ทะลุมิติไปเป็นพระชายาโหดแห่งวังหลวง - ตอนที่ 33 ระเบิดพลัง (1)
ตอนที่33 ระเบิดพลัง (1)
เซียถงร่างทรุดหมอบอยู่กับพื้นกัดฟันดังกรอด ฝืนตัวเองกลิ้งหนีหลบเลี่ยง ขณะเดียวกันความเจ็บปวดในช่องท้องยิ่งเพิ่มทวีทบ ทั้งยังแสดงอาการปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้กระบวนการเคลื่อนไหวและปฏิกิริยาตอบสนองช้าลงไปตาม บาดแผลบนร่างกายฉกรรจ์หนักเพิ่มจำนวนจนทั่วร่างกาย เสื้อผ้าแพรพรรณสีขาวที่สวมใส่มาในวันนี้ แปรสภาพกลายเป็นผ้าขี้ริ้วขาดรุ่ย ชุ่มชโลมเลือดสีแดงสด
“เซียถง เจ้าริอ่านลงมือลงไม้กับองค์รัชทยาทผู้นี้เชียวรึ? หลังจากขบการประลอง ข้าจะนำตัวเจ้าไปกักขังในคุกใต้ดินของวังหลวง เพื่อรอรับโทษต่อไป!”
ไป๋หลี่เย่สาดประกายสายตาความไม่พอใจใส่ ที่ผ่านมา ตนมักจะถูกเซียถงปฏิบัติดั่งธาตุอากาศ เพิกเฉยไม่เห็นหัวกันใส่นับหลายครั้ง ส่งผลให้ความเกลียดชังภายในใจของเขาที่มีต่อนางเพิ่มพูนเป็นชั้นหนา คมกระบี่ยาวในมือเชิดชูขึ้นสูงตระหง่านฟ้า ในกระบวนถัดไป ไป๋หลี่เย่เล็งเป้าไปที่หน้าอกของเซียถง หวังเสียบทะลุสักแผล น่าจะสร้างความทรมานให้ไม่น้อย
เซียถงตั้งมั่น มุ่งสมาธิทั้งหมดที่เหลืออยู่ไปยังคมกระบี่เบื้องหน้าที่กำลังแทงเข้าใส่
เห็นสาวน้อยนอนหมดสภาพคาพื้นสนามเช่นนี้แล้ว ไป๋หลี่เย่รู้สึกอารมณ์ดี เบิกบานแจ่มใสยิ่งกว่าวันใด
ในที่สุด วันนี้เขาก็กำจัดนังอัปลักษณ์ที่เปรอะเปื้อนอยู่บนดวงตาออกไปได้เสียที!
มองดูไป๋หลี่เย่ชักนำพลังขอบเขตเสาหลักฟ้าครึ่งขั้น กรอกเทใส่ปลายคมกระบี่ยาวในมือกำลังดิ่งสะท้านใส่กลางอกของเซียถง เหล่าฝูงชนโดยรอบอัฒจันทืร์ทั้งหลาย ต่างร้องอุทานตกใจ คิดกันไปว่า องค์รัชทายาทมีเจตนาจะสังหารเซียถงจริงๆ
“คุณหนู!!”
อิ๋งเอ๋อร์ที่เฝ้าดูอยู่ข้างสนามกรีดร้องเสียงหลง ก่อนจะเป็นลมล้มไป เซี่ยหลู่เฟิงรีบกระโดดขึ้นลานประลอง ทะยานเข้าไปหวังจะรับคมกระบี่ยาวนี้แทนเซียถง
ม่านตาดำบีบแคบหดเล็กเท่ารูเข็ม ร่างเพรียวบางจู่ๆ ก็ลุกขึ้นพรวดท่ามกลางเสียงร้องอุทานของเหล่าฝูงชน โยนส่งมีดสั้นจากมือขวาไปยังซ้าย คมแสงเย็นทอประกายยะเยือกวูบวาบ พร้อมคว้าเสียบเสียงดัง ‘ซวบ’ แทงทะลุไหล่ขวาของไป๋หลี่เย่โดยตรง
ชั่วอึดใจเดียวกัน เซี่ยหลู่เฟิงรีบยื่นมือไปคว้าคมกระบี่ยาวของไป๋หลี่เย่ หยุดเอาไว้ได้ทันท่วงที
“ไป๋หลี่เย่ ถึงข้าจะโดนวางยาพิษ แต่ข้าก็ยังเอาชีวิตเจ้าไปได้!”
