ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 322 บังคับแต่งงาน (2)
ตอนที่ 322 บังคับแต่งงาน (2)
ตอนที่ 322 บังคับแต่งงาน (2)
“ปู่จะไม่ฆ่านาง หากเจ้าแต่งงานกับนางเสีย”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตชำเลืองสายตามองไปทางเซียถงเป็นประกาย ไม่ต้องคิดให้ยุ่งยากเลยว่า เซียถงมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้ตระกูลหลัวของเขาหรือไม่ ทั้งพรสวรรค์ด้านการต่อสู้และบำเพ็ญตบะที่ไม่ธรรมดา รูปร่างหน้าตายังงดงามประดุจนางฟ้านางสวรรค์ ต้องกล่าวเลยว่า นางนี่แหละคือตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับสะใภ้แห่งตระกูลหลัว! และที่สำคัญที่สุดคือ ในร่างกายของนางยังมีเพลิงพิภพเก้าดุษณีในตำนาน!
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีจุดที่น่ากังวลอยู่อย่างหนึ่ง สาวน้อยนางนี้นิสัยดุร้ายไปเสียหน่อย และหลานชายคนนี้ของเขาก็ไม่น่าจะสามารถควบคุมนางได้อยู่แน่นอน พอนึกได้ดังนั้นผู้อาวุโสอินทรีโลหิตก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นกังวลทันที
“นี่…นี่มัน…”
หลัวซีหน้าแดงก่ำ เอื้อมมือไปจับหน้าผากตัวเองเล็กน้อยว่าเห่อร้อนหรือไม่อย่างขวยเขิน จากนั้นก็หันไปกล่าวกับท่านปู่ ใช้เวลารวบรวมความกล้าค่อนข้างนอนกว่าจะกล่าวออกมาได้ว่า
“แล้ว…แล้วเซียถงจะยอม…ยอมแต่งงานกับข้าหรือ?”
“เจ้าอย่าเพิ่งไปสนใจว่า นางจะยอมหรือไม่ยอม ซีเอ๋อร์ เจ้าบอกปู่มาก่อนว่า เจ้าอยากจะแต่งงานกับนางหรือไม่?”
ไม่ว่าเซียถงจะมีคุณสมบัติเพียบพร้อมยังไง ในฐานะคนเป็นปู่ย่อมต้องถามความยินยอมจากหลายชายเป็นสำคัญที่สุด เขายื่นฝ่ามือหนาใหญ่ขึ้นลูบศีรษะของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง ตราบเท่าที่หลัวซีอยากจะแต่งงานกับเซียถงจริงๆ เขาจะพยายามเสาะหาทุกวิถีทางเพื่อจะบีบบังคับให้นางแต่งงานกับเขาให้ได้!
หลัวซีเอียงศีรษะหลบเล็กน้อย สีหน้าการแสดงออกดูลังเลใจเป็นอย่างมาก ผ่านไปสักครู่หนึ่งจึงค่อยปริปากกล่าวว่า
“ท่านปู่ ท่านควรถามความสมัครใจของเซียถงก่อน”
เขาทราบนิสัยของปู่ของตนดี หากเขาพยักหน้าและตอบไปตามตรงว่า อยากจะแต่งงานกับเซียถง ท่านปู่คนนี้จะต้องทำทุกวิถีทางเพือบังคับนางให้มาแต่งกับเขาแน่นอน แต่อย่างไร ถ้าเขาส่ายหน้าปฏิเสธไปว่าไม่ต้องการ ก็กลัวเหลือเกินว่า ท่านปู่จะลงมือปลิดชีพนางทิ้งทันทีโดยไม่มีลังเล เพื่อช่วงชิงเพลิงพิภพเก้าดุษณีมา ดังนั้นแล้ว เซียถงจึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเหตุการณ์ ณ ขณะนี้
“เจ้าเด็กน้อย อย่าคิดว่าปู่ไม่รู้ว่า เจ้าคิดเยี่ยงไรกับนาง? หากอยากจะแต่งงานกับนางก็แค่พูดออกมาตรงๆ ส่วนที่เหลือค่อยถามนางอีกทีว่ามีความคิดเห็นยังไง?”
