ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 319 ไป๋หลี่หานมอบของขวัญ (1)
ตอนที่319 ไป๋หลี่หานมอบของขวัญ (1)
ตอนที่319 ไป๋หลี่หานมอบของขวัญ (1)
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินคว้าจอกสุราขึ้นมาในมือ พลางแกว่งเล่นไปมาอย่างแช่มช้าสำราญใจ บางช่วงบางตอนเคลื่อนสายตาเชยชมลวดลายอันวิจิตรตาบนจอก คล้ายกำลังชั่งใจอยู่ว่าจะโยนมันทิ้งให้แตกกับพื้นดีหรือไม่ เพราะทันทีที่เขาโยนมาทิ้งลงพื้นก็เท่ากับว่าเป็นสัญญาณให้ องครักษ์เงาของเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดในโถงงานเลี้ยงปรากฏกายจู่โจมผู้คนภายในงานทันที
งานเลี้ยงทุกครั้งที่จัดขึ้นหลังสิ้นสุดงานประลองสี่จักรวรรดิ เขามักจะมีแผนการลับเก็บสำรองเอาไว้เสมอ โดยการสั่งการให้เหล่าปรมาจารย์ซ่อนตัวตามเงามืดภายในสถานที่จัดงาน เตรียมพร้อมลงมือสังหารองค์จักรพรรดิทั้งสามพระองค์ทิ้งได้ทุกเมื่อ แต่นี่ก็เป็นกรณีที่สถานการณ์ทุกอย่างไม่เป็นไปตามใจหวัง หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินจริงๆ
จะอย่างไร จักรวรรดิซีฉินในปัจจุบันแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว เขาแอบทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อแอบซื้อตัวเหล่าขุนนางบางคนของสามจักรวรรดิ เพื่อทำให้แน่ใจว่าทุกการเคลื่อนไหวขององค์จักรพรรดิทั้งสามจะไม่หลุดลอยไปไหนจากสายตาของเขา ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็เคยลังเลมาก่อนและเป็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับว่า จะจัดการกับสามจักรวรรดิที่เหลืออย่างไร แต่ความคิดนี้ก็ถูกเก็บซ่อนไว้ภายในใจเรื่อยมา จนกระทั่งวันนี้ที่องค์จักรพรรดิแห่งตงหลี่ตอบปฏิเสธงานอภิเษกสมรสที่เขาเสนอไปถึงสามครั้งติดต่อกัน
จอกสุราในมือที่บีบแน่นค่อยๆ บังเกิดรอยร้าวปริแตก สายตาฉาบรัศมีสังหารขององค์จักรพรรดิค่อยๆ สั่นไสว จิตใจเปี่ยมปะทุแววอำมหิต ในขณะเดียวกัน องค์จักรพรรดิทั้งสามต่างจ้องเขม็งไปยังจอกสุราในมืออีกฝ่าย มือไม้ของแต่ละคนกุมกระชับเตรียมชักคมกระบี่ที่เหน็บข้างเอวออกมา เสมือนกับว่าพร้อมลงมือสัประยุทธ์ได้ทุกเมื่อ
เหล่าขุนนางทั้งสี่กงฝ่ายต่างจับตามองดูองค์จักรพรรดิของตนเอง สีหน้าทีทางดูตึงเครียดกันอย่างมาก เริ่มมีเหงื่อเย็นผุดซึมซาบชโลมเปียกทั่วแผ่นหลัง ไม่มีใครสักคนกล้าเคลื่อนไหว ทำได้เพียงนั่งแข็งทื่ออยู่บนที่นั่งตัวเอง
บรรยากาศในโถงงานเลี้ยงกลายเป็นสถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุด กลิ่นอายสงครามกำลังจะปะทุขึ้นชัดเจน!
“ท่านราชาหมาป่าสวรรค์ จักรวรรดิซีฉินนับเป็นประเทศที่มั่งคั่งและทรงอำนาจที่สุดแห่งทวีปเทียนหลาง เช่นนั้นแล้ว หากผนวกรวมขุมพลังของทั้งสามจักรวรรดิเข้าด้วยกัน จะพอต้านศึกได้หรือไม่?”
สุ้มเสียงอันแสนนุ่มนวลดังกึกก้องไปทั่วโถงใหญ่ เซียถงกะพริบตาปริบ หันไปกล่าวถามกับไป๋หลี่หานอย่างใจเย็นราวกับมิได้รู้สึกรู้สาถึงเหตุการณ์ใดๆ ที่กำลังเกิดขึ้น
“ถึงแม้จักรวรรดิซีฉินจะทรงพลังอำนาจเพียงใด แต่อาศัยสามขุมกำลังใหญ่จากสามจักรวรรดิควบรวมกัน มีหรือที่จักรวรรดิซีฉินที่เป็นหัวเดียวกระเทียมลีบจะต้านทานได้ไหว?”
ไป๋หลี่หานส่ายหัวตอบปฏิเสธกลับไปทันที
“โอ้? เช่นนี้เอง! เช่นนี้เอง!”
