ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 294 ค้างแรมในคฤหาสน์ (2)
ตอนที่294 ค้างแรมในคฤหาสน์ (2)
ตอนที่294 ค้างแรมในคฤหาสน์ (2)
หากท่านอาจารย์ไป๋สามารถยืมเพลิงพิภพเก้าดุษณีมาใช้ได้ การหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้าคงง่ายลงเยอะมาก และนางจะไม่ได้ต้องมาเครียดและกดดันกับเรื่องนี้อีกต่อไป
“เช่นนั้น ค่อยว่ากันหลังจากที่ข้าหลอมกลั่นโอสถเสร็จ”
เซียถงพยักหน้าและไม่ปริปากกล่าวใดๆ อีกเลย
ห้ามรบกวนเวลาหลอมกลั่นโอสถโดยเด็ดขาด เมื่อชิงเยวี่ยตระหนักได้ถึงกฎเหล็กข้อนี้ เขาก็ปิดปากเงียบสงัดในบัดดล เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังอย่างใจเย็น รอจนกว่านางจะหลอมกลั่นโอสถเสร็จสิ้น
กลางดึก ในที่สุดเซียถงก็หลอมกลั่นโอสถเสร็จสิ้นเสียที เมื่อพินิจตรวจสอบคุณภาพโอสถ ปรากฏว่าโอสถเฟม็ดนี้เป็นถึงโอสถทองคำ! ทั่วทั้งใบหน้าของนางเต็มไปด้วยแววความประหลาดใจเผยแสดงออกมา คุณภาพโอสถที่สูงส่งปานนี้ นางกลับสามารถหลอมสร้างขึ้นมาได้เพียงครึ่งวันเท่านั้น!
และนี่ยังหมายความได้อีกว่า ระดับชั้นนักหลอมโอสถของนางได้เลื่อนขั้นกลายเป็น ราชาโอสถชั้นกลาง เรียบร้อยแล้ว ชิงเยวี่ยชำเลืองสายตามองโอสถเม็ดนั้นในมือของเซียถง สีหน้าแววตาเปี่ยมล้นความชื่นชมสุดหัวใจ ตั้งแต่เกิดมาจวบจนตอนนี้ เขาไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนเลยว่า สาวน้อยที่เป็นแค่ราชาโอสถชั้นกลางจะสามารถหลอมกลั่นโอสถที่มีคุณภาพสูงปานนี้ภายในเวลาครึ่งวันได้ และนี่ยิ่งทำให้ทัศนคติของเขาที่มีต่อเซียถงดูดีขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
ไม่รู้เลยว่า สาวน้อยนางนี้ยังสร้างความประหลาดใจอะไรให้เขาอีกหรือไม่ในอนาคต
“นายท่านชิงเยวี่ย ข้ามิได้มีปัญหาอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องที่จะให้ยืมเพลิงพิภพเก้าดุษณีไปใช้งาน เพียงแต่สงสัยอยู่ประการหนึ่ง ถึงเหตุผลที่อาจารย์ของท่านถึงต้องการหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพอย่างเอาเป็นเอาตายปานนี้?”
ปลีกวิเวกเก็บตัวนานถึงสิบปีเพื่อหลอมกลั่นโอสถเม็ดเดียว นี่เห็นได้ชัดแจ้งยิ่งว่า ปรมาจารย์ไป๋ให้ความสำคัญกับโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้ามากล้นเพียงใด คิดได้ดังนั้น เซียถงจึงเอ่ยถามออกไปทันที
“ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เมื่อสิบปีที่แล้ว หลังจากที่ท่านอาจารย์กลับมาถึงเมืองซีเยว่ จู่ๆ นางก็บอกว่า ต้องการปลีกวิเวกเก็บตัวเพื่อหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้า ส่วนเหตุผลนั้นไม่มีผู้ใดทราบ”
กระทั่งชิงเยวี่ยที่เป็นศิษย์ก็ยังไม่รู้ เกรงว่าหลังจากงานประลองสิ้นสุดลง เซียถงจะต้องหาโอกาสไปพบปรมาจารย์ไป๋สักคราหนึ่ง จะอย่างไร หากเรียงลำดับความสำคัญในเวลานี้ งานประลองยังมาเป็นอันดับหนึ่ง
“นายท่านชิงเยวี่ย หลังจบงานประลอง พวกเราลองไปหารือเกี่ยวกับเรื่องหลอมกลั่นโอสถวัฏจักรคืนชีพระดับเก้ากันสักคราดีหรือไม่?”
