ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 313 บททดสอบ (1)
ตอนที่313 บททดสอบ (1)
ตอนที่313 บททดสอบ (1)
“แต่”
ทันใดนั้นรอยยิ้มบนมุมปากของเซียถงก็พลันหายไป นางหันไปกล่าวกับองค์จักรพรรดิแห่งซีฉินว่า
“แต่อย่างไร องค์รัชทยาทชิงเยวี่ยจักต้องผ่านบททดสอบของหม่อมฉันเสียก่อน หากทำไม่ได้ แสดงว่าเขามิได้ปรารถนาที่จะอภิเษกสมรสกับหม่อมฉันจริงๆ และในเมื่อเป็นเฉกเช่นนั้นคงไม่ต้องการถึงเรื่องนี้อีกต่อไป”
ประกายตาคู่นั้นขององค์จักรพรรดิแห่งซีฉินฉายแววประหลาดใจออกมา รอยยิ้มเปี่ยมสุขก่อนหน้าพลันแข็งทื่อไปโดยพลัน เขาหันมาเอ่ยถามกับชิงเยวี่ยว่า
“ชิงเยวี่ย เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?”
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉน สาวน้อยนางนี้ตอบตกลงโดยง่ายปานนี้ ปรากฏว่ามีลับลมคมในอยู่เสียนี่
ชิงเยวี่ยคลี่ยิ้มแสนหล่อเหล่า พยักหน้าตอบกลับไปช้าๆ ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เขายังมีทางเลือกอื่นอีกงั้นรึ? การที่หญิงสาวผู้มากด้วยศักดิ์ศรีเฉกเช่นเซียถงยอมตกลงอะไรง่ายๆ โดยไม่มีข้อแม้ นี่คงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดเกินไปจริงๆ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับเส้นทางชีวิตในอนาคต มีหรือที่นางจะยอมตกลงทั้งแบบนี้? เขาชำเลืองสายตาเหลือบมองไป๋หลี่หานอยู่หนึ่งปราด และโค้งศีรษะคำนับแก่องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินและกล่าวว่า
“เพื่อพิสูจน์ความจริงใจที่มีให้ ข้ายินดีตอบรับบททดสอบของแม่นางเซีย”
พอได้ยินเงื่อนไขที่เซียถงเอ่ยกล่าวออกมา ทั้งไป๋หลี่หานกับองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ต่างลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปรากฏว่า นางยังมีแผนการรับมือซ้อนหลังอยู่ แต่หากชิงเยวี่ยผ่านบททดสอบของนางขึ้นมาล่ะ…
เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น ไป๋หลี่หานก็พลันใจหายวูบไปยังตาตุ่มอีกครั้ง เพ่งสายตาจับจ้องไปทางชิงเยวี่ย แผดรังสีภัยคุกคามฉายแวบผ่านออกมาโดยไม่มีปิดบังใดๆ ถ้าหากหมอนี่ผ่านบททดสอบของเซียถงไปได้จริงๆ หลังจากนี้เขาจักต้องเสาะหาโอกาสกำจัดเสี้ยนหนามหัวใจคนนี้แน่นอน
“ในเมื่อชิงเยวี่ยตอบตกลงแล้ว เช่นนั้นเซียถง เจ้าต้องการจะทดสอบอะไรเขา?”
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินเอ่ยถามขึ้น
“หม่อมฉันมีบทดสอบสองข้อ ตราบเท่าที่องค์รัชทายาทชิงเยวี่ยทำได้ทั้งหมดจะถือว่าผ่าน แต่หากผิดแม้แต่ข้อเดียวจะถือว่าล้มเหลวทันที”
ประกายตาเซียถงลุกโชนโหมปะทุเป็นเปลวไฟขึ้นทันใด
“เช่นนั้นแม่นางเซียโปรดเริ่มการทดสอบได้!”
สิ่งนี้ได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของชิงเยวี่ยมิน้อย เขารีบผายมือเพื่อเป็นสัญญาณเริ่มต้นแก่นางทันที
“ตกลง!”
เซียถงพยักหน้าพลางกดสายตามองลงบนพื้นอย่างครุ่นคิด ในเวลานี้ทุกคนในงานเลี้ยงต่างเฝ้ามองไปยังนางจนเป็นทางเดียว ต่างสงสัยเหลือเกินว่า หญิงสาวนางนี้จงใจตั้งโจทย์ปัญหาให้ยากเข้าไว้ เพื่อที่จะปฏิเสธงานอภิเษกสมรสขององค์รัชทยาทผู้นี้หรือไม่?