เซียถงพยักหน้าตอบกลับไปคำหนึ่ง และมิได้เอ่ยวาจากล่าวอันใดอีกต่อไป เพียงชำเลืองสายตาหันไปมองที่องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินเสมือนมีนัยะซ่อนแฝง
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินที่ซึ่งก่อนหน้าถูกปิดหูปิดตาด้วยความโลภที่ถาโถม คล้ายเพิ่งได้สติฟื้นคืนกลับมาสู่ความเป็นจริง คำถามของเซียถงเมื่อครู่ทำให้เขาฉุกคิดได้ทันที ถึงแม้จักรวรรดิซีฉินจะเป็นผู้นำของบรรดาสี่จักรวรรดิใหญ่ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะกลืนกินสามจักรวรรดิที่เหลือในคราวเดียว และถึงแม้ว่าเขาจะสามารถปลงพระชนม์ขององค์จักรพรรรดิทั้งสามลงได้ในวันนี้ แต่นี่จะกลายเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ชั้นดีสำหรับสามจักรวรรดิให้รวมพลังกันโค่นจักรวรรดิซีฉินในภายหลัง และหากว่าสถานการณ์พัฒนาไปยังทิศทางที่ว่าจริง ใครจะเป็นฝ่ายล้มสลายกลับไม่แน่แล้ว?
แต่ถึงแบบนั้น หากปล่อยโอกาสทองเช่นนี้หลุดมือไป ในวันข้างหน้าอาจไม่มีโอกาสอีกแล้วเช่นกัน อุตส่าห์ทุ่มเงินทองไปเป็นจำนวนมหาศาล กว่าที่แผนการทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยอย่างในปัจจุบัน กล่าวได้ว่าช่างยากลำบากนัก อีกทั้งปล่อยไป ก็ไม่สามารถลบเลือนรอยร้าวฉานที่ปริแตกออกมาได้แล้วด้วย ทั้งนี้ก็มีโอกาสสูงมากที่ หลังจากเหตุการณ์ณ์ดังกล่าวผ่านพ้นไป อีกสามจักรวรรดิที่เหลือจะรวมหัวกันรุมจักรวรรดิซีฉินในอนาคต คิดมาถึงจุดนี้ เขารู้สึกยากยิ่งที่จะตัดสินใจเหลือเกิน
“องค์จักรพรรดิซีฉิน ข้าคนนี้มีของขวัญเล็กน้อยที่ต้องการมอบให้แก่ท่าน”
ไป๋หลี่หานเหลียวมองไปทางจอกสุราในมืออีกฝ่าย ประกายตาคู่เฉียบแหลมหลี่แคบลงถนัดตา พร้อมเดินตบเท้าเสียงดังก้องย่างสามขุมตรงออกไปหา
เหล่าขุนนางทั้งหลายต่างเนื้อตัวสั่นเทาก่อเกิดความหวั่นกลัวขึ้นภายในใจ ทำได้เพียงทอดสายตามองไป๋หลี่หานที่กำลังเดินไปหาองค์จักรพรรดิแห่งซีฉินอย่างเงียบๆ สีหน้าทั้งหลายดูตื่นตูม เพราะไม่รู้ว่าเลยอีกฝ่ายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่
องค์จักรพรรดิเหม่อมองไป๋หลี่หานที่กำลังเดินตรงเข้ามาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาเท่าไหร่นัก ในบรรดาผู้คนในงานเลี้ยงเหล่านี้ ไป๋หลี่หานคือบุคคลที่น่ากลัวที่สุดแล้ว ตามข่าวลือที่ได้ยินมา ระดับพลังความแข็งแกร่งของราชาหมาป่าสวรรค์ผู้โหดเหี้ยมสูงล้ำเกินหยั่งรู้ได้
ในขณะเดียวกัน องค์จักรพรรดิทั้งสามงพระองค์ต่างจับจ้องไปที่ไป๋หลี่หานด้วยความคาดหวังเช่นกัน ถึงจะสงสัยอยู่ไม่น้อยว่า เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ในเวลานี้? แต่ก็หวังว่า สิ่งที่เขากำลังจะทำลงไปหลังจากนี้จะสามารถช่วยเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้
ขณะที่ทุกคนต่างคาดการณ์ไปต่างๆ นานา ทันใดนั้นก็มีชายชุดคลุมดำสวมหน้ากากทั้งห้าร่อนกระโจนลงมาจากใต้ชายคาสูงสู่ภาคพื้น ทุกคนที่เห็นการปรากฏกายนี้ต่างตื่นตกใจยิ่งยวด พวกเขาโผล่มาตั้งแต่ตอนไหน? ไฉนถึงไม่สามารถจับสัมผัสถึงการมีอยู่ได้เลย?