สีหน้าของเซียถงในยามนี้ซีดเผือดเป็นการหนัก แต่สองเท้ายังคงยืนหยัดต่อหน้าไป๋หลี่เย่เอาไว้ได้ ทั่วทั้งใบหน้าอาบสีแดงจากเลือดของตนที่โดนอีกฝ่ายฟาดฟันสาดกระเซ็น ลึกลงไปในดวงตาอัดแน่นไปด้วยความอาฆาตสุดพรรณนา
ไป๋หลี่เย่มองไปยังหญิงสาวใบหน้าเปื้อนเลือดที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาเบิกกว้าง มีแต่ความตกตะลึงอัดแน่นอยู่ภายในนั้น
นี่มันเป็นไปได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าเซี่ยเสวี่ยเหลียนลอบวางยาพิษลงในอาหารเช้าของนางแล้วหรอกรึ? แล้วไยนางยังลุกขึ้นกระโดดโล้นเต้นได้เช่นนี้ล่ะ?
ไอหนาวอันแสนเย็นเยียบ ลามขึ้นสู่คู่ขาแพร่กระจายยันคู่แขน จับไปถึงขั้วกระดูกทั่วร่างกาย เสียวสันหลังวูบ ขนลุกขึ้นซู่วจนเนื้อตัวสั่นเทาไม่หยุด แน่นอน นี่ยังไม่รวมถึงกระแสความเจ็บปวดที่โฉบแล่นผ่านบนไหล่ขวาของเขาอีก
“ถงถง”
เซี่ยหลู่เฟิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง กับสีหน้าของเซียถงในขณะนี้ ขานเรียกชื่อนางออกไปคำหนึ่ง ดูมาท่าทางไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก
หากแต่สุ้มเสียงเรียกนี้ดังไม่ถึงหูของเซียถง นางยังกระชับจับมีดสั้นไว้แน่นหนา และพยายามออกแรงแทงให้ลึกลงอีก แต่เคลื่อนเสียบเข้าลึกได้อีกแค่ครึ่งนิ้วเท่านั้น อาการเจ็บปวดบริเวณช่องท้องก็ยิ่งกำเริบรุนแรงหนักข้อ กวาดล้างสติสัมปชัญญะของนางเจียนภาพตัดดับวูบลง ร่างกายอ่อนระทวย คลายมีดสั้นในมือลง ทรุดตัวล้มลงกับพื้นทั้งเช่นนั้น
“ถงถง!”
เซียหลู่เฟิงรีบปล่อยมือจากคมกระบี่ยาวโดยเร็ว วิ่งเข้าไปประคองร่างของเซียถงมิให้ล่วงกระแทกพื้นได้ทันท่วงที
“นายท่าน! นายท่าน! ท่านถูกวางยาพิษได้อย่างไร?”
ภายในห้วงความคิด กลุ่มแสงสีม่วงดวงหนึ่ง ก็ค่อยๆ ส่องสว่างขึ้น สุ้มเสียงดังฟังชัดของเสี่ยวฮั่วเอ่ยออกมา
เนื่องจากแรงกัดฟันฝืนเฮือกสุดท้าย เซียถงได้นำใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ออกมา ส่งผลให้ไปกระตุ้นอาการเจ็บปวดบริเวณช่องท้องจนปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น ยามนี้นางพูดไม่ไหวแล้ว ได้แค่ส่งความคิดอันเลือนลานถามเสี่ยวฮั่วไปว่า
“เจ้าช่วยข้าขับพิษออกไปได้หรือไม่?”
