ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 290 อสรพิษปราณช่วยรักษา (2)
ตอนที่290 อสรพิษปราณช่วยรักษา (2)
ตอนที่290 อสรพิษปราณช่วยรักษา (2)
เซียถงสวมเสื้อแพรพรรณกลับเข้าที่ หันไปหาอสรพิษยักษ์ที่ขดร่างเป็นเกลียวกลมกำลังพักผ่อน โค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ขอบคุณมากที่ช่วยรักษาข้า”
อสรพิษยักษ์ตนนั้นส่ายหัวไปมาเล็กน้อย เหลือบสายตาส่งมองเซียถงและค่อยๆ หลับตาลง ตัวมันเหนื่อยล้าเสียเหลือเกิน และต้องการพักผ่อนสักงีบใหญ่ นี่สิ่งท่าทางที่มันกำลังจะสื่อ
เซียถงในตอนนี้อาการบาดเจ็บทั้งหมดบนร่างหายดีเป็นปกติแล้ว และไม่มีความจำเป็นอันใดจะต้องอยู่ที่นี่อีก นางโบกมือเรียกจี๋จี๋ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่กับอสรพิษน้อย มันกระโดดขึ้นเกาะไหล่ของนาง หันไปโบกมือลาอสรพิษทั้งสองและเดินจากถ้ำออกมา
หลังจากออกถ้ำมา แสงตะวันฉายส่องกระทบร่าง เซียถงรู้สึกได้ทันทีถึง โลหิตในกายที่กำลังเดือดพล่าน ปลุกกระตุ้นขุมพลังมหาศาลจากเบื้องลึก หมุนติ้วโคจรไปทั่วทั้งร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง ในปัจจุบันขณะ ตัวนางอัดแน่นไปด้วยพลังงานจนล้นปรี่ เห็นจี๋จี๋กระโดดเกาะไหล่ขึ้นมาแล้ว จึงหันไปเอ่ยถามมันว่า
“จี๋จี๋ นี่เจ้าขอร้องให้อสรพิษยักษ์ตนนั้นรักษาอาการบาดเจ็บข้ากระมัง?”
จี๋จี๋โอบกอดเรียวหางอันนุ่มฟูของตนไปพลางพยักหน้าตอบ สังเกตเห็นถึงขุมพลังมโหฬารที่ปะทุเดือดของเซียถง มันเองก็มีความสุขมากเช่นกัน
“อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงหลิวซูดังขึ้นเหนือศีรษะ
เมื่อเงยหน้าเชยมองติดตามขึ้นไป นางก็แลเห็นกิ่งก้านใบที่บนต้นไม้สูงใหญ่กวักแกว่ง ผมยาวสลวยสีเงินระยิบระยับทอดยาวพาดลงมาดุจสายวารี ดวงเนตรสีแดงทับทิมดั่งมณีสดใส เป็นความงดงามที่มิอาจต้านทานอย่างแท้จริง
“แล้วอวี๋เอ๋อร์อยู่ไหนเสียล่ะ?”
เซียถงเอ่ยถามขึ้นคำหนึ่ง คู่เท้าดีดเด้งกระโดดไปยืนอยู่เคียงข้างหลิวซู พลางเล่นผมสลวยยาวสีเงินในมือเพลินสุขแก้เบื่อ
“นางกับคนที่ชื่อชิงเยวี่ยกำลังตามหาเจ้ากันให้ควัก วิ่งไปทั่วหุบเขาซีเยว่แล้วมั้ง เห็นว่าเป็นกังวลหนัก กลัวเจ้าจะโดนอสรพิษยักษ์เขมือบลงไปแล้ว”
หลิวซูกล่าวตอบ ทว่าสายตาของมันกลับหยุดนิ่งอยู่ที่แก้มเนียนขาวของเซียถง
“อืม เช่นนั้นกลับกันเถอะ”
เซียถงก่นเสียงหนึ่งตอบไปคำ ยักไหล่อย่างแยแสนัก เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ การเตรียมตัวเพื่อลงสนามในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นนางต้องรีบกลับไปฝึกปรือต่อแล้ว
จี๋จี๋พยักหน้างึกงักเห็นด้วยเช่นกัน แต่ระหว่างที่เซียถงกำลังจะสืบเท้าก้าวออกไป จู่ๆ หลิวซูก็โน้มตัวเข้ามาชิดใกล้ ดวงเนตรสีแดงทับทิมเบิกกว้าง จ้องเขม็งไปที่แก้มของนาง เอ่ยน้ำเสียงค่อนข้างจริงจังดังขึ้นว่า
“เดี๋ยว มีอะไรติดหน้าเจ้าน่ะ?”
