ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 321 บังคับแต่งงาน (1)
ตอนที่321 บังคับแต่งงาน (1)
ตอนที่321 บังคับแต่งงาน (1)
จี้จี้ปราศจากปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ มิได้กระโดดโลดเต้นอย่างทุกครั้งที่พูดถึงอาหาร แต่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงเช่นนั้นเสมือนหลับไป ไม่ได้ยินคำพูดใดๆ ของเซียถงเลย
“เจ้าไม่หิวรึ?”
เซียถงผลักร่างน้อยๆ แสนนุ่มนิ่มของมันอย่างแผ่วเบาไปทีหนึ่ง
อย่างไร เจ้าจี้จี้ก็ยังนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนใดๆ เซียถงชักรู้สึกเอะใจถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง ดังนั้นจึงออกแรงเพิ่มเข้าไป เขย่าร่างของจี้จี้จนแกว่งไปมา ศีรษะน้อยๆ ของมันล้มพับอยู่กับอุ้งเท้า เห็นดังนั้นนางจึงรีบอุ้มมันขึ้นมาไว้ตรงหน้า เพื่อดูว่ามันเป็นอะไรกันแน่? ดวงตาทั้งสองข้างของมันปิดสนิท ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ผ่านจมูกแหลมสีดำของมัน
นี่นอนหลับหรือตายกันแน่?
ไม่สิ ไม่มีทางเลยที่จี้จี้จะนอนหลับลึกอย่างกับตายขนาดนี้ ถึงแม้นางจะเพิ่งอยู่ร่วมกับมันได้ไม่นานนัก แต่ก็พอรู้อุปลักษณ์นิสัยของมันเช่นกันว่า เป็นสัตว์อสูรที่ค่อนข้างตื่นตัวได้ง่าย
“ตื่นสิจี้จี้! เจ้าเป็นอะไร…”
ขณะที่เซียถงกำลังเขย่าร่างพยายามปลุกจี้จี้ให้ตื่น ทีท่าตื่นตระหนกเป็นกังวล แต่จู่ๆ ปลายจมูกของนางพลันขยับเล็กน้อย คล้ายกับว่าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายผิดประหลาดที่คลุฟุ้งอยู่ในอากาศ ปรากฏกิริยาตอบสนองแรกสุด นางสะดุ้งเฮือกรีบหันขวับกวาดสายตามองไปทั่วห้องพัก ทันใดนั้นพลันสบเข้ากับประกายตาตู่หนึ่งเจิดจรัสจ้าจากมุมมืด ทว่ายังมิได้ตั้งท่าเตรียมตัวใดๆ เสมือนทัศนีย์ภาพโดยรอบเริ่มมืดครึ้มเลือนรางก่อนที่ภาพจะตัดไป เซียถงหมดสติร่วงลงกับพื้นทันที
“ฮ่าฮ่า! เจ้าหนูน้อย!”
ร่างหนึ่งพุ่งโฉบออกมาจากมุมมืด ปราดเข้าคว้าร่างของเซียถงก่อนที่จะตกถึงพื้น หลังจากพินิจจับจ้องใบหน้าของนางอยู่สักครู่หนึ่ง คล้ายรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ปกติ เขาจึงยกแขนเสื้อยาวสีเทาของตนขึ้นมาปาดเช็ดทำความสะอาดทั่วใบหน้าของนาง ไม่นานร่องรอยจุดด่างดำทั้งหมดก็หายไป เหลือแค่เพียงโฉมงามถล่มเมืองอันเย้ายวนสุดแสนเผยปรากฏออกมา
เมื่อได้ยลโฉมความงามที่แท้จริงของเซียถง ชายคนนั้นถึงกับพยักหน้าและยิ้มกล่าวว่า
“อย่างที่คิดไม่มีผิด! เราชายชราก็นึกอยู่แล้วว่าต้องมีอะไรแปลกๆ ที่แท้เจ้าหนูน้อยนางนี้ก็คือนางฟ้านี่เอง! ช่างเหมาะสมกับหลานชายของข้ายิ่งกว่าใครแล้ว!”
