละมุนนิ่ม ยิ่งคลึงจับมากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกสบายมากขึ้นเท่านั้น
ทำไปสักพักช่างจะติดใจ หลิวซูยกมืออีกข้างขึ้นบีบ จากนั้นก็เริ่มคลึงนวดพวงแก้มของอวี๋เอ๋อร์อย่างมันมือ
อวี๋เอ๋อร์ทั้งประหลาดใจและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ภายใต้สถานการณ์เป็นตายเฉกเช่นนี้ ไฉนอีกฝ่ายยังมาบีบหน้าเล่นแก้มของนางอีก? จะอย่างไร นางไม่กล้าขัดขืนใดๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายบีบคลึงอย่างมันเมาเช่นนั้นต่อไป
“หลิวซู! หยุดอสรพิษตนนั้น!!”
เซียถงที่ไล่ตามเข้าใกล้ก็เดือดดาลจัดจ้านที่เห็นหลิวซูแกล้งอวี๋เอ๋อร์ ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานปานนี้ มันยังจะติดเล่นอยู่อีก!
มือทั้งสองข้างนั้นของหลิวซูยังคงถูไถอยู่บนใบหน้าของอวี๋เอ๋อร์ไม่มีหยุด ก่อนจะชักมือเก็บพลางรำพึงรำพันกับตนเองขึ้นว่า
“รู้สึกดีจัง มิทราบเลยว่า หากเปลี่ยนเป็นแก้มของเซียถง จะรู้สึกอย่างไรตอนบีบ?”
จากนั้นมันก็ชำเลืองหางตามองไปทางเซียถงที่ติดตามอยู่ท้ายหลัง สีหน้าแววตามีเจตนาไม่ดีชัดแจ้ง ทั้งยังปรากฏรอยยิ้มอันชั่วร้ายกระตุกเชิดขึ้นบนมุมปากของมันบางๆ
เซียถงจับจ้องหลิวซีตาเขม็ง เร่งเร้าความเร็วขึ้นอีกหลายเท่าตัว ไม่ว่าบาดแผลทั่วร่างของเขาจะถูกกระตุ้นอย่างหนักจนปวดระบมเพียงใด นางก็ยังฝืนตัวเองไล่ติดตามอสรพิษตนนั้นอย่างไม่ลดละ ตรงกันข้ามกับหลัวซีที่ตอนนี้ยืนอยู่บนตัวอสรพิษตนนั้นแล้ว แต่กลับมิได้มีความพยายามที่จะช่วยเหลือชีวิตคนเลย เอาแต่ยืนเล่นอยู่แบบนั้น ไม่ช่วยคนหรือหยุดอสรพิษใดๆ เลย เสื้อคลุมยาวสีแดงเพลิงโบกสะบัดตามกระแสลมชักผ่าน ปล่อยให้อสรพิษยักษ์มุ่งหน้าไปต่อ
วิ่งไล่ติดตามอยู่ในป่าเป็นเวลานาน จวบจนตอนนี้ ในที่สุดอสรพิษตนนั้นก็หยุดลงและสะบัดหางเหวี่งร่างของอวี๋เอ๋อร์ไปทางเซียถง นางรีบกระโดดเข้ารับร่างอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ กอดอวี๋เอ๋อร์แนบแน่นไม่ปล่อย ก่อนจะร่อนลงมาภาคพื้นและวางลงอย่างเบามือ
“คุณหนูเซีย!”
อวี๋เอ๋อร์โผเข้าสวมกอดเซียถงแน่น เพิ่งผ่านพ้นประสบการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายมาหมาด ทำเอาคู่ขาน้อยๆ ของเด็กสาวสั่นเทาไม่หยุด และนางก็ปล่อยโฮร้องไห้ออกมา
เซียถงตบหลังเด็กสาวเข้าปลอบประโลม ก่อนจะเงยหน้ามองไปที่อสรพิษยัดษ์สีเขียวที่หยุดอยู่เบื้องหน้า
อสรพิษยักษ์ขดตัวกลมเป็นลูกหนัง ชูศีรษะทรงสามเหลี่ยมตั้งตรง ดวงเนตรกลมโตสีเขียวมรกตจับจ้องไปทางเซียถงและส่งสายตาอ้อนวอนให้
“เจ้าพาเรามาที่นี่เพื่อช่วยมันรึ?”
หลิวซูขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้ข้างอสรพิษตนนั้น และชำเลืองมองไปยังอสรพิษน้อยสีเขียวอีกตัวที่ยาวเพียงหนึ่งฉื่อไม่ใกล้ไม่ไกลนัก
ลำตัวยาวของอสรพิษตัวนั้นถูกบ่วงกับดักเหล็กฟันฉลามหนีบอย่างแรง บริเวณเหล็กแหลมคมที่เป็นส่วนฟันฉลามเสียบทะลุเข้าลำตัวของมัน มิทราบเลยว่า อสรพิษน้อยตนนี้ติดกับดักดังกล่าวมานานปานใดแล้ว สังเกตได้ว่า ตัวบ่วงกับดักเหล็กมันขึ้นสนิมเกาะหนา บริเวณลำตัวที่ถูกฟันฉลาดแหลมคมเจาะทะลุเข้าไปเริ่มเน่า มีน้ำเหลืองไหลยืดออกมาส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว
อสรพิษยักษ์ตนนั้นจับจ้องเซียถงตาเขม็ง พยายามโค้งศีรษะผงกให้ทางนาง ตัดสลับไปมองอสรพิษตัวน้อยที่กำลังจะสิ้นใจตายอยู่บนพื้นกับดักดังกล่าว หากสังเกตให้ดี ดวงเนตรสีเขียวมรกตของมันคล้ายกับมีน้ำตาสีใสเอ่อล้นออกมา
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยกระมัง?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง พลางทอดสายตามองไปยังอสรพิษตัวน้อยที่ติดกับดักบนพื้น
อสรพิษยักษ์ผงกศีรษะตอบรับ สายตาของมันเต็มไปด้วยแววขอร้องอ้อนวอน ท่าทางการแสดงออกของมันดูสิ้นหวังอย่างมาก ตัวมันหาได้มีความสนใจอันใดต่ออวี๋เอ๋อร์ที่เพิ่งจับตัวมาอีกต่อไป แต่เลื่อยไปซบศีรษะกับอสรพิษน้อยที่กำลังจะตาย
ทั้งนี้เอง อสรพิษน้อยตนนั้นก็พยายามชะโงกศีรษะชูขึ้น จับจ้องเซียถงไม่คลายราวกับว่ากำลังขอความเมตตา
เซียถงเดินตรงเข้าไปใกล้ ทันทีทันใด กลิ่นเน่าเหม็นที่แผ่ออกมาจากตัวอสรพิษน้อยก็ตีเข้าจมูกของนางทันที ทำเอาแทบจะอาเจียนอ้วกออกมาตรงนั้น ดูท่าอสรพิษน้อยตนนี้จะติดกับดักอยู่ที่นี่เป็นเวลานานมากแล้ว
นางขมวดคิ้วถักหนา กลั้นหายใจทนกลิ่นเน่าเหม็น และใช้มือทั้งสองกุมจับบ่วงกับดักทั้งสองด้านเตรียมจะอ้าออกมา พร้อมกล่าวกับอสรพิษน้อยผู้น่าสงสารขึ้นว่า
“เดี๋ยวข้าจะช่วยแกะกับดักเอง อาจเจ็บสักนิด แต่ต้องทนหน่อยล่ะ”
เสมือนกับว่าอสรพิษน้อยฟังภาษามนุษย์รู้เรื่อง มันยกศีรษะทรงสามเหลี่ยมชูขึ้นและพยักหน้าให้นางเบาๆ
เซียถงใช้มือทั้งสองข้างออกแรงแหกบ่วงกับดักเหล็ก ไม่นานบ่วงกับดักดังกล่าวก็ถูกเปิดออกอย่างไม่ยากนัก นี่เป็นกับดักของมนุษย์ซึ่งทำให้มนุษย์ใช้ง่ายอย่างสะดวก จึงมิใช่เรื่องยากเย็นอันใดที่นางจะเปิดมันออกได้ อย่างไรเสีย สำหรับงูที่ไม่มีมือมีเท้าอย่างคนเรากลับเป็นเรื่องลำบากแสนเข็ญสำหรับพวกมัน
อสรพิษน้อยรีบเลื่อยออกมาจากบ่วงกับดัก เคลื่อนไปหาอสรพิษยักษ์อย่างรวดเร็ว และจู่ๆ ก็เลื่อยเข้าไปในปากที่ฉีกกว้างของอีกตัวโดยตรง
เซียถงเห็นดังนั้นถึงกับขมวดคิ้ว สรุปว่า เป้าหมายหลักที่อสรพิษยักษ์ต้องการจะช่วยชีวิตเจ้าตัวน้อยก็เพื่อกินมัน?