เซียถงกล่าวเสนอ
ชิงเยวี่ยเองย่อมทราบ เรื่องราวเฉกเช่นนี้มิสามารถใจรน้อยเร่งรีบได้ และไม่อาจแก้ไขคลายปมในชั่วข้ามคืน ดั่งว่าแล้ว ชิงเยวี่ยก็พยักหน้าตอบเห็นด้วยและกล่าวตอบว่า
“ดีเลย หลังจากงานประลองสิ้นสุดลง แล้วพวกเราค่อยเดินทางไปหาท่านอาจารย์ไป๋”
เดินจากเรือนหลอมกลั่นโอสถออกมา เซียถงก็บอกลาเตรียมจะจากไป แลต่ชิงเยวี่ยกลับรั้งไว้เสีย
“นี่ก็มืดค่ำมากแล้ว เส้นทางกลับโรงเตี้ยมค่อนข้างไกลแถมยังเปลี่ยว หากคุณหนูเซียมิได้รู้สึกอึดอัดใจอะไร เช่นนั้นก็ค้างแรมในคฤหาสน์ของข้าพเจ้าสักคืน ภายในนี้มีห้องว่างตั้งมากมาย ท่านเลือกนอนได้ตามอิสระเลย”
แลเห็นรอยยิ้มจริงใจของชิงเยวี่ย เซียถงก็ครุ่นคิดอยู่สักครู่จึงค่อยกล่าวว่า
“เช่นนั้นต้องรบกวนท่านแล้ว”
ชิงเยวี่ยเลือกสรรสาวรับใช้ที่ดีที่สุดมาให้ ทั้งยังสั่งให้ไปจัดห้องพักแก่นาง
ภายในนี้มีห้องว่างตั้งมากมาย เซียถงสุ่มเลือกสักห้อง หลังจากนั้นไม่นานก็มีสาวรับใช้จำนวนหนึ่งเข้าไปทำความสะอาดจัดห้องให้ใหม่ โดยบอกให้นางลงไปรอก่อนที่ชั้นล่าง เห็นระหว่างนี้ค่อนข้างว่าง จึงหยิบโอสถตบเข้าปากและกลืนลงไปโดยตรง
ประมาณคืนวานก่อน ระดับความแข็งแกร่งของนางเพิ่งจะทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตเสาหลักฟ้าชั้นสูง เส้นลมปราณทั่วร่างกำลังปรับตัวได้ไม่นานจึงยังไม่เสถียร ดังนั้นแล้ว หลังจากที่กลืนโอสถเสริมความแข็งแกร่งซ้ำเข้าไป เลือดลมในกายของนางพลันเกิดอาการปั่นปวนในทันใด พลังลมปราณระลอกแล้วระลอกเล่าเดือดพล่านเสมือนทะเลคลั่ง เพียงชั่วพริบตา นางรู้สึกทรมานยิ่งยวดเสมือนตัวจะระเบิด
นางพยายามกล้ำกลืนฝืนทน ข่มโลหิตที่ไหลเวียนโคจรปั่นป่วนให้สงบลง ผลักดันพลังลมปราณเหล่านั้นอัดฉีดไปยังกล้ามเนื้อทุกมัดส่วนในร่างกาย
ยามรุ่งสางของอีกวันเยี่ยมเยือน เส้นลมปราณและเส้นเอ็นทั้งหมดทั่วร่างกายของเซียถงถูกชำระจนสะอาดหมดจด ปรากฏคลื่นรัศมีแสงสีม่วงประกายสว่างไสวขึ้นฉาบคลุมบนตัว เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า นางทะลวงขึ้นสู่ขอบเขตราชันย์ม่วงชั้นต้นได้แล้ว
