ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 324 หักเหลี่ยม (2)
ตอนที่324 หักเหลี่ยม (2)
ตอนที่324 หักเหลี่ยม (2)
“เพลิงพิภพเก้าดุษณีในส่วนที่อยู่ในร่างกายของเจ้า แม้จะเป็นเพียงเศษส่วนเดียว แต่นั่นกลับเป็นส่วนแก่นเพลิงที่มีสามัญสำนึก ซึ่งสำคัญที่สุดเสมือนหัวใจ และมันก็ยอมรับตัวเจ้าในฐานะนายท่าน หาใช่ท่านปู่ของข้า ดังนั้นเมื่อใดที่เพลิงพิภพเก้าดุษณีของเจ้าถูกควบรวมกับของท่านปู่เมื่อใด ก็เปรียบดั่งธารน้ำตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ เพลิงพิภพเก้าดุษณีทั้งหมดที่อยู่ในร่างกายของท่านปู่จะไหลกลับเข้ารวมกับแก่นเพลิงในร่างกายของเจ้าทันที แล้วลองคิดดูสิว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เฉกเช่นนั้นขึ้น ท่านปู่จะทำอย่างไรกับเจ้า?”
หลัวซีตอบอธิบายสีหน้าเคร่งเครียด
และนี่จึงเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่า เพราะเหตุใดผู้อาวุโสอินทรีโลหิตถึงต้องการให้หลัวซีแต่งงานกับเซียถง? เพราะถ้าเซียถงกลายมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลหลัว ก็เท่ากับว่าเป็นสมาชิกตระกูลคนหนึ่ง ซึ่งหาใช่คนนอก ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตเองก็จะได้วางใจ มอบเพลิงพิภพส่วนที่เหลือทั้งหมดคืนให้แก่แก่นเพลิงในร่างของนาง ยามใดมีความจำเป็นต้องใช้งานก็แค่เรียกตัวออกมาช่วยเหลือ
ทั้งหมดก็เป็นประการ ณ เช่นนี้
ดังนั้นแล้ว นี่หมายความได้ว่า ตราบใดที่ยอมตกลงแต่งงานกับหลัวซี นางจะได้ครอบครองเพลิงพิภพเก้าดุษณีทั้งหมดไป!
นึกแบบนี้ขึ้นได้ เซียถงก็ตาเป็นประกายสว่างไสว รีบหันไปกล่าวกับหลัวซีว่า
“หากข้าไม่ยอมแต่งงานกับเจ้า ปู่ของเจ้าเองก็คงไม่ยอมยกเพลิงพิภพเก้าดุษณีให้ข้าเช่นกัน แล้วแบบนี้จะมีทางขับพิษในกายเจ้าทิ้งได้เยี่ยงไร?”
“เหตุที่ท่านปู่ต้องการเพลิงพิภพเก้าดุษณี เพราะต้องการหลอมกลั่นโอสถชนิดหนึ่งเพื่อกำจัดพิษในตัวข้า ทั้งหมดก็เท่านั้นเลย”
หลัวซีตอบ
“หลัวซี ปู่ของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งยวด คงไม่ส่งผลกระทบต่อตัวเขาเท่าไหร่นักหากไม่มีเพลิงพิภพเก้าดุษณีอยู่ในตัวแล้ว…จริงหรือไม่?”