นางยังจะมาแพ้ตรงนี้ไม่ได้ มิฉะนั้นเห็ดหลินจือมรกตจะต้องหลุดลอยเป็นแน่ และสภาพร่างกายของท่านแม่คงจะ…
“ได้แน่นอน นายท่าน!”
สิ้นเสียงกล่าวจบ กลุ่มแสงสีม่วงดวงนั้นก็ย่อขนาดเล็กเท่าเม็ดฝุ่น และแหวกว่ายเจ้าไปในจุดตันเถียนของนางโดยตรง เข้าไปนำเอาเมือกสีดำคราบเล็กคราบน้อยที่เกาะติดออกมาจนหมด หลังจากเจ้าตัวต้นต่อปัญหาถูกกำจัดออกไปสมบูรณ์แล้ว
ทันใดนั้นเซียถงก็ฟื้นตัวกลับเป็นปกติภายในพริบตาเดียว กระแสลมปราณอันทรงอานุภาพเริ่มไหลบ่า ทะลักล้นเข้าหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายของนางอีกครั้ง เสมือนคลื่นน้ำป่าหลาก
ไป๋หลี่เย่กดสายตามองต่ำไปทางเซียถงที่นอนแน่นิ่งในอ้อมแขนของเซี่ยหลู่เฟิง ยืนชี้ปลรายกระบี่ยาวใส่หน้าอีกฝ่าย กล่าวขึ้นด้วยความโมโหขึ้นว่า
“เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่า นังเดรัจฉานนี่ต้องการจะเอาชีวิตองค์รัชทยาทผู้นี้! เช่นนั้นนางสมควรตายแล้ว!”
“หากมิใช่เพราะองค์รัชทายาทที่มีเจตนาเอาชีวิตของถงถงก่อน มีหรือที่นางจะคิดทำเรื่องเช่นนั้น?”
“เพราะนางเจตนาทำร้ายองค์รัชทยาทก่อนต่างหาก! ฐานที่บังอาจทำให้เชื้อพระวงศ์ได้รับบาดแผล คือบทลงโทษสถานหนัก!”
ใบหน้าของไป๋หลี่เย่บิดเบี้ยวน่าเกลียด กล่าวอ้าง แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ออกไป
“ไหนว่าตั้งแต่ที่ท่านเหยียบย่างขึ้นสู่สนามประลอง ก็ได้ถอดยศถาบรรดาศักดิ์ออกไปโดยสิ้นแล้ว และจะไม่ถือโทษเอาความย้อนหลัง? นี่กลับเป็นคำกล่าวของท่านเองจำมิได้รึ?”
เซี่ยหลู่เฟิงสวนคำถามใส่ น้ำเสียงก่นเย็นเคียดแค้นมากมาย
ไป๋หลี่เย่ถึงกับชะงักหยุด พูดไม่ออกในทันใด ใบหน้าเริ่มส่อแววอายเก้อ
ทั้งนี้ยังมีฝูงชนบางกลุ่มก้อนเริ่มไม่พอใจกับการกระทำอันโหดร้ายถึงขั้นเอาชีวิตเซียถงขององค์รัชทายาทบ้างแล้ว
ไป๋หลี่เย่เหม่อมองเซียถงที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเซียหลู่เฟิงอยู่สักครู่หนึ่ง ชี้ปลายกระบี่ยาวใส่หน้านาง กล่าวน้ำเสียงกระแทกกระทั้นหงุดหงิดขึ้นว่า
“เช่นนั้นแล้ว หากนางยังไม่ลุกขึ้นอีก การประลองรอบนี้ข้าจะเป็นฝ่ายชนะทันที!”