ถึงอดหลับอดนอนตลอดทั้งคืนวัน แต่พลังจิตวิญญาณของนางช่างกระชุ่มกระชวย เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง
พอเปิดประตูคฤหาสน์ออกมา ทันใดนั้นก็พลันพบ ทิวทัศน์สีชมพูสบายตา บรรยากาศร่มรื่นพร้อมสายลมเย็นพัดโชยอ่อน
ตั้งแต่ห้องพร้อมเข้าพักเมื่อคืน นางก็มิได้ออกมาจากตัวคฤหาสน์อีกเลย จึงมิได้สนใจบรรยากาศและทัศนียภาพโดยรอบคฤหาสน์แห่งนี้เลยสักนิด เฉพาะช่วงเวลาดังกล่าว นางเพิ่งจะค้นพบว่า มีต้นดอกเหมยจำนวนนับไม่ถ้วนถูกปลูกไว้รอบล้อมตัวคฤหาสน์ของชิงเยวี่ย และประจวบเหมาะอย่างพอดิบพอดีที่วันนี้เป็นช่วงออกดอกของมัน กิ่งก้านยื่นเหยียดยาว ปกคลุมไปด้วยกลีบดอกเหมยสีชมพูปนแดง สายลมโอนอ่อนชักนำกลิ่นหอมละมุนไปทั่วอากาศ
ปรากฏว่า พวกมันพริบานก่อนที่นางจะรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรเสีย ถึงแม้กลีบดอกเหมยเหล่านั้นจะละเอียดอ่อนและสวยงามเพียงใด แต่ก็ยังมิอาจเทียบเคียง ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใต้ต้นดอกเหมยมิได้เลย เขาผู้นั้นสวมเสื้อคลุมยาวสีม่วง กำลังยืนหันข้าง หลังพิงพักลำต้นหนาพลางกอดอกแน่น มัดผมทรงหางม้าปลิดปลิวสลวยยาวสีดำน้ำหมึก ใบหน้าครึ่งซีกที่นางเห็นเผยแสดงทรงจมูกปราดเปรียวกำลังงาม ผนวกเข้ากับแสงตะวันยามรุ่งสางสีอ่อนที่ส่องกระทบลงมา ภาพฉากดังกล่าวเปรียบเสมือนรูปวาดพู่กันงานศิลป์ชิ้นเอก!
เขาคนนั้นก็คือ ชิงเยวี่ย
เซียถงยืนมองอีกฝ่ายที่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นดอกเหมย สีหน้าเผยประดับร่องรอยสงสัยหนึ่งส่วน บนเสื้อคลุมสีม่วงเนื้อละเอียด หากสังเกตให้ดีจะพบหยาดน้ำค้างสีพิสุทธิ์ใสตกผลึกแข็งตัวเกาะอยู่ บริเวณปลายผมก็เช่นกัน จะเห็นได้ว่า เขายืนรออยู่ด้านคฤหาสน์อยู่นานสักพักใหญ่แล้ว
ถึงแม้ยามที่กลีบดอกเหมยเกิดแม่คะนิ้งในช่วงเช้าตรู่จะน่าดูชมเพียงใด แต่เขาก็ไม่เห็นจำต้องตื่นเช้าก่อนไก่โห่ถึงปานนี้จริงหรือไม่?
