ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 328 หนีออกมา (2)
ตอนที่328 หนีออกมา (2)
ตอนที่328 หนีออกมา (2)
ตั้งแต่ชาติปางก่อนจวบจนปัจจุบัน นี่เป็นครั้งแรกที่เซียถงรู้สึกถึงความไร้อำนาจถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งนี่มันแย่เสียยิ่งกว่าตอนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตายเสียอีก
เหม่อมองซองเครื่องหอมในมือ นางสูดหายใจเข้าแช่มลึก เก็บซ่อนมีดสั้นไว้ในแขนเสื้อดังเดิม และนั่งลงบนเก้าอี้ตรงโต๊ะกินข้าว เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและหันไปถามชุนหลานว่า
“ที่นี่คือที่ไหน?”
“เรือนพักส่วนตัวของนายท่านเจ้าค่ะ!”
ชุนหลานส่งเสียงตอบเย็นชา ทีท่าแสนเมินเฉยยิ่งนัก
เพียงได้แลเห็นท่าทางการแสดงออกอันไม่แยแสที่ฉาบคลุมบนใบหน้าของชุนหลาน เซียถงก็พึงตระหนักทราบ ไม่ว่าจะถามอะไรไปมากเท่าไหร่ คงไม่ได้คำตอบที่ต้องการจากปากของนางเท่าไหร่นัก เช่นนั้นจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบไม่เอ่ยถามใดๆ อีกต่อไป เพียงนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้สักครู่หนึ่ง พยายามพยุงร่างฝืนสังขารอันอ่อนแรงของตนลุกจากเก้าอี้ เดินไปทางประตูห้อง
ถามคนอื่นอีกร้อยครั้งก็ไม่ดีเท่ากับการได้เดินเที่ยวสำรวจเอง และที่สำคัญ นางยังจำเป็นต้องทำความคุ้นชินกับสภาพแวดล้อม และทางของเรือนแห่งนี้ให้มากเข้าไว้ เผื่อเวลาที่ต้องหลบหนีออกมาจะได้ไม่เกิดเรื่องผิดพลาด
“คุณหนูเจ้าค่ะ ท่านไม่ได้รับคำสั่งจากนายน้อยกับผู้อาวุโสให้ออกจากห้องนี้เจ้าค่ะ”
เมื่อเปิดประตูออกไป ก็มีเซี่ยเห่อคอยยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูที่รีบหันมาหยุดนางเอาไว้ จะอย่างไร ทัศนคติของเซี่ยเห่อที่มีต่อนางดูดีกว่าชุนหลานมาก อีกฝ่ายกะพริบตาแป๋วมองหน้าเซียถงอย่างเป็นกังวล น้ำเสียงและคำพูดฟังแล้วรื่นหูกว่ามาก
เซียถงหรี่ตาแคบจับจ้องอย่างสงสัย ก่อนร้องตะโกนขึ้นว่า
“หากข้าอยากจะออกไปจากที่นี่ ใครบ้างหาญกล้าห้ามข้า?!”
“คุณหนูกล่าวเช่นนี้พวกเราก็แย่สิเจ้าค่ะ หากท่านออกไป พวกเราเองก็คงโดนลงโทษอย่างหนัก”
ปฏิกิริยาท่าทางของเซี่ยเห่อดูไม่รำคาญหรือมีน้ำโหใดๆ กับเซียถงเลย นางเพียงระบายยิ้มแห้งเป็นคำตอบ สีหน้าดูค่อนข้างลำบากใจ
“คุณหนู อีกสองวันท่านกับนายน้อยก็จะได้มีความสุขกันแล้ว ควรอดทนหน่อยเจ้าค่ะ!”