เซียถงกะพริบตาปริบสงสัย ขณะที่กำลังจะยกมือขึ้นลูบคลำบริเวณแก้ม ทันใดนั้นหลัวซูก็เอื้อมมือขึ้นแทรก แตะสัมผัสแก้มของนางแทนโดยตรง มันกล่าวว่า
“เดี๋ยวข้าเช็ดให้”
กล่าวออกไปแบบนั้น ทว่ามันกางนิ้วทั้งห้าและเริ่มบีบคลึงผิวแก้มของเซียถงทันที ยิ่งบีบคลึงมากเท่าไหร่มันยิ่งรู้สึกดีมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดความปรารถนาก็เป็นจริง มันได้สัมผัสใบหน้าของนางต้องต้องการแล้ว
ดูเหมือนว่าเริงร่าออกหน้าออกตาเกินไปหน่อย ชั่วอึดใจต่อมา มันคล้ายรู้สึกได้ถึง ไอเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านจับขั้วกระดูก หลิวซูหันไปเห็น สายตามืดทมิฬคู่นั้นของเซียถง มันช่างเย็นเยียบประดุจน้ำแข็งที่กำลังแช่กัดลามเข้าหา ร่างของมันอันตรธานหายวับในบัดดล โผล่ขึ้นมาอีกทีก็อยู่ห่างจากตัวเซียถงกว่าหลายช่วงตัว แสร้งทำเป็นเอนตัวนอนพักพิงอยู่บนกิ่งไม้แก้เขิน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ใดๆ
ยังเห็นเซียถงจับจ้องตาเขม็งเย็นชาไม่ปล่อย มันก็ปั้นหน้าบึ้งตึงและกล่าวขึ้นว่า
“นี่เจ้าควรบำรุงผิวหน้าเสียบ้าง ไม่เห็นจะนุ่มนิ่มแบบเด็กสาวคนนั้นเลย…”
ยังไม่ทันที่หลิวซูจะพูดจบ จู่ๆ ก็มีหินก้อนยักษ์บินปะทะอัดหน้าผากของมันอย่างจัง ซึ่งครั้งนี้หาใช่ฝีมือของเซียถง แต่เป็นฝีมือของเจ้าจี๋จี๋ที่เกาะไหล่ของนางอยู่ พอโยนออกไปเสร็จ มันก็ยืนเหยียดตรงด้วยสองเท้าหลัง ยกอุ้งเท้าหน้าน้อยๆ ขึ้นปัดฝุ่นไปมา จากนั้นค่อยส่งเสียงร้องจิ๊ดจิ๊ดอย่างภาคภูมิใจ
เซียถงชำเลืองมองจี๋จี๋เล็กน้อย กล่าวชมเชยขึ้นว่า
“ทำดีมากจี๋จี๋”
“เจ้าจิ้งจอกน้อย! อยู่ไม่สุขเป็นลิงกังเลย!”
