ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 292 ศึกปล่อยไก่ (2)
ตอนที่292 ศึกปล่อยไก่ (2)
ตอนที่292 ศึกปล่อยไก่ (2)
“ไฉนผู้ร่วมประลองจากจักรวรรดิหน่านเฟิงถึงเดินขึ้นสนามเช่นนั้น? แถมท่าเดินก็แปลกพิกลราวกับมีอะไรหนีบไว้อยู่หว่างขา? มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?”
เมื่อเห็นซี่ฟ่งเดินขดตัวหนีบขาลงบันไดมาแต่ไกล บรรดาฝูงชนกลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างสังเกตก็ร้องอุทานขึ้นคำหนึ่ง ชักสีหน้าฉงนสงสัย
แลเห็นคนของตนค่อยๆ เดินซอยเท้าถี่ลงบันไดเพื่อขึ้นสนามประลองเบื้องล่าง ตัดสลับกับสาวน้อยจากตงหลี่ที่ร่อนตัวเหินเวหาลงสนามอย่างสง่าชดช้อย องค์จักรพรรดิพลันหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันทีด้วยความอับอาย เขายกฝ่ามือขึ้นตบอานที่นั่งอย่างแรง และตะโกนใส่ทางซี่ฟ่งลั่นว่า
“ซี่ฟ่ง! อย่าติดเล่นจนประมาท! รีบไปสั่งสอนนังอัปลักษณ์นั่นบัดเดี๋ยวนี้!”
ซี่ฟ่งพยักหน้าก่นเสียงตอบไปคำหนึ่ง จมลงสู่สภาวะกดดันเฉกเช่นนี้ ลำไส้ยิ่งบิดเบี้ยวปั่นป่วนหนัก เสียงท้องดังครืดคราดออกมาจนได้ยินชัดเจน รู้สึกเพียงว่าทุ่นระเบิดเหลวใกล้จะไหลออกมาเต็มทน ในเวลานั้นเขากลั้นหายใจเฮือก ใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ขมิบตูดแน่นหนา เดินร่างบิดซ้ายบิดขวาแกว่งไปมา พอมาถึงสนามประลองก็รีบชักกระบี่ขึ้นจากฝักข้างเอว กรรมการให้สัญญาณเริ่มการประลอง เขาก็พุ่งโจมตีเข้าใส่เซียถงโดยตรง
ชั่วอึดใจ ณ ขณะนี้ เขาหวังเพียงอย่างเดียวว่า ขอให้การประลองครั้งนี้จบลงโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้รีบวิ่งลงสนามและหากระท่อมกอไผ่ข้างสนามสำหรับถ่ายหนัก
เซียถงเฝ้าสังเกตท่าทางการแสดงออกของซี่ฟ่งที่เนื้อตัวสั่นกระเพื่อมมดเป็นเจ้าเข้าตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว แลเห็นว่ามีบางสิ่งอย่างผิดปกติกับเขา นางจึงมิได้เรียกกระบี่ทัณฑ์หยิบขึ้นมาใช้ อาศัยเพียงมือเปล่าเข้าต่อสู้แทน
หลบเลี่ยงคมกระบี่ยาวที่ฟาดฟันลงมาจากคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย เซียถงเพียงยกเท้าขึ้นแตะสวนตอบออกไป อัดกระแทกช่องท้องน้อยของเขากระหน่ำสามกระบวนต่อเนื่องอย่างแรงประดุจสายฟ้า เจอลูกเตะนี้เข้าไป ซี่ฟ่งถึงกับน้ำตาตกใน ไม่สามารถทนได้ไหวอีกแล้ว ร่างของเขาล้มนอนขดอยู่กับพื้นพร้อมเสียงท้องไส้ที่ดังโครกครากไม่หยุดหย่อน
เซียถงหันกลับมามอง ชายท้องร่วงที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นอีกครา ซี่ฟ่งนอนกุมหน้าท้องของตนแน่น นางย่างสามขุมเดินตรงเข้าไปใกล้ และบรรจงใช้ฝ่าเท้าย่างเหยียบลงบนหน้าท้องของอีกฝ่าย ค่อยๆ ออกแรงเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซี่ฟ่งที่โดนแบบนั้นก็ถึงกับส่งเสียงกรีดร้องคร่ำครวญจนเสียงหลง นางตระหนักทราบได้ทันทีว่า ชายคนนี้มีอาการท้องร่วงขั้นรุนแรง ชั่วพริบตาต่อมานางตัดสินใจช่วยเหลือเขาทันที ก้มตัวไปหาป้อนยาแก้ท้องร่วงแก่อีกฝ่ายเข้าปากโดยตรง
หลังจากนั้นไม่นานนัก คล้ายซี่ฟ่งทนไม่ไหวและต้องการเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้และทันที จึงเอ่ยปากตะโกนใส่ทางกรรมการ ทั้งทีท่าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความทรมานว่า
“ข้าขอยอมแพ้! ข้าขอยอมแพ้!!”