ทันใดนั้นสุ้มเสียงที่แสนจะอบอุ่นของลุนหลานก็แผดดังขึ้นจากด้านหลัง เซียถงถูกกระชากคอเสื้อดึงกลับมาเบาๆ อีกฝ่ายออกแรงกดไหล่ทั้งสองข้าง บังคับให้นางนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
“คุณหนู รีบทานอาหารเถิดเจ้าค่ะ”
ชุนหลานคว้ามือของเซียถงขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมส่งตะเกียบให้ จ้องหน้าเซียถงอย่างเมินเฉย ลึกลงไปในแววตาอันแสนเย็นชานั่นปราศจากคลื่นอารมร์ใดปรากฏอยู่เลย
เซียถงหาได้ในใส่ใจต่ออากัปกิริยาที่ปราศจากความสุภาพของอีกฝ่ายใดๆ แต่ก็ยังนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้เฝ้าสบสายตามองอีกฝ่าย เพื่อวัดสังเกตปฏิกิริยาทางด้านอารมณ์ของอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่ง สิ่งแรกที่ชุนหลานคนนี้แสดงออกมาชัดเจนมากก็คือ อีกฝ่ายมีความเกลียดชังต่อตัวตนางค่อนข้างมาก อย่างไรก็ยังพยายามหยิบใช้ความเย็นชาไร้ความรู้สึกเหล่านี้หยิบยกขึ้นมาปกปิดความรังเกียจที่มีเอาไว้
แต่…ไฉนชุนหลานถึงรังเกียจตัวนางนัก?
คล้อยหลังจับจ้องอยู่นาน อีกฝ่ายยืนนิ่งราวกับประติมากรรมน้ำแข็ง ไม่สามารถสังเกตเห็นคลื่นอารมณ์ผันผวนใดที่แวบผ่านเข้ามาเลย เซียถงแสยะยิ้มบางๆ พลางยกมือขึ้นทัดผมสีดำขลับของตนอย่างแช่มช้า เอ่ยขึ้นเสมือนรู้ทันว่า
“มีอะไรอยากจะพูดกระมัง?”
“วันมะรืนจะถึงวันแห่งความสุขระหว่างท่านกับนายน้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“ใครเป็นคนกำหนดวัน?”
“ท่านพ่อของนายน้อย”
“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
เซียถงโบกมือไล่ออกไป สำหรับข่าวนี้ ตัวนางไม่ค่อยประหลาดใจเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยเพลิงพิภพเก้าดุษณีทั้งหมดกลายมาเป็นของนางโดยสมบูรณ์แล้ว ผู้อาวุโสอินทรีโลหิตเองก็คงอยากจะจับนางแต่งงานกับหลัวซีโดยเร็วที่สุดช้นกัน
มีเวลาสองวัน ภายในสองวันนี้นางจะต้องหาทางหนีออกจากที่นี่ให้จงได้!
หลิวซูปรากฏตัวขึ้นมาในห้องของเซียถงในตอนกลางดึก หอบขวดบรรจุโอสถมาเป็นจำนวนมากในอ้อมแขน แต่กลับไม่มีโอสถสำหรับขับพิษเครื่องหอมเลยในนั้น
“หลิวซู เจ้าออกไปหาใหม่อีกรอบ ข้าต้องได้โอสถขับพิษบ้านี่ก่อนวันมะรืน!”
เซียถงออกคำสั่งน้ำเสียงเด็ดขาด ราวกับว่าถ้าหาไม่ได้ก็เตรียมโดนประหารชีวิตได้เลย
“ข้าก็หาสุดความสามารถแล้ว!”
หลิวซูเกาหัวแกรกสีหน้าอารมณ์เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมา การจะสรรหาขวดโอสถขับพิษนี่มันหาใช่เรื่องสนุกเอาเสียเลย
“ยังไงก็ต้องหาต่อไปจนกว่าจะเจอ มิฉะนั้นเจ้าเตรียมโดนโกนหัวแน่!”