หลัวซีส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก และคว้าซองยาถุงหนึ่งจากมือของผู้อาวุโสอินทรีโลหิต จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปหาเซียถงบนเตียง นำซองยาดังกล่าวมาวางไว้ใต้จมูกของนางเพื่อให้สูดดมกลิ่น
กลิ่นหอมรัญจวนถูกสูดดมผ่านเข้าไปยังขั้วปอด รินไหลหล่อเลี้ยงหัวใจดวงนั้นของหญิงสาว คล้อยหลังไม่นานนัก เซียถงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างแช่มช้า และทันทีที่เห็นผู้อาวุโสอินทรีโลหิตยืนอยู่ด้านเคียงข้าง นางก็ตกใจอย่างมากและแทบจะเรียกกระบี่ทัณฑ์ฟ้าเข้ามือในบัดดล แต่ชั่วอึดใจต่อมากลับค้นพบว่า ร่างกายทั่วทั้งตัวมันช่างอ่อนแอเหลือเกิน กระทั่งมือสักข้างยังไม่สามารถยกขึ้นมาได้ พยายามรวบรวมพลังลมปราณมุ่งไปยังจุดถันเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ภายในนั้นกลับว่างเปล่าไร้ซึ่งพลังลมปราณใดๆ เมื่อสัมผัสได้ดังนั้น เซียถงถึงกับเบิดตาโตอย่างอดมิได้ เร่งคำรามเสียงตื่นตระหนกถามขึ้นว่า
“นี่เจ้าวางยาพิษอะไรแก่ข้า!?”
เมื่อนึกย้อนกลับไป เหตุที่จี๋จี๋นอนสลบไม่ได้สติ ก็อาจจะเป็นเพราะผู้อาวุโสอินทรีโลหิตลอบเข้ามาจุดเครื่องหอมพิษไว้ในห้องพักล่วงหน้าก่อนที่จะกลับมาถึง แต่กว่าจะรู้ตัวกลับสายเกินไปเสียแล้ว ปริมาณควันพิษที่สูดดมเข้าร่างกายมันมากเกินกว่าจะขับออกได้ทัน จึงเป็นเหตุให้นางหมดสติลง
“ผงเครื่องหอมชนิดพิเศษของเราชายชราเอง”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตกล่าวตอบไปตามตรง และชูซองเครื่องหอมออกมาจากใต้แขนเสื้อของตน ตัวเขาตระหนักทราบดีว่า เซียถงเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงอาสาคิดค้นผงเครื่องหอมชนิดนี้มาโดยเฉพาะเพื่อเอาไว้ใช้จัดการกับนาง ถึงจะขึ้นชื่อว่าเครื่องหอม แต่มันไม่มีสีและกลิ่น เมื่อผู้ใดได้เผลอสูดดมเข้าไป มันจะทำให้ร่างกายของพวกเขาอ่อนลงถึงขีดสุด พลังลมปราณแตกซ่าน ไม่สามารถระดมควบรวมได้ในระยะเวลาหนึ่ง
“เซียถง เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย ท่านปู่เพียงต้องการเชิญเจ้ามานั่งพูดคุยกัน มิได้มีเจตนาร้ายอย่างที่คิด”
หลัวซีรีบออกตัวมากล่าวอธิบายให้เซียถงสงบสติอารมณ์ลงโดยไว
แลเห็นอีกฝ่ายเผยแสดงตัวออกมา เซียถงก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าหลัวซีเองก็อยู่ที่นี่ด้วย และนั่นทำให้อาการใจสั่นของนางสงบลงหลายส่วน สีหน้าท่าทางของนางดูอารมณ์เย็นขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังหันไปกล่าวประชดประชันกับผู้อาวุโสอินทรีโลหิต เจือน้ำเสียงติดโทสะเล็กน้อยว่า
“วางยาพิษในห้องพักของข้า ช่างน่าขันสิ้นดี ไม่รู้สึกละอายใจหน่อยรึที่ต้องลงทุนปานนี้กับเด็กสาวคนหนึ่ง?”
“ฮ่าฮ่า หากไม่ใช้แผนการเฉกเช่นนี้ แล้วมีหรือที่เราชายชราจะเอาเจ้าลงได้ไหว?”