ทันทีที่สิ้นเสียง โดยหาได้คำนึงถึงภาพลักษณ์ใดๆ อีกต่อไป เขารีบวิ่งลงสนามประลองและกวาดสายตาไปทั่วเพื่อตามล่าหาห้องน้ำ
เซียถงเฝ้ามองอีกฝ่ายวิ่งหาห้องน้ำอย่างบ้าคลั่งปั่นป่วน พลางเคลื่อนสายตาเบี่ยงขึ้นไปมองไป๋หลี่หานที่ยืนมองอยู่ด้านบนนั้น การที่ชายคนนี้ดันเกิดอาการท้องร่วงระหว่างศึกการประลอง นี่หาใช่เหตุบังเอิญแต่อย่างใด เกรงว่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกของใครบางคนเสียมากกว่า
ประกายตาของไป๋หลี่หานช่างลึกล้ำดั่งมหาสมุทร กระทั่งเซียถงเองยังมิอาจมองทะลุเสาะพบถึงระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่า! จักรพรรดิหน่านเฟิง นี่หรือคืออัจฉริยะที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีของท่าน? ช่างน่าขันเสียเหลือเกิน! ช่างน่าขัน! ฮ่าฮ่าฮ่าๆๆ!”
องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ระเบิดหัวเราะลั่นสนั่นไปทั่วบริเวณ ในขณะที่แววความบูดบึ้งเปี่ยมโทสะพลันเผยปรากฏขึ้นบนใบหน้าขององค์จักรพรรดิแห่งหน่านเฟิงอย่างชัดเจน
เจ้าตัวรู้สึกอับอายอย่างที่สุดกับเหตุการณ์ทุเรศนี้ เจออีกฝ่ายระเบิดหัวเราะเยาะชนิดไม่มีเว้นช่องไฟ เขาก็สูดหายใจแช่มลึกแผดเสียงคำรามอย่างเดือดดาลสุดขั้ว
“อย่าเพิ่งชะล่าใจไป! ตงหลี่เพิ่งชนะแค่นัดเดียวเท่านั้น! ช่างน่าตลกขบขันสิ้นดี หากคนของหน่าเฟิงมิได้ประสบปัญหาทางด้านร่างกายที่ไม่เพียบพร้อม มีหรือที่คนจากตงหลี่จะเอาชนะได้ในวันนี้? ชัยชนะดังกล่าว มันมีสิ่งใดให้น่าภูมิใจ?”
“ไม่ว่าจะมีข้ออ้างอันใด แต่สุดท้ายคนจากตงหลี่ของข้าก็ชนะ!”
องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ยังคงรวนหัวเราะสะใจยิ่งนัก
“ชนะนัดนี้แล้วอย่างไร? หากนัดต่อไปแพ้ สุดท้ายจักรวรรดิตงหลี่ของเจ้าก็ได้ที่โหล่อยู่ดี!”
องค์จักรพรรดิหน่านเฟิงสบถคำวาจาแสนดูแคลนเป็นคำตอบ
กรรมการป่าวประกาศคำตัดสินให้เซียถงเป็นฝ่ายชนะ และนัดประลองต่อไปคือ จักรวรรดิเป่ยฮั่น ปะทะกับ จักรวรรดิซีฉิน เมื่อเห็นว่านางไม่มีรายการประลองอะไรต่อแล้ว จึงตั้งใจว่าจะกลับที่พัก จะอย่างไร หลัวซีเพิ่งลงสนามแข่งไปเมื่อวาน วันนี้ก็ไม่เหลืออะไรให้น่าดูต่อแล้วเช่นกัน จึงขึ้นไปทูลกับองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ สรรหาข้ออ้างเพื่อปลีกตัวออกมา
กลับมาถึงโรงเตี้ยม เซียถงก็เดินขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องพักส่วนตัวของชิงเยวี่ย วางแผนว่าจะไปขอยิมอุปกรณ์หลอมกลั่นโอสถจากอีกฝ่ายมาใช้
ชิงเยวี่ยกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องส่วนตัวของตน ในระหว่างวัน ขณะที่ผู้ชนทั้งหลายต่างให้ความสนใจกับงานประลองแข่งขัน เขาจึงใช้เวลาที่เหลือนี้นอนพักผ่อนตามอัธยาศัย เนื่องจากโรงเตี้ยมแห่งนี้ยังต้องใช้เป็นค่ายพักสำหรับผู้เข้าร่วมประลองจากสามจักรวรรดิที่เข้ามาเยี่ยมเยือนอีกหลายวัน เขาจึงมีหน้าที่เฝ้าตรวจความปลอดภัยแทบตลอดคืนวัน เพื่อป้องกันไม่ให้คนพวกนั้นก่อเรื่องสร้างปัญหา
ได้ยินเสียงเคาะประตูดัง เขาก็เดินไปเปิดดู พบว่าเป็นเซียถงที่มาหาตัวเองก็พลันตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่หนึ่ง ไม่นานรอยยิ้มที่แสบอบอุ่นก็คลี่ระบายประดับประดาบนใบหน้าของเขาในทันใด พร้อมกับประกายแสงสีดำสุดเจ้าเล่ห์ส่องสะท้อนผ่านนัยน์ตาขึ้นหนึ่งปราด และเอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณหนูเซีย? แข่งจบแล้วกระมัง? ชนะหรือไม่?”