เห็นเซียถงเดินออกมา ชิงเยวี่ยก็พยุงร่างเหยียดตรงพร้อมส่งยิ้มหวานสีบางหมายมอบ ทำให้ตัวเขาดูมีเสน่ห์ขึ้นเป็นอย่างมาก
“หยิบใช้โอสถเสริมความแข็งแกร่งทันที หลังจากที่เพิ่งเลื่อนชั้นพลังลมปราณ ค่อนข้างมีความเสี่ยงอันตราย ข้าพเจ้าก็เป็นกังวลว่า จะเกิดเรื่องอะไรกับคุณหนูเซียหรือเปล่า ก็เลยค่อนข้างคิดมากจนนอนไม่ค่อยหลับ”
รอยยิ้มที่ประดับแช่มบนใบหน้าของเขาช่างอบอุ่นประดุจหยก แต่เซียถงก็ยังสังเกตเห็น ใต้ขอบตาของอีกฝ่ายที่ดูหมองคล้ำเล็กน้อย
มิใช่ว่าเขายืนเฝ้านางอยู่ตรงนี้ตลอดทั้งคืนเลยใช่ไหม? หนึ่งความคิดโฉบแล่นผ่านเข้ามาในหัว เซียถงพยายามไม่สืบสาวครุ่นพินิจใดๆ ต่อ เพียงพยักหน้าให้อีกฝ่ายและกล่าวว่า
“มิได้เป็นอะไร ข้ายังสบายดี”
ชิงเยวี่ยดูจะเป็นห่วงมากจริงๆ พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าก็ดูคลายอ่อนโล่งใจขึ้นมาก อาหารเช้าก็พร้อมแล้ว เซียถงเดินติดตามเขาเข้าไปในเรือนรับประทานอาหาร ชุดหนึ่งมีอาหารทั้งหมดสี่ที่ เคียงด้วยน้ำแกงอีกถ้วย สาวรับใช้ยกมาในถาดไม้ศักดิ์แกะสลัก เพิ่มเสริมให้ดูหรูหราน่ารับประทานยิ่งขึ้นไปอีก
เซียถงเพิ่งจะได้นั่ง ทันใดนั้นเจ้าจี๋จี๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในชใต้อกเสื้อของนางก็กระโดดออกมา พร้อมร่อนลงจอดในชามข้าวใบหนึ่งเพื่อสวาปามโดยไว ชิงเยวี่ยเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยกระหน่ำยัดอาหารเข้าปากจนป่อง ขณะร้องเสียงแหลมดังเป็นระยะ ปฏิกิริยาท่าทางของเขาดูปกติมากราวกับไม่มีอะไรผิดแปลก แถมยังกวักมือเรียกสาวรับใช้ให้ไปเตรียมอาหารเช้าชุดใหม่มาทันที
หลังจากประทานอาหารกันเสร็จสรรพ ชิงเยวี่ยกับเซียถงก็เดินทางกลับไปยังโรงเตี้ยมด้วยกัน วาทศิลป์ของชิงเยวี่ยถือว่าดีเยี่ยม ทำให้นางสามารถพูดคุยกับอีกฝ่ายได้อย่างสบายใจ และเปิดโลกทัศน์นางให้กว้างไกลขึ้น ทำให้รู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างนักบนผืนพิภพแห่งนี้ที่น่าสนใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เวลาที่พูดคุยกับเขา มันทำให้เซียถงมีความสุขมากจริงๆ
ทั้งสองเดินจนไปสุดทางถึงที่หมายทั้งที่นางยังไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ชิงเยวี่ยคนนี้กลายเป็นสหายคนหนึ่งของนางไปโดยปริยาย และยังเป็นผู้ที่คอยเฝ้าเป็นห่วงเป็นใยนางคนหนึ่งเช่นกัน ทั้งรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นและวาทศิลป์ที่ดี คุยกันไม่นานก็ถูกคอกันแล้ว สิ่งนี้ได้ค่อยๆ ละลายธารน้ำแข็งในหัวใจของนางทีละเล็กละน้อยอย่างแช่มช้า