หลิวซูยกไม้ยกมือถูกหน้าผากที่บวมเป่ง ตะโกนเสียงดุใส่จี๋จี๋
เจ้าจี๋จี๋ยักไหล่ตอบอย่างไม่แยแสใดๆ เจอทีท่าเย้ยหยันของเจ้าตัวน้อยเข้าไป หลิวซูถึงกับโมโหเดือดดาลขึ้นทันควัน ชี้หน้าจี๋จี๋คำรามเสียงเดือดดาลขึ้นว่า
“ไอ้ตัวกระเปี๊ยก! ทำเป็นวางอำนาจบาตรใหญ่นัก! เช่นนั้นขอดูหน่อยเสียว่า เจ้าจะมีดีแค่ไหน!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ ร่างของหลัวซูอันตรธานหายวับไปอีกครั้ง เงาประกายสีแดงเพลิงกวาดพุ่งลงมาจากต้นไม้ หวังคว้าตัวเจ้าจี๋จี๋มาสั่งสอน ส่วนเจ้าจี๋จี๋ที่เห็นดังนั้นก็รีบมุดเสื้อไปหลบอยู่ในหน้าอกของเซียถงอย่างรวดเร็ว หลิวซูยังไม่ยอมแพ้รีบเลื่อนมือไปตามทิศทางที่เจ้าตัวน้อยวิ่งหนีไปทันที
‘โป๊ก!’
ก่อนที่หลิวซูจะได้ตัวเจ้าจี๋จี๋ มันกลับเซียถงถูกมะเหงกใส่เสียงดังสนั่นทั่วผืนป่า
“หากยังไม่เลิกเล่น เดี๋ยวข้าจะจับเจ้ากล้อนผมให้หมดหัว!”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น หลิวซูกลานยเป็นตัวเล็กตัวน้อยหดคอลงทันใด แอบดีใจกับตัวเองเล็กน้อยที่นางยังปราณียกมะเหงกเคาะหัว มิใช่คว้ามีดสั้นขึ้นมาตัดผมมันจริงๆ
เนื่องด้วยตัวเซียถงเองไม่อยากไปพบเจอกับชิงเยวี่ยหรือใครคนอื่นที่ขึ้นหุบเขาซีเยว่มาเก็บสมุนไพรบนนี้ นางจึงอาศัยเส้นทางลับที่จี๋จี๋แนะนำมาตอนแรกย้อนกลับลงเขา ดำดิ่งสู่ห้วงบ่อน้ำลึกได้สักพัก นางก็โผล่กลับมายังตีนเขารกร้างที่เดิม ซึ่งม้าตัวที่ผูกไว้กับต้นไม้แถวนั้นก็ยังไม่หนีไปไหน นางจึงควบมันกลับสู่เมืองซีเยว่โดยไว
กลับมาถึงที่พัก ประตูห้องก็ถูกเปลี่ยนเป็นอันใหม่เรียบร้อย
ปิดประตูลงกลอน นางอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ และกระโดดขึ้นเตียงนั่งขัดสมาธิเพื่อเริ่มบำเพ็ญตบะทันทันที ตลอดค่ำคืนนั้นไม่มีใครอื่นใดรบกวนนางอีกต่อไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
อวี๋เอ๋อร์เคาะประตูเรียกเพื่อส่งอาหารเช้า เมื่อวานหลังจากที่กลับมาโรงเตี้ยมก็ได้ยินจากผู้คนในร้านอาหารชั้นล่างแจ้งว่า เซียถงกลับมาถึงที่นี่อย่างปลอดภัยแล้ว ทั้งอวี๋เอ๋อร์และชิงเยวี่ยต่างลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อประตูตรงหน้าถูกเปิดออก ก็เผยให้เห็นหญิงสาวอุปลักษณ์เย็นชาคนดีคนเดิมที่แสนคุ้นเคย นางเหมือนจะพยายากปริปากพูดอยู่หลายครา แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบไป
เซียถงเรียกอีกฝ่ายเข้ามาจัดชุดอาหารในห้อง กวาดสายตามองอาหารต่างๆ บนโต๊ะ นางยังมิได้จับตะเกียบขึ้นคีบทันที แต่หันไปกล่าวกับอวี๋เอ๋อร์แทนว่า
“อวี๋เอ๋อร์ วานนำอาหารเช้ามาให้ข้าอีกชุด แค่นี้ไม่น่าจะเพียงพอ”