“อืม”
เซียถงพยักหน้าตอบสั้นกลับไป แลเห็นประกายแสงผิดประหลาดโฉบแล่นผ่านสายตาของชิงเยวี่ย นางก็นึกแปลกใจ เอ่ยขึ้นมาว่า
“ดูท่าคู่แข่งที่ข้าเจ้าจะไม่ค่อยสบาย จึงยอมแพ้ไปเอง”
“คุณหนูเซียช่างโชคดีจริงๆ”
ชิงเยวี่ยยิ้มตอบ แต่ทันใดนั้นพลันปรากฏประกายแสงสีจางในดวงตาของเขาอีกครั้ง เพียงชั่วขณะก็จางหายวับไป จากนั้นเจ้าตัวผ่ายมือเชิญให้เซียถงเข้าห้องไปนั่งคุยกันดีๆ
สืบเท้าก้าวติดตามเข้าไปในห้องของชิงเยวี่ยอยู่สองสามก้าว จู่ๆ นางก็ปริปากเอ่ยถามขึ้นว่า
“น่าแปลกใจนักที่จู่ๆ ผู้เข้าร่วมงานประลองสี่จักรวรรดิที่เตรียมตัวมาตั้งเนิ่นนานกลับตกม้าตาย เกิดท้องร่วงระหว่างงานเสียได้”
“ข้าคุ้นๆ ว่า ช่วงเช้าของวันบังเอิญไปเห็น ท่านราชาหมาป่าสวรรค์เดินผ่านโต๊ะทานอาหารของคนจากหน่าเฟิง หลังจากชายหนุ่มที่ชื่อซี่ฟ่งทานข้าวเสร็จสรรพ ก็เริ่มวิ่งเข้าห้องน้ำไม่หยุด ก่อนจะออกเดินทางไปสนามประลอง เจ้าตัวแวะมาขอยาแก้ท้องร่วงกับข้าพเจ้า แต่บังเอิญเสียเหลือเกิน…ข้าพเจ้ากลับหยิบยาผิดตัวไปให้”
ชิงเยวี่ยพรายยิ้มคลี่สว่าง สีหน้าท่าทีประหนึ่งสายลมยามรัตติกาลราตรี ที่ทั้งดูสงบนิ่งและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
ปรากฏว่ากลับกลายเป็นเช่นนี้!
เหตุการณ์อัปยศที่เกิดขึ้นในวันนี้กับชายหนุ่มที่ชื่อซี่ฟ่ง คือผลงานชิ้นเอกของไป๋หลี่หานกับชิงเยวี่ยนี่เอง!
เซียถงพยักหน้ารับทราบ กวาดสายตามองรอบห้องของชิงเยวี่ยและกล่าวถามขึ้นว่า
“นายท่านชิงเยวี่ย มิทราบว่าขอยืมอุปกรณ์สำหรับหลอมโอสถสักหน่อยได้หรือไม่?”
“คุณหนูเซียเองก็เป็นนักหลอมโอสถ?”
ชิงเยวี่ยเลิกคิ้วมอง ประกายตาฉายแววแปลกใจ
“มิใช่อย่างนั้น เพียงต้องการศึกษาเรียนรู้สักเล็กน้อย”
เซียถงกล่าวตอบอีกฝ่ายน้ำเสียงแผ่วเบา ชิงเยวี่ยคนนี้รู้เรื่องของนางค่อนข้างมากเกินไปแล้ว และหากยังทราบอีกว่า นางเป็นนักหลอมโอสถ เกรงจะค่อนข้างอันตราย เพราะการที่ใครสักคนมีข้อมูลส่วนตัวของตนมากเกินไป นี่หาใช่เรื่องดีในอนาคต หากอีกฝ่ายแปรพักตร์หันมาเป็นศัตรู นางจะไม่เหลือแผนการใดๆ ให้เก็บซ่อนเพื่อใช้ตอบโต้ได้เลย
“เช่นนั้นคุณหนูเซียคงต้องตามข้าไปที่เรือนหลอมกลั่นโอสถในคฤหาสน์ของข้าพเจ้า”
ชิงเยวี่ยกล่าวตอบกลับไป โดยที่เจ้าตัวมิได้ซักไซ้ไถ่ถามอันใดต่ออีก