แลเห็นท่าทางพินิจครุ่นคิดของเซียถง ไป๋หลี่หานก็อดเป็นกังวลมิได้ เจ้าตัวถึงขั้นอธิษฐานกับตัวเองในใจ ขอให้บททดสอบที่ว่าของนางต้องยากชนิดที่ว่าไม่มีใครสามารถทำได้ เจ้าตัวแลเหลือบไปเห็นรอยยิ้มสีจางที่ประดับประดาบนใบหน้าของชิงเยวี่ย ก็พลันอดรู้สึกรำคาญใจมิได้ สิบนิ้วสองมือผสานกำหมัดแน่นหนา พยายายามยับยั้งอารมณ์ให้คงที่เสถียร
คล้อยหลังไม่นานสักครู่ เซียถงก็เงยหน้าขึ้นเชิดสายตามสบกวาดมองทุกคนที่อยู่โดยรอบ ก่อนที่ท้ายที่สุดจะหยุดลงที่สาวรับใช้ในวังตัวน้อยนางหนึ่งที่อยู่มุมโถง
เห็นสาวรับใช้ตัวน้อยกำลังยืนประหม่าดังนั้น เซียถงก็ก้าวแช่มตรงเข้าไปหานาง อีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกตกใจที่จู่ๆ ก็กลายมาเป็นจุดสนใจของทุกคนในงาน นัยน์ตาเริ่มเห่อร้อยเปียกปอนด้วยความกลัว มองดูเซียถงที่เอื้อมเรียวนิ้วประดุจหยกเข้าหาตน แต่ก่อนที่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ อีกฝ่ายก็หยิบปิ่นปักผมสีเงินที่ทัดผมของนางออกมาไว้กับมือ
“องค์รัชทยาทชิงเยวี่ย หากท่านสามารถร้อยด้ายลอดผ่านรูทั้งเก้าในปิ่นเงินเก้าลวดลายเล่มนี้ได้โดยไม่สัมผัสตัวปิ่น จะถือว่าท่านผ่านบททดสอบในรอบนี้ไป”
เซียถงส่งปิ่นเงินเก้าลวดลายให้แก่ชิงเยวี่ยตรงหน้า
“โดยไม่สัมผัสปิ่น? นี่จะเป็นไปได้ยังไง?”
“ร้อยด้ายผ่านปิ่นเก้าลวดลายปกติก็ว่ายากแล้ว นี่จะทำได้ยังไงกัน?”
ผู้คนรอบข้างต่างจับจ้องไปที่ปิ่นเงินเก้าลวดลายเล่มนั้นในมือเซียถง สีหน้าการแสดงออกชวนฉงนสงสัยกันใหญ่ เป็นที่ชัดเจนว่า แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสอดด้ายโดยไม่จับตัวปิ่น ไม่นาน เสียงซุบซิบสนทนาก็เริ่มดังเจือแจวทั่วงานเลี้ยง
ปิ่นเงินเก้าลวดลวายเล่มในมือเซียถงเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป มันคือปิ่นเงินที่มีลวดลายบุปผาทั้งหมดเก้าดอก และรูระหว่างกันค่อนข้างเล็กจนแทบปิดทับกันสนิท นิยมใช้กันในหมู่สาวรับใช้ที่สถานะยังไม่ค่อยสูงนัก
อย่างไรเสีย การจะสอดด้ายเชื่อมเก้ารูพร้อมกันโดยห้ามแตะสัมผัสตัวปิ่น ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่มีทางทำได้เลยจริงๆ
“เซียถง นี่เจ้าจงใจสร้างปัญหาที่ไม่มีเฉลยกระมัง? จะร้อยด้ายเข้าผ่านรูทั้งเก้าโดยไม่สัมผัสตัวปิ่นได้เยี่ยงไร?”
“เมื่อหม่อมฉันกล้าที่จะถาม แสดงว่ามีคำตอบข้อเฉลยรอไว้อยู่แล้ว สงสัยเหลือเกินว่า องค์รัชทยาทชิงเยวี่ยจะสามารถแก้ไขบททดสอบนี้รึเปล่า?”
เซียถงส่งสายตาไปหาชิงเยวี่ยเป็นประกายสดใส ตราบใดที่ชิงเยวี่ยขอยอมแพ้ นางจะเฉลยวิธีผ่านบททดสอบนี้ให้เป็นยประจักษ์ทันที
ดูท่าแล้ว ชิงเยวี่จะไม่เคยเผชิญพบกับโจทย์ปัญหาเช่นนี้มาก่อน เขาขมวดคิ้วถักหนา มุ่งสมาธิจับจ้องอยู่แต่กับปิ่นเก้าลวดลายและด้ายเส้นหนึ่ง พอเห็นว่าชิงเยวี่ยมิได้ปริปากใดๆ เอ่ยตอบ เซียถงเองก็ไม่เร่งเร้าหรือขัดสมาธิอีกฝ่ายเช่นกัน เพียงวางปิ่นเงินกับด้ายลงบนโต๊ะ และกลับไปนั่งรอคำตอบ
“เซียถง เจ้าแน่ใจรึว่ามีวิธีร้อยด้ายเข้าไปโดยไม่ต้องสัมผัส?”