ท้องฟ้ายามรัตติกาลสีครามมืด เคียงดวงดาราประดับค้างกลางหาว พร้อมด้วยแสงจันทร์เจ้าฉายส่องปกคลุมตัวเมืองใหญ่ที่กำลังหลับใหลในราตรีนี้ ทันใดนั้นประตูโรงเตี้ยมห้องหนึ่งก็ถูกเปิดกางออกมา ร่างเงาสีเทาทะยานเหาะเหินออกไป โดยมีหญิงสาวนางหนึ่งอยู่ในอ้อมแขน
แสงจันทร์เจ้าสว่างไสวที่สาดทอลงมา เมื่อกระทบกับผิวหน้าอันละเอียดลออบอบบางของหญิงสาว จากที่แต่เดิมงดงามประหนึ่งหยกขาว ยามนี้ยิ่งเพิ่มทวีความบริสุทธิ์ใสสว่าง ขนตายาวดีดเด้นเรียงสวยเป็นระหง ลูกคลื่นลมหายใจเรียบสงบสม่ำเสมอ ริมฝีปากสีอมชมพูเงาสวยเป็นประกายระยิบระยับ แม้ว่านางกำลังหลับใหลอยู่ก็ตาม แต่ความงดงามนี้กลับมิได้ถูกลดทอนลงไปเลย
หญิงสาวในชุดแพรพรรณสีขาว สาดฉายรัศมีเหนือราคีสีทองสว่างรอบตัว พินิจรวมทั้งรูปโฉมเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ กอปรกับภาพฉากที่กำลังล่องลอยอยู่บนฟากฟ้าราตรี เสมือนความงดงามเกินพรรณนานี้เป็นเพียงฝันไป จะมีก็เพียงเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ที่ลงมาจุติบนผืนพิภพเสียเท่านั้น
“พี่ชุนหลาน นางสวยมากเลย!”
หญิงสาวนางหนึ่งในชุดแพรพรรณสีแดง ซึ่งรออยู่แล้วในสถานที่แห่งหนึ่ง เอ่ยร้องอุทานขึ้นลั่นด้วยความตื่นตกใจทันทีที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหญิงสาวที่กำลังหลับใหล โดยที่ฝั่งตรงข้ามของนาง ก็ยังมีหญิงสาวอีกนางในชุดแพรพรรณสีแดงยืนอยู่เช่นเดียวกัน ปอยผมของนางม้วนเป็นมวยโค้งได้ทรงสวยดูเป็นเอกลักษณ์
เมื่อได้ยินเสียงร้องอุทานของหญิงสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม นางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า
“เซี่ยเห่อ พูดสิ่งใดเยอะเกินงาม กลับไม่ส่งผลดีต่อตัวเจ้าเอง หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว”
เซียเห่อมุ่นคิ้วขมวดเล็กน้อย มองค้อนใส่ชุนหลานอย่างไม่สบอารมณ์เล็กน้อย ทั้งยังเม้มปากไม่พอใจใส่อีกระลอก เพราะสิ่งที่นางกล่าวไป หาใช่เรื่องไร้สาระแต่อย่างใด ก็เพียงชื่นชมความงามของหญิงสาวที่ถูกผู้อาวุโสจับตัวมาเท่านั้น ถึงจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แต่หน้าที่ของพวกนางในเวลานี้ก็คือ การเฝ้าดูแลหญิงสาวนางนี้ให้ดี
ทันใดนั้นเอง ก็มีร่างทั้งสองปรากฏกายออกมาจากประตูบานหนึ่ง หนึ่งในนั้นเพ่งสายตาจับจ้องไปทางเซียถง ด้วยความตกตะลึงสุดขีด เขาถึงกับเบิกตาโตร้องอุทานขึ้นลั่นด้วยความเหลือเชื่อว่า
“นาง…นางคือเซียถงตัวจริงใช่ไหม?!”
“ร่องรอยจุดด่างดำทั้งหมดบนใบหน้าของนาง ล้วนถูกแต่งแต้มด้วยผงสมุนไพรดำ แค่เช็ดออกนิดหน่อยก็เรียบร้อยแล้ว”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตเหล่สายตากดต่ำมองไปที่เซียถงในอ้อมแขน ในขณะนี้นางกำลังหมดสติหลับใหลอยู่
เจ้าตัวรู้สึกเอะใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเจอกับเซียถงแล้ว ก็เห็นอยู่ว่าร่องรอยจุดด่างดำทั้งหมดบนใบหน้าของสาวน้อยนางนี้ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นเพียงผงสมุนไพรสีดำชนิดหนึ่งเท่านั้น ในสายตานักหลอมโอสถด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ยากจะเลี่ยงหนีกันพ้น เพียงแค่ว่า เขาไม่คาดไม่ฝันจริงๆ ที่โฉมหน้าที่แท้จริงของนางจะงดงามถล่มเมืองถึงขั้นนี้!
ไม่น่าแปลกใจที่ไฉนถึงต้องใช้ผงสมุนไพรมาปกปิดความงามนี้ ดั่งที่เขาว่ากัน ความงามมักนำพาปัญหามาสู่ชีวิตของผู้หญิงเสมอ!
