ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 316 จงใจสร้างปัญหา (2)
ตอนที่316 จงใจสร้างปัญหา (2)
ตอนที่316 จงใจสร้างปัญหา (2)
ชิงเยวี่ยยกมือข้างที่ผูกด้ายไว้กับตัวมดวางลงบนโต๊ะ และปล่อยให้มันเดินเยื้องย่างต่อไปอย่างเงียบๆ เดินลอดผ่านรูบนปิ่นเงินเก้าลวดลายไปอย่างช้าๆ
บรรยากาศทั่วทั้งโถงใหญ่พลันเงียบสงัดในทันใด สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนต่างจับจ้องมาที่ปิ่นสีเงินบนโตณะอย่างตั้งอกตั้งใจ
“องค์รัชทายาทชิงเยวี่ยเข้าใจถูกต้องแล้ว”
เซียถงเดินไปหยิบปิ่นเงินเก้าลวดลายขึ้นจากโต๊ะ เขย่าสองสามคราสะบัดมดทิ้งไป จากนั้นค่อยโยนปิ่นดังกล่าวลอยผ่านอากาศตกสู่มือสาวรับใช้ในวังนางนั้นที่ยืมมาดังเดิม
“ฮ่าฮ่าฮ่า! ชิงเอ๋อร์ เจ้าชาญฉลาดยิ่งแล้ว!”
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินแผดเสียงหัวเราะ คราวนี้ชิงเยวี่ยได้กอบกู้ชื่อเสียง ทำให้ตัวเขากลับมามีหน้ามีตาอีกครั้งหนึ่ง ไอหมอกสีดำทมิฬที่คลุมเคลือบใบหน้าของเขาก่อนหน้าได้ถูกขจัดทิ้งไปสิ้น
“องค์รัชทายาทชิงเยวี่ยผู้นี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นปราชญ์โอสถผู้เก่งกาจเท่านั้น แต่ในด้านภูมิปัญญายังสูงล้ำน่านับถือ”
“ช่างน่าอิจฉาเสียจริง! ที่จักรวรรดิซีฉินมีอัจฉริยะมากพรสวรรค์อย่างองค์รัชทายาทชิงเยวี่ย!”
หลายต่อหลายคนต่างเอ่ยปากเชยชมอยู่ลือ องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินที่ได้ยินดังนั้นก็ระบายยิ้มสุขใจ หันไปหาองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่และกล่าวขึ้นว่า
“จักรพรรดิตงหลี่ ชิงเอ๋อร์ของข้าทั้งหล่อเหลาและชาญฉลาด ทั้งยังเป็นถึงปราชญ์โอสถคนหนึ่ง เขามีคุณสมบัติเพียงพอแล้วที่จะครองคู่กับเซียถง!”
“องค์รัชทยาทชิงเยวี่ยนับว่าฉลาดหลักแหล่มอย่างแท้จริง และกลับเป็นฝ่ายเซียถงที่ไม่คู่ควรกับเขาเสียมากกว่า อัจฉริยะรอบด้านปานนี้ยังมีอิสตรีอีกมากที่เหมาะสม”
องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ในเวลานี้ ย่อมพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาเซียถงเอาไว้ จึงไม่มีอารมณ์มานั่งโต้เถียงกับอีกฝ่าย
“ไม่เลย คนที่ชิงเอ๋อร์รักใคร่ก็คือเซียถง และก็ดูเหมือนว่าเซียถงเองก็จะสนใจเขาไม่น้อย แล้วคนอย่างข้าหรือจะไปเป็นไม้ขวางทาง? ข้ายังไปแอบได้ยินมาว่า เมื่อไม่กี่วันก่อน เซียถงไปค้างแรมอยู่ในคฤหสาน์ของชิงเอร์ด้วย อยู่ด้วยกับเพียงสองต่อสอง”
สีหน้าการแสดงออกขององค์จักรพรรดิตงหลี่ถึงกับแปรเปลี่ยนไปทันควัน เหลียวศีรษะชำเลืองมองเซียถง สีหน้าแววตาดูตกตะลึงอย่างยิ่ง นางไปค้างแรมอยู่ในคฤหาสน์ของชิงเยวี่ยจริงๆ งั้นรึ?