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินเพ่งมองปิ่นเงินเก้าลวดลายเล่มนั้นอยู่นาน ก่อนจะละสายตาหันมาเอ่ยถามกับเซียถงด้วยความสงสัย
“หม่อมฉันมีวิธีผ่านอยู่ในใจแล้ว”
การที่เซียถงกล้าตั้งคำถามเช่นนี้ออกมา ก็ย่อมมีเฉลยเตรียมไว้แล้วเช่นกัน นางหันไปมองชิงเยวี่ยและกล่าวว่า
“หากองค์รัชทยาทชิงเยวี่ยประกาศยอมแพ้ หม่อมฉันจะเฉลยวิธีให้ฟังทันที!”
“ไม่! ข้าขอใช้เวลาคิดก่อน!”
ชิงเยวี่ยจ้องปิ่นเงินเก้าลวดลายตาเขม็ง พร้อมโบกมือให้เซียถงเชิงสัญลักษณ์ว่ายังไม่ยอมแพ้ตอนนี้
เซียถงพยักหน้าตอบเบาๆ และนั่งรอต่อไป
แลเห็นทีท่าการแสดงออกอันสุดแสนจะมั่นใจของเซียถง ผู้คนรอบตัวต่างก็หยุดตั้งคำถามข้อสงสัย พลางมุ่งสายตาไปทางปิ่นปักผมเล่มนั้นบนโต๊ะ ลองใช้สมองประลองปัญญาดูว่า จะทำร้อยด้ายเข้าไปได้อย่างไรโดยไม่สัมผัสตัวปิ่น?
ไป๋หลี่หานเองก็มองปิ่นเงินเล่มนั้นพร้อมระดมความคิดใช้สมองอย่างหนัก หากตั้งใจมุ่งสมาธิจดจ่ออยู่ที่ด้าย การจะร้อยให้ผ่านสักรูก็ถือมิใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่นี่กลับต้องร้อยทั้งหมดเก้ารูในคราวเดียว นี่กลับจนปัญญาเช่นกัน
เพราะรูระหว่างลวดลายบุปผาทั้งเก้าดอกกลับโค้งงออยู่ไม่ตรงกันเลย จะบังคับเส้นด้ายเล็กๆ ให้บิดเอียงตามสรีระทรงของมันก็ไม่ได้ แถมยังห้ามสัมผัสตัวปิ่นอีกต่างหาก เช่นนี้แล้วจะร้อยอย่างไรให้ครบเก้ารู?
วิธีเดียวที่พอจะคิดออกคือ ต้องบังคับเส้นด้ายให้เลี้ยวขยับไปตามรูต่อรูเอง แต่ปัญหาก็คือ คนเราจะสามารถควบคุมเส้นด้ายให้หักเลี้ยวเองได้อย่างไร?
บรรยากาศทั่วทั้งโถงใหญ่ตกสู่ความเงียบสงัด ทุกคนต่างกำลังใช้ความคิดกันอย่างหนักหน่วงสำหรับวิธีที่จะร้อยด้านผ่านทั้งเก้ารูปิ่นปักผมเล่มนี้ กระทั่งองค์จักรพรรดิทั้งสี่เอง แต่ละพระองค์ราวกับตกสู่ห้วงภวังค์ความคิดอันแสนลึกล้ำ เซียถงกวาดสายตามองทุกคนที่มุ่นคิ้วเครียด สักพักชักรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา จึงหันไปหยิบจอกสุราขึ้นดื่มตามลำพัง
ขณะที่ชิงเยวี่ยที่ยืนใช้สมาธิครุ่นคิดอย่างหนัก ณ ใจกลางโถงพร้อมโต๊ะตัวหนึ่งที่มีปิ่นและด้ายอยู่บนนั้น ในอีกด้าน ไป๋หลี่หานที่กำลังถือจอกสุราค้างเติ่งด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างกำลังยกนิ้วเคาะโต๊ะเป็นจังหวะเบาๆ ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็กำลังใช้ความคิดอย่างหนักเช่นกัน
ครึ่งชั่วยามต่อมา ก็นยังไม่มีใครตอบคำถามข้อนี้ได้แม้แต่คนเดียว ในขณะนั้น บรรดาขุนนางชั้นสูงบางคนจากจักรวรรดิซีฉินก็เริ่มเดือดเนื้อร้อนใจ ชักจะสงสัยแล้วว่า เซียถงกำลังตั้งโจทย์ปัญหาที่ไม่มีคำตอบอยู่จริงๆ