หลัวซีจ้องหน้าเซียถงที่กำลังหลับตาเขม็งอยู่สักพักใหญ่ ในสายตาคู่นั้นของเขาอัดล้นไปแววความประหลาดใจมากมาย ตอนนี้เขาตระหนักชัดแจ้งแล้วว่า นางสวยมากเพียงใด ส่วนฉายาที่ว่า หญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่งแห่งตงหลี่ มันก็แค่เรื่องไร้สาระ!
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตอุ้มร่างของเซียถงลงวางบนเตียงในห้อง ปล่อยให้หลานชายของตนพินิจจับจ้องต่ออยู่เช่นนั้น ความงามเบื้องหน้าช่างน่าชวนฝันเสียทีกระไร หลัวซีไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ ที่สาวงามเบื้องหน้าของเขาจะเป็นเซียถง!
ลักษณะทรงใบหน้าเป็นรูปเรียวไข่สมบูรณ์ ผิวหน้าก็ยังละเอียดอ่อนกระจ่างใส ทุกระเบียบนิ้วบนใบหน้าของนางเสมือนถูกสรวงสวรรค์สรรค์สร้างมาอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษ ความงดงามทั่วผืนพิภพถูกควบรวมเอาไว้บนใบหน้านี้ไว้หมดแล้ว! ชายใดได้เห็นล้วนต้องตกสู่ภวังค์ความลุ่มหลงเกินต้านทาน กระทั่งหลัวซีเองก็ยังอดใจเอื้อมมือไป หวังจะแตะสัมผัสผิวพรรณสีขาวผ่องประดุจหิมะเบื้องหน้า ทว่ายื่นเหยียดมือไปได้ครึ่งทาง เขาก็รีบหักห้ามใจเอาไว้และชักมือกลับโดยไว เนื่องด้วยหญิงสาวนางนี้งดงามเกินไป เจ้าตัวจึงกลัวว่านิ้วมือของตนอาจจะทำให้ความงามนี้แปดเปื้อนได้
“ซีเอ๋อร์ ปู่คนนี้ตัดสินใจแล้ว เจ้าอยากแต่งงานกับนางหรือไม่?”
คำกล่าวของผู้อาวุโสอินทรีโลหิตประดุจเสียงฟ้าผ่าที่ดังกึกก้องอยู่ในใจหลัวซี เขาถึงขนาดหันศีรษะขวับมองย้อนกลับมาจับจ้องท่านปู่ด้วยความตกตะลึงใจ หรือแม้แต่หญิงสาวในชุดแพรพรรณแดงทั้งสองที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าผประตูเอง ก็ถึงกับยกมือป้องปากที่อ้าค้าง เผยสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา
“ท่านปู่!”
หลัวซีส่งสายตาแสนประหลาดใจใส่ทางผู้อาวุโสอินทรีโลหิต จากนั้นชั่วครู่หนึ่ง เพิ่งนึกถึงจุดประสงค์แรกที่ท่านปู่ของเขาต้องการลักพาตัวเซียถงมาได้ สีหน้าการแสดงออกของเขาแปรเปลี่ยนไปทันที และเอ่ยถามน้ำเสียงเป็นกังวลยิ่งว่า
“แต่มิใช่ว่าท่านปู่ต้องการจะฆ่าเซียถงเพื่อช่วงชิงเพลิงพิภพเก้าดุษณีมามิใช่รึ?”
“ซีเอ๋อร์ ดูนางเข้าสิ สวยปานนี้ใครกันจะฆ่าลง! หากเจ้าชอบพอถูกใจนางก็ควรแต่งงาน รับนางมาเป็นสะใภ้ตระกูลหลัวของเรา เพียงเท่านี้ก็เท่ากับว่า เพลิงพิภพเก้าดุษณีก็เป็นสมบัติภายใต้ตระกูลหลัวของเราแล้ว ปู่คนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องช่วงชิงอะไรมาอีก”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตลูบเครายาวสีขาวของตนไปพลาง กล่าวอธิบายไปพลางง
หากมิใช่เพราะว่าหลานชายของเขามีใจให้สาวน้อยที่ชื่อเซียถงนางนี้ ปานนี้เขาเองก็คงลงมือสังหารนางและนำเพลิงพิภพเก้าดุษณีในส่วนที่เหลือจากร่างกายออกมานานแล้ว แต่ในเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างมันลงเอ่ยแบบนี้ ก็มีเพียงวิธีเดียวที่จะรักษาเพลิงพิภพเก้าดุษณีเอาไว้โดยไม่ต้องฆ่าเซียถง นั่นก็คือการเปลี่ยนให้นางกลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลัว
“ท่านปู่ จะอย่างไรท่านก็ฆ่าเซียถงไม่ได้เด็ดขาด!”
หลัวซีลุกขึ้นมาขวางหน้าเตียง ร้องกล่าวอย่างเป็นกังวล