ทันใดนั้นเขาพลันย้อนกลับไปนึกถึง ข้อสงสัยข้อหนึ่งที่ตลอดมาไม่เคยไขกระจ่างได้เลยว่า ทำไมองค์จักรพรรดิแห่งซีฉินถึงต้องส่งชิงเยวี่ยมาเป็นทูตที่คอยต้อนรับแขกจากจักรวรรดิอื่น? ส่งผู้ซึ่งเป็นถึงบุตรชายบุญธรรมและปราชญ์โอสถออกไปคอยเฝ้าแขกอยู่ในโรงเตี้ยม นี่มันไม่แปลกเกินไปหน่อยรึ?
แต่แล้วความจริงก็เริ่มกระจ่างชัดขึ้น ปรากฏว่างานประลองสี่จักรวรรดิในครั้งนี้ ทั้งหมดเป็นเพียงการทดสอบของเซียถง จึงเป็นเหตุผลที่ว่า เหตุใดหลินเฟยถึงมิได้รู้สึกตกใจมากนักที่พ่ายให้แก่นาง จะมีก็เพียงความเคียดแค้นที่ดันไปถูกตัดแขนตัดขาทิ้ง กล่าวคือ องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินทราบเรื่องความเป็นมาทั้งหมดของเซียถงตั้งแต่แรกแล้ว และยังรวมไปถึงข้อมูลลับสุดยอดอย่าง เรื่องเฒ่าประหลาดผู้อยู่เบื้องหลังของเซียถงอีกที ซึ่งนี่เป็นความลับที่องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่พยายามปกปิดมันเอาไว้ตลอดมา สรุปได้ว่า จุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายก็คือ การดึงเซียถงมาเป็นพวก เพื่อหวังจะใช้ประโยชน์จากเฒ่าลึกลับที่อยู่เบื้องหลังของนางในอนาคต ข้อสันนิษฐานนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก!
ถึงแม้ว่าภายในจักรวรรดิซีฉินจะมีจำนวนนักหลอมโอสถมากกว่าจักรวรรดิอื่นๆ แต่นักหลอมโอสถอันดับหนึ่งอย่างไป๋ปิง กลับปลีกวิเวกเก็บตัวลึกลับมานานกว่าสิบปีเต็ม เพื่อที่จะหลอมกลั่นโอสถวัฎจักรคืนชีพระดับเก้าขึ้นให้สำเร็จ ดังนั้น นี่ก็เทียบเท่ากับว่า ข้างกายขององค์จักรพรรดิแห่งซีฉินในเวลานี้ไม่มีเซียนโอสถคอยให้ความสนับสนุนอยู่ข้างกายดั่งแต่ก่อนอีกแล้ว
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินคงทุ่มทรัพย์สมบัติจำนวนไม่น้อยเพื่อซื้อข่าวข้อมูลของเซียถงมา ก็หมายความว่า เขาน่าจะรู้เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเซียถงเฉกเช่นเดียวกับตัวเขา ต้องมีใครสักคนในซีฉินที่กำลังเก็บรวบรวมข้อมูลของเซียถงในตอนที่อยู่ตงหลี่แน่นอน มิฉะนั้นเรื่องเฒ่าประหลาดผู้อยู่คอยสนับสนุนเซียถงอยู่เบื้องหลังจะรั่วไหลออกมาได้อย่างไร? เพราะข่าวดังกล่าวล้วนถูกเขาปิดกั้นทุกวิถีทางมิให้รั่วไหลออกไปภายนอก หรือก็คือ มีไม่กี่คนภายในวังหลวงตงหลี่วันนั้นที่ทราบเรื่องนี้ การที่องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินให้ความสนใจในตัวเซียถงขนาดนี้ถึงขั้นวางแผนใหญ่เพื่อจ้องจะฉกชิงตัว นี่เห็นได้ชัดเจนแล้วว่า…ภายในวังหลวงตงหลี่วันนั้นต้องมีหนอนบ่อนไส้!