“อี้โต้ว นำจี้หยกชิ้นที่เตรียมไว้มาให้ข้าที”
ไป๋หลี่หานเอ่ยปากพูดกับหนึ่งในห้ากลุ่มชายชุดคลุมดำ
ชายชุดคลุมดำทั้งห้าคนนั้นสูดหายใจเย็นแช่มลึกล้ำประดุจปีศาจ สืบฝีเท้าหนักแน่นมั่นคงเดินไปส่งจี้หยกจากในมือแก่ไป๋หลี่หาน กลุ่มองค์รักษ์เงาเหล่านี้คือกลุ่มเดียวกับที่เคยปรากฏตัวมาให้เซียถงได้เห็นครั้งล่าสุด แลเห็นกลุ่มชายชุดคลุมดำเคลื่อนไหว เหล่าองครักษ์ฝ่าบซีฉินที่ล้อมกรอบอยู่หน้าโถงก็รีบหันอาวุธพุ่งเข้าหยุดยั้งทันที แต่เพียงพริบตา ร่างของชายชุดคลุมดำผู้นั้นก็ไสววูบพรวดพุ่งเข้าใส่ประดุจหมอกควันสีทมิฬที่พัดโฉบ
ก่อนที่องครักษ์คนนั้นจะรู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ ร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้นหมดสติไป ชายชุดคลุมดำผู้นั้นหยุดลงตรงหน้าไป๋หลี่หานและโค้งศีรษะให้เล็กน้อย ยื่นเหยียดมือชูเหนือศีรษะ และกล่าวด้วยความจงรักว่า
“ขอรับนายท่าน”
องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินจ้องตาเขม็งแทบหลุดถล่นด้วยความตื่นตูมสุดขีด กลุ่มชายชุดคลุมดำทั้งห้าลอบเข้ามาในวังตั้งแต่ตอนไหน?! และต้องกล่าวเลยว่า องครักษ์แต่ละคนที่ถูกเลือกเข้ามาเฝ้ายามหน้าประตูโถงใหญ่แห่งนี้ ล้วนแต่ถูกเลือกสรรมาอย่างพิถีพิถัน ระดับพลังความแข็งแกร่งมิใช่ชนชั้นกินเจ แต่…แต่กลับไม่สามารถหยุดชายชุดคลุมดำได้แม้แต่น้อย? ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนล้มกันระเนระนาด และเมื่อมองติดตามออกไปก็ค้นพบว่า บรรดาองครักษ์ที่ล้อมกรอบควบคุมสถานการณ์อยู่หน้าประตูโถงขอเขาต่างหมดสติร่วงลงกับพื้นไปเกือบครึ่ง
หนึ่งกระบวนเคลื่อนไหวของชายชุดคลุมดำเพียงหนึ่งคน สามารถล้มเหล่าองครักษ์ขององค์จักรพรรดิแห่งซีฉินได้เกือบครึ่งในพริบตา!
“สามารถล้มเหล่าองครักษ์วังหลวงซีฉินมาได้อย่างง่ายดายปานนี้ นี่คงเป็นหน่วยองค์รักษ์เงาในตำนานกระมัง?”
เป็นองค์จักรพรรดิแห่งหน่านเฟิงที่ปริปากกล่าวขึ้นเป็คนแรก
“หากกล่าวถึงหน่วยองค์รักษเงาแห่งอี้เฉิงในตำนาน คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่พวกเขาสามารถล้างบางกองทหารนับหลายหมื่นนายได้ด้วยกำลังของพวกเขาทั้งหก ซึ่งรวมไปถึงราชาหมาป่าสวรรค์ที่ออกโรงเองด้วย”
ตามมาด้วยองค์จักรพรรดิแห่งเป่ยฮั่นที่กล่าวเสริมขึ้นมา
ชื่อเสียงลือเลื่องของหน่วยองครักษ์เงาแห่งอี้เฉิงมิได้โดดเด่นน้อยไปกว่าของไป๋หลี่หานเลย ฟังว่า พวกเขาทั้งห้าคนนี้ลึกลับเสียยิ่งกว่าตัวไป๋หลี่หานเองด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาเป็นองครักษ์เงาส่วนตัวของไป๋หลี่หาน และโดยทั่วไปจะไม่สามารถพบเห็นกันได้โดยง่าย จะมีก็แค่เฉพาะช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ หรือเหตุการณ์คอขาดบาดตายเสียเท่านั้น ถึงจะปรากฏกายกันขึ้นมา ดังนั้นจึงมีน้อยคนจนนับนิ้วได้ที่เคยเห็นพวกเขาทั้งห้าคนนี้
ถึงแม้เซียถงจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงความบันลือของหน่วยองครักษ์เงาแห่งอี้เฉิง แต่เพียงได้เห็นแววตาของพวกเหล่านั้นที่ทั้งเย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึกสุดแสน ก็พอคาดเดาได้ทันทีว่า พวกเขานี่มันก็เครื่องจักรสังหารดีๆ นี่เอง
“นี่เป็นของขวัญจากข้ามอบให้แก่องค์จักรพรรดิซีฉิน เชิญรับด้วยเถิด”
ไป๋หลี่หานนำจี้หยกชิ้นหนึ่งในมือ ก้าวย่างสง่าราศีตรงไปมอบให้แก่องค์จักรพรรดิแห่งซีฉินถึงตรงหน้า