เซียถงหรี่สายตาจ้องหน้าหลัวซี สิ้นเสียงหยุดลง ลึกสุดประกายตาทอแสงประดุจเปลวเพลิงลุกโชน
“นี่เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร…”
พอได้เห็นสายตาตื่นเต้นเป็นลิงโลดของเซียถง หลัวซีก็ปั้นสีหน้าชักลังเลไม่แน่ใจออกมา
เซียถงชำเลืองมองไปทางสาวงามในชุดแพรพรรณแดงทั้งสองที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างประตู ไม่รีรอที่จะฉุดลากหลัวซีเข้ามาแนบชิดติดใกล้ และเอ่ยกระซิบเสียงต่ำขึ้นว่า
“หลัวซี มานี่สิ ข้ามีอะไรบางอย่างจะบอกเจ้า”
หลัวซีที่ถูกอีกฝ่ายฉุดกระชากลากเข้าไปใกล้ หัวของเขาแนบพิงอยู่บนหัวไหล่สีขาวผ่องของนาง กลิ่นเรือนกายหอมละมุนหวานฉ่ำแตะเข้าสองรูจมูกของเจ้าอย่างจัง เมื่อเหล่สายตาเงยหน้ามองอีกฝ่ายก็แลเห็น ซอกคอระหงหยกขาวนุ่มเนียน ชั่วอึดใจนั้น เขาแทบจะไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้มิให้เลื่อนสายตาต่ำ กดมองไปยังกระดูกไหปลาร้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดแพรพรรณสตรีสีขาวเนื้อละเอียด เพียงระลึกนึกถึงก็ชวนจินตนาการเตลิดไปไกลแสนไกล ทันใดนั้น เลือดลมในกายของเขาสูบฉีดรุนแรงขึ้นทันควัน ใบหน้าแสนหล่อเหลาของเขาปกคลุมไปด้วนไอร้อนสีแดงฉ่าโดยมิทันรู้ตัว
ในภวังค์ความลุ่มหลงนี้ บังเอิญได้ยินสุ้มเสียงแผ่วอ่อนของเซียถงกระซิบข้างใบหูว่า
“ข้าแสร้งทำเป็นแต่งงานกับเจ้าได้ และหลังจากที่ได้รับถ่ายทอดเพลิงพิภพเก้าดุษณีจากปู่ของเจ้ามาแล้วทั้งหมด ถึงตอนนั้นข้าจะหลอมกลั่นโอสถขับพิษแก่เจ้า และหาทางหนีออกไปเอง”
หลัวซีฟื้นสติขึ้นพร้อมความประหลาดใจที่ก่อเกิด เขากล่าวตอบทันทีว่า
“หากทำเช่นนั้น ท่านปู่จะฆ่าเจ้าทิ้งแน่นอน!”
“หาใช่เรื่องง่ายนักที่จะสังหารข้าผู้นี้ได้”
เซียถงยิ้มตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ ครั้งสุดท้ายที่ผู้อาวุโสโลหิตอินทรีล่อลวงนางได้ เกิดจากความประมาทหย่อนยานของตัวนางเอง แต่เรื่องเช่นนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองอีกต่อไปแล้ว!
หลัวซีสบสายตามองนางไปมา สีหน้าแววตาดูค่อนข้างลังเล ครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งค่อยพยักหน้าตอบ
…..
“เจ้าหนู นับว่ายังชาญฉลาด เจ้าหลานชายคนนี้ของข้า แต่ละวันมีหญิงสาวนับไม่ถ้วนต่อแถวเรียงรายเข้าหา แต่นี่ได้ครองคู่ครองเรือนกัน นับว่าโชคดียิ่งแล้ว”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตมาตามที่หลัวซีส่งสัญญาณเรียกตัวกลับมา พอได้ยินว่า สุดท้ายเซียถงก็ยอมตอบตกลงแต่งงานกับหลานชายตัวเอง เขาเองก็ยิ้มแป้นแจ่มใสเบิกบานใจ