คิดมาถึงจุดนี้ องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ขมวดคิ้วถักแน่นหนา ปรากฏหมอกคัวนชั้นหนาทมิฬปกคลุมทั่วใบหน้าโดยมิทันรู้ตัว
สีหน้าของไป๋หลี่หานเองก็หม่นทมิฬพอๆ กับองค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ เพียงว่าสีหน้าที่แสดงออกมาถูกหน้ากากปิดกั้นเอาไว้ ส่งผลให้คนรอบข้างไม่สามารถจับสังเกตเห็นได้ จะมีก็เพียงคนเดียวที่สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นอารมณ์อันไม่พึงประสงค์ของไป๋หลี่หานได้ก็คือ ชิงเยวี่ย เพราะเจ้าตัวกำลังสบสายตาจับจ้องกับเขาอยู่ จับจ้องกันตาเขม็งเช่นนี้หากไม่รู้ก็แปลกแล้ว
ชิงเยวี่ยตอบโจทย์ปัญหาข้อแรกได้แล้วจริงๆ และหากเขาตอบถูกอีกข้อ… เมื่อถึงเวลานั้นเอง ไป๋หลี่หานก็ไม่ลังเลแล้วเช่นกันที่จะส่งอีกฝ่ายลงสู่ปรโลก มุมปากกระตุกเชิดสูง เขาหันมายิ้มกล่าวกับชิงเยวี่ยว่า
“องค์รัชทายาทชิงเยวี่ยช่างฉลาดหลักแหลมเสียจริงเชียว!”
รอยยิ้มอันแผ่วบางของไป๋หลี่หาน ทำเอาชิงเยวี่ยอดใจสั่นสะท้านมิได้ ทั้งนี้ก็ยังสังเกตเห็นคลื่นพลังงานสีดำทมิฬหมุนติ้วโคจรอยู่ในดวงตาคู่ลึกล้ำ ส่วนสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกับตนเมื่อครู่ ย่อมสามารถตีความได้อีกแบบว่า ‘หากยังกล้าตอบโจทย์ปัญหาสุดท้ายได้ เช่นนั้นก็รอถูกสะบั้นหัวได้เลย!’
ชิงเยวี่ยรีบเบี่ยงร่างเลี่ยงหนีออกข้าง หลบสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องเขม็งเข้ามา และหันมากล่าวกับเซียถงว่า
“แม่นางเซีย แล้วบททดสอบข้อถัดไปล่ะ?”
ตัวเซียถงเองย่อมสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากทางฝั่งไป๋หลี่หานได้ชัดแจ้ง แต่นางเลือกที่จะไม่สนใจแยแสใดๆ ไฉนหมอนั่นถึงต้องโกรธขนาดนั้น? ในเมื่อตัวเองก็มีสัญญาหมั่นหมายกับไป๋หลี่อวี๋อิง! กระแอมไปสักทีหนึ่ง นางหันหลังให้ไป๋หลี่หานโดยไม่กระทั่งแลเหลียว พยักหน้าให้ชิงเยวี่ยและกล่าวว่า
“องค์รัชทายาทชิงเยวี่ย บททดสอบข้อสุดท้ายเป็นคำถามดังนี้ ผู้ใดบนผืนพิภพแห่งนี้เกิดมาเพื่อเป็นราชา?”
ครั้งนี้เป็นเพียงคำถามเรียบง่ายที่ใช้ทดสอบชิงเยวี่ย เกรงว่าเซียถงคงต้องตกหลุมรักชิงเยวี่ยเข้าให้จริงๆ แล้ว ถึงยอมแพ้เลือกคำถามง่ายๆ ให้ตอบถูก เพียงเพราะว่า หากเอ่ยปากตอบตกลงปรงใจกับอีกฝ่ายไปโดยตรง อาจไม่กล้าเพราะขวยเขิน จึงเลือกทางลงที่เหมาะสมที่สุดให้แก่ตนเองเช่นนี้ นี่คือความคิดของทุกคนที่มีต่อเซียถงในปัจจุบัน
ไป๋หลี่หานก่นเสียงหัวเราะแหบแห้ง ภายในใจดวงนี้ช่างรู้สึกสิ้นหวังปั่นป่วนเสียนี่ ดวงตาคู่ลึกล้ำค่อยๆ มัวหมองลงอย่างแช่มช้า แต่ทันใดนั้นเอง มันก็เปล่งประกายเจิดจรัสขึ้นอีกครั้ง!
“โอ้? คำถามนี้ช่างน่าสนใจจริงๆ ดูท่าจะยากยิ่งกว่าก่อนหน้าเสียอีก”
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินคล้ายจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ และหันไปเอ่ยถามกับชิงเยวี่ยว่า
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าทราบคำตอบของคำถามข้อนี้หรือไม่?”