ฟังผิวเผิน แม้ว่าผู้อาวุโสอินทรีโลหิตจะกล่าวตอบส่งๆ ไป แต่เนื้อความในกลับแสดงให้เห็นว่า เขาค่อนข้างยอมรับในฝีมือของเซียถง
“หึ! หากเจ้าไม่ใช้เครื่องหอมมาล่อลวงข้า มีหวังได้สัประยุทธ์กันตายไปข้าง”
เซียถงพยักหน้าตอบ แต่ก็ไม่ลืมทิ้งท้ายด้วยวาจาแสนประชดประชัน
“เจ้าหนู เราชายชราไม่มีเวลามัวสู้กับเจ้า ขอรวบรัดเข้าคำถามเลยแล้วกัน เจ้าอยากจะแต่งงานกับหลานชายข้าไหม?”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตไม่ค่อยมีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงเท่าไหร่นัก เพียงจ้องหน้าเซียถงตาเขม็งและยิงคำถามออกไปตามตรง
ได้ยินดังนั้น เซียถงถึงกับตะลึงงัน สงสัยว่าหูของนางจะได้ยินอะไรเพี้ยนไป จึงหันไปมองหลัวซีและเอ่ยถามขึ้นว่า
“เมื่อครู่ปู่ของเจ้ากล่าวว่าอันใด?”
หลัวซีได้ยินดังนั้นก็หน้าแดงฉ่า ทำตัวไม่ถูกพูดไม่ออกไปสักครู่หนึ่ง ส่งเสียงกระแอมไอแห้งอยู่สองสามครา จากนั้นค่อยกล่าวขึ้นว่า
“ท่านปู่ของข้าถามว่า เจ้าอยากจะแต่งงานกับข้าหรือไม่?”
แต่งงาน! เรื่องแต่งงานอีกแล้วเหรอ!!
ชั่วพริบตาต่อมา เสมือนหัวสมองเซียถงเกิดอาการรัดวงจรไปชั่วขณะ นั่งเหม่อลอยไปทางหลัวซีสีหน้าดูว่างเปล่า
“เจ้าหนู ในความเห็นของเราชายชรา คิดว่าตัวเจ้านั่นเหมาะสมสำหรับหลานชายของข้าที่สุดแล้ว แต่งงานกับเขาหาใช่เรื่องเสียหายใดๆ กลับยังเป็นเรื่องดีอีกต่างหาก”
เมื่อเห็นว่าเซียถงยังคงเงียบนิ่งไม่ปริปากพูด ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตจึงปริปากกล่าวกระตุ้นแนะนำหลัวซีสักเล็กน้อย
หลัวซีที่สังเกตเห็นว่า เซียถงปิดปากเงียบไม่พูดไม่จาใดๆ ก็อดเป็นกังวลมิได้ กลัวนางจะตอบปฏิเสธกลับมา
บัดซบ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย? ช่วงบ่ายก็ทีหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังจะมีเรื่องพรรค์นี้เข้ามาอีกงั้นรึ! หากไอ้คนพวกนี้อยากจะจับคู่แต่งงานกันนัก ไยไม่ไปหาเองแต่งเองเลยเสียล่ะ! ขณะบ่นอุบอิบกับตัวเองอยู่นั้น เซียถงสังเกตเห็นว่า ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตกำลังจะปริปากกล่าวกระตุ้นอีกครา นางจึงชิงสวนตอบกลับไปทันทีว่า
“ไม่! ข้าขอปฏิเสธ!”
“นี่เจ้าพูดอะไรออกมา?”
สีหน้าท่าทางของผู้อาวุโสอินทรีโลหิตจางอ่อนลงหนึ่งส่วน ทอดสายตามองเซียถงอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินไปนัก สาวน้อยนางนี้พูดอะไรออกมา? นางปฏิเสธ? มิยักรู้เลยว่า ยังมีหญิงสาวบางนางบนผืนพิภพที่ไม่อยากแต่งงานกับหลานชายสุดหล่อของเขาอยู่ด้วย!
หลัวซีเองก็ตกตะลึงไม่น้อย ตัวเขาย่อมตระหนักทราบดี ไม่ว่าตนจะโผล่ปรากฏอยู่ส่วนใดบนผืนพิภพก็มักจะทำให้บรรดาหญิงสาวนับไม่ถ้วนคลั่งไคล้ได้ในพริบตา และแน่นอน…เซียถงเป็นคนแรกเลยที่ปฏิเสธตัวเขา
“ข้าขอปฏิเสธ”
เซียถงกล่าวซ้ำเอ่ยย้ำเป็นครั้งที่สองอย่างไร้เยื่อใย กล่าวตามสัตย์จริง ตัวนางมิได้รังเกียจหลัวซีเลย แต่อยากให้อีกฝ่ายอยู่ในฐานะสหายคนสนิทคนหนึ่งเสียมากกว่าฐานสามี และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย หากมันเป็นงานแต่งที่มีผลประโยชน์ลับหลังแอบซ่อน นี่ยิ่งทำให้นางตอบปฏิเสธได้โดยไม่มีลังเล