กล่าวกันตามสัตย์จริง เจตนาแรกที่เขาจับตัวเซียถงมาก็เพื่อฆ่าทิ้งและช่วงชิงเพลิงพิภพเก้าดุษณีในตัวนางมาเป็นของตน ต่อมา เมื่อได้ยลโฉมที่แท้จริงของสาวน้อยนางนี้หลังจากที่ปาดเช็ดร่องจุดด่างดำปลอมออก ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตถึงกับเปลี่ยนความคิดทันที พานพบเข้ากับหญิงสาวถล่มเมืองปานนี้ ก็อยากให้มาแต่งเข้าตระกูลหลัวเป็นสะใภ้ทันที แต่ใครจะไปคิด นางกลับมีตาหามีแววไม่ มิเห็นคึณค่าของหลานชายของเขาเลย อย่างไรเสีย ที่แท้ก็เล่นตัว ถ่วงเวลาเสียหน่อย เพราะสุดท้ายก็ยอมตัดสินใจแต่งงาน หญิงสาวสมัยนี้คงต้องมีลูกล่อลูกชนกันบ้างกระมัง
เซียถงเอนร่างพึงพักอยู่ที่หัวเตียงสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นางเป็นพวกไม่ชอบพูดอะไรมากมายอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับผู้อาวุโสอินทรีโลหิตที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่นัก นางยิ่งไม่ใส่ใจ
“ท่านปู่ เช่นนั้นแล้วก็รีบถอนพิษเครื่องหอมในกายของเซียถงได้แล้ว”
หลัวซีเห็นว่า สถานการณ์ทุกอย่างในเวลานี้เหมาะสมลงตัวดีแล้ว เขาจึงกล่าวขึ้นมาฉับไว
“หุหุ ไม่ต้องรีบร้อนไป หลังแต่งงานเสร็จยังมีเวลาเหลือหลาย ถึงตอนนั้นเดี๋ยวปู่คนนี้ช่วยขับพิษให้นางเอง”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตกล่าวตอบ ถึงแม้เขาจะมั่นใจหลายส่วนว่า เซียถงในเวลานี้มิสามารถหนีจากเงื้อมมือของเขาได้ แต่จะอย่างไรก็ควรระมัดระวังให้ดี สำหรับสาวน้อยนางนี้มิอาจประมาทได้จริงๆ
“แล้วจะหลอมกลั่นโอสถขับพิษให้หลัวซีเมื่อใด?”
เซียถงแทรกถามดังออกมา เพราะหลังจากหลอมกลั่นโอสถขับพิษให้หลัวซีเสร็จ นางจะได้หาจังหวะชิ่งหนีเสียที
“ตอนนี้เลย”
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตกล่าวตอบพร้อมสีหน้าสบายๆ ในเมื่อเซียถงตกลงปลงใจที่จะแต่งงานกับหลานชายของเขาแล้ว ผนวกไปกับในร่างกายของนางยังมีพิษเครื่องหอมของเขาตกค้างอยู่ ก็จึงไม่กลัวอีกฝ่ายเล่นอะไรตุกติก
“ชุนหลาน เซี่ยเห่อ พานางเข้าไปในห้องหลอมกลั่นโอสถ”
สาวงามในชุดแพรพรรณแดงทั้งสองก้าวย่างรับคำสั่ง ต่างคนต่างช่วยประคองแขนของเซียถงคนละข้าง พานางเดินติดตามหลังผู้อาวุโสอินทรีโลหิตเข้าห้องหลอมกลั่นโอสถไป
เซียถงในเวลานี้อยู่ในเรือนพักโบราณหลังใหญ่แห่งหนึ่ง เลี้ยวซ้ายทีขวาทีอยู่หลายโค้ง กว่าจะถึงห้องหลอมกลั่นโอสถตามที่ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตบอกกล่าว
ซึ่งภายในห้องหลอมโอสถของผู้อาวุโสอินทรีโลหิตโอ่โถงใหญ่โตและงดงาม เข้ามาถึงสิ่งแรกที่เซียถงสังเกตเห็นก็คือ เตาหลอมกลั่นโอสถนับหลายสิบ ชุนหลานและเซี่ยเห่อประคองนางมายั่งบนเก้าอี้ข้างเตาหลอมโอสถอันหนึ่ง นางทั้งสองก้าวถอยออกไปด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตหยิบกล่องขนาดเล็กลวดลายวิจิตรงดงามใบหนึ่งขึ้นมา และหันไปกล่าวกับเซียถงสีหน้าคร่งขรึมจริงจังขึ้นว่า
“เซียถง ซีเอ๋อร์คงบอกเจ้าแล้วกระมังว่า เพลิงพิภพเก้าดุษณีในส่วนที่อยู่ในกายเจ้าเป็นแก่นเพลิง ดังนั้นเมื่อเพลิงพิภพเก้าดุษณีในส่วนของข้าและเจ้าหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง มันหมายความว่า เพลิงพิภพเก้าดุษณีทั้งหมดจะตกเป็นของเจ้า”