ทันทีที่สิ้นเสียงกล่าวจบ ทุกคนรวมไปถึงฝูงชนทั้งหมดโดยรอบ ต่างเห็นธารแสงสีเขียวสว่างสดใสเปล่งประกายจรัสขึ้นจากอ้อมแขนของเซี่ยหลู่เฟิงโดยพร้อมเพรียง ทันใดนั้นเอง แสงสีเขียวดังกล่าวก็ยิ่งเพิ่มทวีระดับความเข้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไล่จนไปถึงสีเขียวข้นคลั่กสุดขีด ก่อนจะกลายมาเป็นสีครามฟ้าใสบริสุทธิ์ไร้สิ่งมัวมอง
ร่างเงาซึ่งปกคลุมธารแสงสีครามฟ้าสายหนึ่ง พุ่งปราดไปทางไป๋หลี่เย่ด้วยความเร็วประดุจสายอัสนีผ่าสะบั้น!
เสมือนบุปผาพราวแสง จรัสครามฟ้าดั่งนภาสดใส ไสววูบโฉบเฉี่ยว เกิดเป็นเงาซ้อนสายยาว ทิ้งทวนประกายระยิบระยับ
ภาพฉากนี้…ช่างงดงามดั่งงานศิลป์ชิ้นเอก!
ขอบเขตเสาหลักฟ้า! ขอบเขตเสาหลักฟ้าของจริง!!
บรรดาฝูงชนทั้งหลายหลากถึงกับเงียบกริบ แต่ละคนอ้าปากค้างเบิกตาโตแทบถล่น ขณะจับจ้องลำแสงสีครามฟ้าพุ่งทะยานเข้าใส่ไป๋หลี่เย่
ไป๋หลี่เย่เองก็ตะลึงงันเช่นกัน แต่ชั่วขณะอึดใจ ก็รีบชักนำสติสะตังกลับคืนมา พร้อมเร่งระดมขุมพลังแห่งขอบเขตเสาหลักฟ้าครึ่งขั้นสุดฤทธิ์สุดเดช กรอกเทกระแสลมปราณสีเขียวประกายฟ้า คลุมเคลือบอัดแน่นอยู่บนใบดาบของคมกระบี่ ขณะเงยหน้าขึ้นเผชิญกับอีกฝ่าย กลับสายเกินไปเสียแล้ว คมมีดสั้นในมือของเซียถงตัดผ่านใบหน้าปาดลึกสุดใจไปอย่างต่อหน้าต่อตา
ร่างเพรียวบางชุ่มชโลมเลือดสีแดง กำลังร่ายรำท่ามกลางแสงระยับสีครามฟ้า ทั้งสองขั้วสีตัดกันได้อย่างลงตัว งดงามวิจิตรตายิ่งนัก และทิ้งท้ายก่อนปิดม่านการแสดงลง ปรากฏเป็นน้ำพุเลือดสายหนึ่งที่พวยพุ่งออกจากแผลฉีกลึกใบหน้าของไป๋หลี่เย่
โดยปราศจากความลังเลอันใด เซียถงหมุนตัวกลับหลัง เตรียมสาดกระบวนโจมตีใส่อีกฝ่ายเป็นคำรบสอง
ไป๋หลี่เย่รีบโบกสะบั้นคมกระบี่ยาวในมือหวังที่จะปัดป้อง แต่ระดับชั้นความเย็นกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เจ้าของร่างท่ามกลางแสงระยับสีครามฟ้า โผล่ร่างอันตรธานหาย ตัดสลับไปมาวูบวาบดั่งภูตผี สุดท้ายเขาเกินจะต้านทานได้ไหว ร่างของเซียถงปรากฏขึ้นอีกครั้งในมุมอับของอีกฝ่าย เกิดจะคาดจินตนาการถึง เรียวนิ้วยาวตวัดมีดสั้น เปลี่ยนท่าจับให้เข้าเหมาะกับมุมจู่โจม วาดรัศมีลากยาว ฟาดฟันร่างของไป๋หลี่เย่จากล่างขึ้นบน เลือดสดพุ่งกระฉูด สาดกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