เซียถงจ้องหน้าถมึงทึงใส่
ภายใต้วาจาคำกดขี่ของเซียถง หลิวซูจำใจต้องออกไปเสาะหาโอสถขับพิษอีกครั้ง เซียถงทอดสายตามองหน้าไปทางหน้าต่างที่ถูกปิดมิให้มองเห็นด้วยความหงุดหงิดใจ ไฉนจวบจนตอนนี้จี้จี้ก็ยังไม่ปรากฏตัวเสียที? นี่เป็นความหวังสุดท้ายแล้วที่นางเชื่อมั่น หากกล่าวกันตามสัตย์จริงจาก้นบึ้งหัวใจ นางรู้สึกว่า จี้จี้พึ่งพาได้มากกว่าหลิวซูเสียอีก
วันรุ่งขึ้น ชุนหลานเดินทางเข้ามาส่งอาหารยามเช้าให้ พร้อมกับกล่องเครื่องประดับมากมายที่เรียงรายบนเตียง เซียถงกวาดสายตามองเครื่องประดับต่างๆ นานาที่ถูกจัดแจงเรียงออกมาตรงหน้า ดูประหลาดใจมิใช่น้อย
“คุณหนูเซีย นายน้อยขอให้ท่านตัดสินใจเลือกเครื่องประดับที่ชอบที่สุดมา เพื่อใช้ในการสวมประดับในงานแต่งเจ้าค่ะ”
ชุนหลานเปล่งวาจาติดน้ำเสียงอบอุ่น แต่เมื่อพูดถึงประโยคสุดท้ายกลับสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือกที่พ่นออกมา
หื้ม? หลัวซี เจ้าคิดจะเล่นเช่นนี้กับข้าจริงๆ งั้นรึ?
แววตาของเซียถงมืดทมิฬจมลงสู่ความมืดในทันใด เปล่งเสียงเย็นชาสะกดเพียงไม่กี่คำดังขึ้นว่า
“ไปเรียกนายน้อยของเจ้ามาพบข้าเดี๋ยวนี้”
ชุนหลานเพียงคลี่ยิ้มบางส่งให้และร่นฝีเท้าก้าวถอยหลังออกจากประตูไป เมื่อเบี่ยงสายตาไปทางด้านข้างประตู ณ มุมอับสายตาที่เซียถงมองไม่เห็น ก็ปรากฏชายหนุ่มในเสื้อคลุมสีม่วงยืนพิงกำแพงข้างประตูอยู่ ชุนหลานปั้นสีหน้ารวนเรไม่แน่ใจอยู่สักพัก ก่อนจะหันไปเอ่ยถามหลัวซีเบาๆ ขึ้นว่า
“นายท่าน ท่านต้องการแต่งงานกับคุณหนูเซียจริงๆ งั้นรึ?”
น้ำเสียงของนางฟังดูเย็นชานน้อยกว่าปกติ และที่เพิ่มเติมเข้ามาคือความอ่อนโยน
เซี่ยเห่อที่ยืนเฝ้าหน้าประตูเบะปากคว่ำทำหน้าบึ้งดูไม่ค่อยพอใจ พี่ชุนหลานนางนี้มักจะทำตัวอ่อนโยนเป็นพิเศษ เฉพาะตอนที่อยู่กับนายน้อยเสมอ
หลัวซีมิได้ปริปากตอบใดๆ สายตาคู่นั้นของเขามองกวาดผ่านบานหน้าต่างที่คนด้านในไม่สามารถมองเห็นได้ มองเซียถงที่กำลังนั่งหลับตานิ่งอยู่บนเก้าอี้ หลังจากที่เขาทำข้อตกลงกับนาง หลัวซีก็มักจะซ่อนตัวอยู่แต่ในเงามืด เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ทุกอากัปกิริยาการเคลื่อนไหวของนางโดยตลอดมา
ภายในห้องนั้น มีสาวงามกำลังนั่งตัวตรง ผิวพรรณขาวผ่องประดุจหยกบริสุทธิ์ทรงสง่างดงาม นัยน์ตาคู่ใสสีดำขลับเข้มดุจน้ำหมึกประดับล้อมดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ความเปล่งประกายที่แผ่สะท้อนออกมาจากตัวของนางช่างเจิดจรัส ฉาบคลุมไปทั่วทั้งห้อง
ในเวลานี้ ถึงแม้ตัวนางจะถูกพิษเครื่องหอมควบคุมเอาไว้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่มันก็ไม่สามารถลบล้างความหยิ่งผยองและทะนงตนของนางได้เลยสักนิด เสมือนว่านางเป็นเทพธิดาที่ลงมาจุติบนผืนพิภพ ไม่ว่าสิ่งใดก็มิอาจทำให้นางหม่นหมองลงได้เลย!